-
Maximum learning
ศิลปิน นักเขียน
ดอกชมพูภูคา รับวาเลนไทม์
ดอกชมพูภูคา รับวาเลนไทม์
ย่างเข้าสู่เดือนกุมภาพันธ์เดือนแห่งความรักกันอีกครั้ง เดือนของคนมีคู่ สำหรับคนมีความรักคงจะอารมณ์เบิกบานเป็นพิเศษ นอกจากความรักอันแสนหวานของเหล่าคู่รักแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่พร้อมเบ่งบานในช่วงเดือนนี้ก็คือ ดอกไม้ชนิดหนึ่งที่มีชื่อว่า "ชมพูภูคา" ซึ่งเมื่อเกือบครึ่งศตวรรษที่ผ่านมาเคยมีรายงานการสำรวจพบต้นชมพูภูคาทางตอนใต้ของประเทศจีนและทางตอนเหนือของประเทศเวียดนาม จากนั้นก็ไม่มีรายงานการค้นพบต้นไม้ชนิดนี้อีกเลย ทำให้มีการคาดการณ์ว่าอาจจะสูญพันธุ์ไปจากโลกนี้ไปแล้ว
กระทั่งในปี พ.ศ. 2532 ดร.ธวัชชัย สันติสุข นักพฤกษศาสตร์ ได้ค้นพบต้นชมพูภูคาอีกครั้งที่อุทยานแห่งชาติดอยภูคา จ.น่าน และนั่นทำให้เรื่องราวของชมพูภูคากลายเป็นที่สนใจของสาธารณะชนขึ้นมา
ชมพูภูคา (ชื่อวิทยาศาสตร์ : Bretschneidera sinensis Hemsl. ชื่อวงศ์ : BRETSCHNEIDERACEAE) เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง สูงประมาณ 15-25 เมตร จะเจริญเติบโตได้ดีในบริเวณป่าดงดิบ ตามไหล่เขาสูงชันที่มีความสูงตั้งแต่ 1,200 เมตรขึ้นไปจากระดับน้ำทะเล และมีความชื้นของอากาศสูง มีอุณหภูมิเฉลี่ยทั้งปีค่อนต่ำ
ชมพูภูคา เป็นต้นไม้พันธุ์หายากที่ใกล้สูญพันธุ์ของโลก เป็นดอกไม้ที่จะพบได้เพียงแห่งเดียวเท่านั้นในโลกที่ ปัจจุบันมีรายงานการพบเพียงแห่งเดียวในโลกที่อุทยานแห่งชาติดอยภูคา
ชมพูภูคา ต้นไม้ที่พบแห่งเดียวในโลกที่ อช.ดอยภูคา
สำหรับลักษณะทั่วไปของต้นชมพูภูคาจะมีเปลือกเรียบสีเทา ใบประกอบแบบขนนกชั้นเดียวมีใบย่อยรูปไข่แกมรูปใบหอก ปลายใบแหลมยาว แผ่นใบด้านล่างมีนวลสีขาว ส่วนดอกเมื่อบานจะมีลักษณะคล้ายรูประฆัง กลีบดอกด้านนอกมีสีชมพูจางขาว และกลีบดอกด้านในมีสีชมพูลายเส้นสีม่วง ชูช่อเป็นพวงใหญ่ โดยปัจจุบันได้มีการทดลองเพาะกล้าไม้ชมพูภูคาเป็นผลสำเร็จ ซึ่งก็จะช่วยให้ต้นไม้ชนิดนี้ไม่สูญพันธุ์ไปจากโลกของเรา
สำหรับปีนี้คาดว่าชมพูภูคาจะบานรับกับช่วงวันวาเลนไทน์พอดี เพราะตอนนี้กำลังแทงช่อ เมื่อบานแล้วจะออกช่ออยู่ประมาณ 1 เดือน คือ เดือนกุมภาพันธ์ถึงมีนาคม จากนั้นก็จะโรยราไป ซึ่งในหนึ่งปีจะออกดอกเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
"ชมพูภูคา ตอนนี้เรามีการเพาะพันธุ์ด้วยเมล็ดได้หลายร้อยต้น การเพาะต้นชมพูภูคาไม่ยาก แต่ยากตรงเมล็ดมีน้อยต้องแย่งกับกระรอกให้ทัน ปีนี้ชมพูภูคาจะบานเยอะมาก เฉพาะต้นที่อยู่ริมถนนที่นักท่องเที่ยวนิยมไปดูนับได้ล่าสุดประมาณ 130 ช่อแล้ว เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ชมดอกชมพูภูคาอย่างใกล้ชิด เจ้าหน้าที่อุทยานฯ ได้จัดทำระเบียงไม้ยื่นออกไป ให้สามารถชมต้นชมพูภูคาที่ยืนต้นสูงขึ้นจากหุบเขาได้อีกด้วย"หน.พูนสถิต หัวหน้าวนอุทยานดอยภูคา กล่าว
สำหรับชมพูภูคาต้นแรกของทางอุทยานฯซึ่งเป็นต้นที่ ดร.ธวัชชัย สันติสุข ได้ค้นพบนั้น หลังจากต้านฝนทนแดด มาได้ประมาณ 50 60 ปี ปัจจุบันได้โดนฟ้าผ่าไปเรียบร้อยแล้ว
ส่วนต้นที่ดูกันอยู่ปัจจุบันนี้ ซึ่งขึ้นในจุดใกล้เคียงกับต้นแม่ คือ ต้นลูกที่ตกข้างเคียง ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องตกอกตกใจแต่ประการใด เพราะปกติไม้เนื้ออ่อนจะเสี่ยงต่อการผุพังอันเกิดจากการถูกหนอนชอนไชได้ง่ายอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับว่า ทำอย่างไรจะหาวิธีปลูกทดแทนให้ได้เท่านั้นเอง
นอกจากชมพูภูคาจะทำให้อุทยานฯดอยภูคาดูสดใสกลายเป็นสีชมพู หรือ สีจมออนในภาษาเหนือแล้ว ดอกชมพูภูคายังมีความสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่คนน่านแสนภูมิใจ นั่นก็คือ เป็นดอกไม้สัญลักษณ์ในโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชทานให้
[radio]http://www.freewebs.com/mummy001/0001%20Sukkhonbonfa%20Zai[/radio]
-
ร่วมถ่ายทอดความรู้สู่สังคม
Re: ดอกชมพูภูคา รับวาเลนไทม์
งามเนาะ เป็นตาไปเบิง แต่ได้ข้อมูลมาว่าทางขึ้นดอยภูคา ต้องเดินเท้าใกลมาก ต้องใช้ความอดทนอย่างสูง จังสิได้เห็น ความงาม
-
ร่วมถ่ายทอดความรู้สู่สังคม
Re: ดอกชมพูภูคา รับวาเลนไทม์
บรรยากาศดี ดอกไม้สวย
น่าจูงมือกันเดินขึ้นภูเน๊าะ
โอ๊ะ...เมืองเหนือเพิ่นเอิ้น "ดอย"เน๊าะ
::) ::) ::)
-
Maximum learning
ศิลปิน นักเขียน
Re: ดอกชมพูภูคา รับวาเลนไทม์
ความงามความยาก.........ใช่ลำบากการค้นหา
บุกป่าฝ่าหนาม...............พงพนาหาความงาม
กฎการส่งข้อความ
- You may not post new threads
- You may not post replies
- You may not post attachments
- You may not edit your posts
-
กฎฟอรั่ม
Bookmarks