กำลังแสดงผล 1 ถึง 5 จากทั้งหมด 5

หัวข้อ: วันสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช

Threaded View

คำตอบที่แล้วมา คำตอบที่แล้วมา   คำตอบถัดไป คำตอบถัดไป
  1. #1
    ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านมหา สัญลักษณ์ของ nuzing
    วันที่สมัคร
    May 2007
    ที่อยู่
    ตกฟากอยู่อุบล เป็นคนชราบางแคแล้ว
    กระทู้
    2,260
    บล็อก
    5

    บ้านมหาโพสต์ วันสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช

    วันสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
    วันสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช

    อนุสาวรย์พระเจ้าตากสินมหาราชที่วงเวียนใหญ่

    อันตัวพ่อชื่อว่าพระยาตาก ทนทุกข์ยากกู้ชาติพระศาสนา
    ถวายแผ่นดินเป็นพุทธบูชา แด่ศาสนาพระพุทธโคดม
    ให้ยืนยงคงถ้วนห้าพันปี สมณะพราหมณ์ชีปฏิบัติให้เหมาะสม
    เจริญสมถะวิปัสสนาพ่อชื่นชน ถวายบังคมรอยบาทพระศาสดา
    คิดถึงพ่อพ่ออยู่คู่กับเจ้า ชาติของเราคงอยู่คู่พระศาสนา
    พระพุทธศาสน์ยืนยงคู่องค์กษัตรา พระศาสดาฝากไว้ให้คู่กัน


    นี่คือพระราชปฏิธานของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชในการกู้ชาติไมยเมื่อครั้งเสียกรุงอยุธยาครั้งที่ 2 เมื่อ พ.ศ. 2310


    วันสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
    28 ธันวาคม พ.ศ. 2311 : สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ปราบดาภิเษกเป็นกษัตริย์ เสด็จขึ้นเถลิงถวัลย์ราชสมบัติ ณ กรุงธนบุรี

    28 ธันวาคม พ.ศ. 2311 สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ปราบดาภิเษกเป็นกษัตริย์ เสด็จขึ้นเถลิงถวัลย์ราชสมบัติ ณ กรุงธนบุรี พร้อมทั้งสถาปนากรุงธนบุรีให้เป็นราชธานี ขณะพระชนมายุได้ 34 พรรษา ทรงพระนามว่า สมเด็จพระศรีสรรเพชญ์ หรือ พระบรมราชา ที่ 4 จากนั้นทรงยกทัพไปปราบก๊กต่าง ๆ และรวบรวมอาณาเขตอยู่ 3 ปี จึงสามารถรวบรวมให้เป็นพระราชอาณาจักรเดียวกันอีกครั้ง พระองค์ทรงครองราชย์ได้เพียง 15 ปีก็สวรรคตขณะพระชนมายุ 48 พรรษา ต่อมาทางราชการได้กำหนดให้ วันที่ ๒๘ ธันวาคมของทุกปี เป็น วันสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทางราชการจึงจัดให้มีพิธีวางพวงมาลาที่อนุสาวรีย์ของพระองค์ท่าน ที่วงเวียนใหญ่ ธนบุรี
    -------------------------------------------------------------
    28 ธันวาคม วันพระเจ้าตากสินมหาราช ร่วมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่มีต่อแผ่นดินไทย

    พระราชประวัติสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
    สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงพระราชสมภพ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 23 มีนาคม พ.ศ.2277 ตรงกับปีขาล ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 5 จุลศักราช 1096 ในรัชกาลสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศแห่งกรุงศรีอยุธยา

    การรับราชการ
    ตำแหน่งราชการที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศทรงไว้วางพระทัยโปรดเกล้าฯ ให้ปฏิบัติมีอยู่มากมาย อาทิ ตำแหน่งมหาดเล็กรายงาน ซึ่งเป็นข้าหลวงเชิญท้องตราพระราชสีห์ขึ้นไปชำรุความตามหัวเมืองเหนือ เพราะทรงมีความรู้ด้านกฎหมายเป็นอย่างดี และได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งยกกระบัตรเมืองตาก ดำรงตำแหน่งเจ้าเมืองตาก ตามลำดับ
    ในสมัยสมเด็จพระเจ้าเอกทัศ ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งพระยาวชิรปราการ เจ้าเมืองกำแพงเพชร อันเป็นตำแหน่งสูงสุดฝ่ายพลเรือน แต่บ้านเมืองเกิดศึกสงครามเสียก่อนท่านจึงต้องอยู่ช่วยราชการไม่ทันได้เดินทางไปรับตำแหน่ง

    ฝ่าวงล้อมทหารพม่า
    ในวันที่ 3 มกราคม พ.ศ.2309 ซึ่งตรงกับวันเสาร์ ขึ้น 4 ค่ำ เดือนยี่ จุลศักราช 1128 ปีจอ อัฐศก พระยาวชิรปราการ (ยศในขณะนั้น) เห็นว่ากรุงศรีอยุธยาคงต้องเสียทีแก่พม่า จึงตัดสินใจรวบรวมทหารกล้าราว 500 คน ตีฝ่าวงล้อมทหารพม่า โดยตั้งใจว่าจะกลับมากู้กรุงศรีอยุธยากลับคืนให้ได้โดยเร็ว
    พระยาวชิรปราการ ต้องการยึดเมืองจันทบุรีไว้เป็นที่มั่น เพื่อรวบรวมกำลังกลับมาตีพม่า จึงสั่งทหารทุกคนว่า
    “เมื่อกินข้าวปลาอาหารอิ่มแล้ว ให้ทุบหม้อข้าวหม้อแกงทิ้งเสีย คืนนี้เราจะดีเมืองจันทบุรีให้ได้ แล้วพรุ่งนี้เราจะกินข้าวเช้ากันในเมืองจันท์”
    กู้ชาติ
    กรุงศรีอยุธยาแตกเมื่อวันอังคาร ขึ้น 9 ค่ำ เดือน 8 ปีกุน นพศก จุลศักราช 1129 ตรงกับ พ.ศ.2310 และสมเด็จพระเจ้าตากสิน สามารถกู้กลับคืนมาได้ เมื่อวันศุกร์ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 จุลศักราช 1129 ปีกุน นพศก ซึ่งตรงกับวันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ.2310 รวมใช้เวลารวบรวมผู้คนจนเป็นทัพใหญ่กลับมากู้ชาติด้วยระยะเวลาเพียง 5 เดือนเท่านั้น

    ตั้งราชธานีใหม่
    พระเจ้าตากสินทรงเห็นว่ากรุงศรีอยุธยาเสียหายมากยากที่จะปฏิสังขรณ์ จึงให้ย้ายมาสร้างเมืองหลวงใหม่ที่กรุงธนบุรี เพราะเห็นว่าไม่ใหญ่โตเกินกำลังมีป้อมปราการที่แข็งแรงสามารุป้องกันศึกศัตรูได้ เนื่องจากมีป้อมกันข้าศึกถึง 3 ป้อม อีกทั้งมีความอุดมสมบูรณ์ด้วยพัชพันธุ์ธัญญาหาร และเป็นเมืองใกล้ทะเลสามารถติดต่อค้าขายกับต่างประเทศได้สะดวก

    ปราบดาภิเษก
    หลังจากสร้างพระราชวังบนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยาแล้ว เมื่อทรงจัดการบ้านเมืองเรียบร้อยพอสมควร บรรดาแม่ทัพ นายกอง ขุนนาง ข้าราชการทั้งฝ่ายทหารและพลเรือน ตลอดทั้งสมณะพราหมณาจารย์และอาณาประชาราษฎร์ทั้งหลาย จึงพร้อมกันกราบบังคมทูลอัญเชิญขึ้นทรงปราบดาภิเษก เป็นพระมหากษัตริย์ ณ วันพุธ เดือนอ้าย แรก 4 ค่ำ จุลศักราช 1130 ปีชวด สัมฤทธิศก ตรงกับวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ.2311 ทรงพระนามว่า พระศรีสรรเพชญ์ หรือสมเด็จพระบรมราชาที่ 4 แต่เรียกขานพระนามของพระองค์ติดปากว่า สมเด็จพระเจ้าตากสิน หรือสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี

    พระราชกรณียกิจที่สำคัญ ๆ
    นอกจากพระราชกรณียกิจในด้านกู้ชาติแล้ว สมเด็จพระเจ้าตากสิน ยังได้ปราบอริราชศัตรูที่มักจะล่วงล้ำเขนแดนเข้ามาซ้ำเติมไทยยามศึกสงครามอยู่เสมอ จนในสมัยของพระองค์ได้ขยายอาณาเขตออกไปอย่างไพศาล กล่าวคือ
    ทิศเหนือ ได้ดินแดนหลวงพระบาง และเวียงจันทน์
    ทิศใต้ ได้ดินแดนกะลันตัน ตรังกานู และไทรบุรี
    ทิศตะวันออก ได้ดินแดนลาว เขมร ทางฝั่งแม่น้ำโขงจดอาณาเขตญวน
    ทิศตะวันตก จรดดินแดนเมาะตะมะ ได้ดินแดน เมืองทวาย มะริด ตะนาวศรี
    พระองค์ยังโปรดเกล้าฯ ให้มีการฟื้นฟูและสร้างวรรณกรรม นาฏศิลป์ และการละครขึ้นใหม่ แม้ว่าจะมีศึกสงครามตลอดรัชกาล กระนั้นก็ยังทรงพระราชนิพนธ์เรื่องรามเกียรติ์ถึง 4 เล่ม สมุดไทย ในปี พ.ศ.2312 นับว่าทรงมีอัจฉริยภาพสูงส่งเป็นอย่างมาก และในรัชสมัยของพระองค์มีกวีที่สมควรได้รับการยกย่อง 2 ท่าน คือ
    1. นายสวน มหาดเล็ก ซึ่งแต่งโคลงสี่สุภาพ แต่งขึ้นเพื่อยกพระเกียรติและสรรเสริญ สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี 85 บท เป็นสำนวนที่เรียบง่าย แต่ทรงคุณค่าด้วยเป็นหลักฐานที่คนรุ่นต่อมาได้ทราบถึงสภาพบ้านเมืองและความเป็นไปในยุคนั้น
    2. หลวงสรวิชติ (หน) ซึ่งต่อมาในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ มีบรรดาศักดิ์เป็นเจ้าพระยาพระคลัง (หน) งานประพันธ์ของท่านเป็นที่รู้จักและแพร่หลาย จนถึงปัจจุบัน เช่น สามก๊ก เป็นต้น
    พระเจ้าตากสิน ยังโปรดให้มีการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา การติดต่อการค้ากับต่างประเทศ ในด้านการปกครอง หลังจากสถาปนาเมืองธนบุรีเป็นราชธานีแล้ว ทรงจัดวางตำแหน่งหน้าที่ข้าราชการทั้งฝ่ายทหารและพลเรือน ทรงสอดส่องทุกข์สุขของราษฎร และหลังจากกอบกู้แผ่นดินได้แล้ว พระองค์ได้ทรงอัญเชิญพระบรมศพสมเด็จพระเจ้าเอกทัศมาจัดถวายพระเพลิงอย่างสมพระเกียรติและยังทรงรับอุปการะบรรดา เจ้าฟ้า พระองค์ฟ้า พระราชโอรส ตลอดทั้งพระเจ้าหลานเธอของพระมหากษัตริย์กรุงศรีอยุธยาทุกพระองค์ ด้วยความกตัญญูกตเวที

    เหตุการณ์ช่วงปลายรัชกาล
    ในปี พ.ศ.2324 เกิดศึกทางกัมพูชา สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ถืออาญาสิทธิ์เป็นแม่ทัพไปปราบ พร้อมกันนั้นยังได้ทรงถอดฉลองพระองค์พระราชทานให้ด้วย เหมือนกับจะเป็นบุพนิมิตว่า สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกจะได้เป็นพระเจ้าแผ่นดินไปในภายหน้า
    และการก็เป็นจริงดังนั้น ด้วยเพราะเกิดการจลาจลขึ้นในกรุงธนบุรี สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีมีพระสติฟั่นเฟือน เมื่อสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกกลับสู่พระนคร บรรดาเหล่าข้าราชการและราษฎรทั้งปวง จึงอัญเชิญให้ขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดิน องค์ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี ในวันที่ 6 เมษายน พ.ศ.2325 เพื่อปกครองไพร่ฟ้าประชาราษฎรสืบต่อไป

    ถวายพระนามมหาราช และการสร้างพระราชอนุสาวรีย์
    ด้วยพระปรีชาสามารถของพระองค์ตามที่กล่าวมาแล้ว ประชาชนทุกหมู่เหล่าจึงพร้อมใจกันถวายพระนาม “มหาราช” แด่ “สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช” และรัฐบาลอันมี ฯพณฯ จอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี พร้อมทั้งเหล่าพสกนิกรชาวไทย ได้พร้อมใจกันสร้างพระราชอนุสาวรีย์ประดิษฐาน ณ วงเวียนใหญ่ ฝั่งธนบุรี ซึ่งศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี คณบดีประติมากรรม มหาวิทยาลัยศิลปากรขณะนั้น เป็นผู้ออกแบบ
    ทางราชการได้ประกอบพระราชพิธีเปิดและถวายบังคมพระบรมราชอนุสาวรีย์ครั้งแรกเมื่อวันที่ 17 เมษายน พ.ศ.2497 และในวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ.2497 จึงมีรัฐพิธีเปิดเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดำเนินทรงวางพวงมาลา ถวายราชสักการะ ต่อมาทางราชการจึงกำหนดให้วันที่ 28 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเสวยราชย์ปราบดาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์ไทย เป็นวันถวายบังคมพระบรมราชอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
    กิจกรรมต่าง ๆ ที่ควรปฏิบัติในวันถวายบังคมพระบรมราชอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
    1. ประดับธงชาติตามอาคารบ้านเรือน สถานที่ราชการ
    2. จัดนิทรรศการเผยแพร่พระราชประวัติและพระเกียรติคุณของพระเจ้าตากสินมหาราช อันมีต่อปวงชนชาวไทย
    3.ร่วมกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การนำพวงมาลาไปถวายบังคมพระบรมราชานุสรณ์ การบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ต่อสังคม เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล


    ข้อมูลจาก..http://www.bmaeducation.in.th/content_view.aspx?con=430
    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย nuzing; 27-12-2009 at 13:12.

Tags for this Thread

กฎการส่งข้อความ

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •