ป.3 เม็ดเงาะติดคอพ้นขีดอันตรายแล้ว


ป.3 เม็ดเงาะติดคอพ้นขีดอันตรายแล้ว



เมื่อเวลา 11.30 น.ที่ห้องประชุมชั้น 10 ตึก สก โรงพยาบาลจุฬาฯรศ.นพ.ธีระพงศ์ เจริญวิทย์ รอง ผอ.ฝ่ายบริหาร,ผศ.น.พ.ดุสิต วีระไวทยะ ศัลยแพทย์,รศ.พญ.นวลจันทร์ ปราบพาล ผู้เชี่ยวชาญโรคระบบทางเดินหายใจ ร่วมกันแถลงความคืบหน้าภายหลังรับเด็กหญิงพรรษา สายสิงห์ อายุ 9 ปี นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนศาลเจ้านุกูล ย่านบางบอน ซึ่งเม็ดลำไยติดอยู่ในหลอดลมใหญ่ และภายหลังนำส่งโรงพยาบาลพระราม 2 ได้หยุดหายใจไปร่วม 5 นาที ก่อนแพทย์ได้ปั๊มหัวใจช่วยชีวิตมาได้และได้ประสานวิทยุ จส.100 ในการประสานหาโรงพยาบาลที่มีเครื่องมือแพทย์ในการช่วยเหลือคีบนำเอาเม็ดลำไยออกมาจากหลอดลมด้านขวา ซึ่งโรงพยาบาลจุฬาฯได้ประสานให้ความช่วยเหลือ โดยรับเด็กหญิงพรรษามาทำการรักษาต่อนั้น

รศ.นพ.ธีระพงศ์ กล่าวว่า ทางโรงพยาบาลจุฬาฯได้รับการติดต่อผ่านทางวิทยุ จส.100 ก่อนประสานรับเด็กหญิงพรรษาจากโรงพยาบาลพระราม 2 ตั้งแต่ช่วงเวลาประมาณ 18.00 น.วันที่ 12 ส.ค.แล้วนำตัวเข้าทำการรักษาเป็นการด่วนในห้องไอซียู.ตั้งแต่เวลา 23.00 น. แล้วทำการใช้กล้องส่องหลอดลม พบเม็ดผลไม้ค้างอยู่ในหลอดลมด้านขวาจึงได้ทำการคีบออกมา เบื้องต้นเข้าใจว่าเป็นเม็ดของเงาะ แต่ยังไม่สามารถยืนยันได้ชัดเจน ต้องรอสอบถามจากทางเจ้าตัวว่ารับประทานอะไรเข้าไป ภายหลังจากที่ได้นำเอาเม็ดผลไม้ออกมาแล้วก็ได้นำเด็กเข้าไปรักษาต่อยังห้องพักผู้ป่วยไอซียู ชั้น 8 แผนกกุมารเวช โดยใช้เครื่องช่วยหายใจทั้งคืน

รศ.นพ.ธีระพงศ์ กล่าวอีกว่า ในช่วงเช้าที่ผ่านมาคนไข้มีอาการดีขึ้น ทางคณะแพทย์ผู้ทำการรักษาได้ทำการลดเครื่องช่วยหายใจลงและเมื่อนายสมปอง สายสิงห์ ผู้เป็นลุงมาเยี่ยม คนไข้ก็จำได้ พร้อมบอกว่าอยากให้เอาเครื่องช่วยหายใจออกจากการประเมินคนไข้มีอาการดีขึ้น ไม่มีผลข้างเคียงจากการหยุดหายใจไป 5 นาที จึงนำเอาเครื่องช่วยหายใจออกเมื่อเวลา 10.00 น.ขณะนี้คนไข้มีเสมหะเยอะเนื่องจากเม็ดผลไม้เข้าไปติดนานเกินไป ซึ่งได้ทำการตรวจดูเรื่องการเจ็บป่วยทางหลอดลมด้วย โดยภาพรวมถือว่าเด็กปลอดภัยคาดว่าอีก 1-2 วัน น่าจะออกจากห้องไอซียู. ได้

ด้าน ผศ.นพ.ดุสิต กล่าวว่า สำหรับคำแนะนำในการดูแลรักษาหากเกิดกรณีดังกล่าว หากผู้ป่วยรู้สึกตัวดีและเป็นเด็กเล็กให้ทำการตบหลัง กระแทกที่หน้าอกสลับกันไป เพื่อให้เกิดภาวะไอเทียมออกมา เพื่อจะทำให้วัตถุแปลกปลอมหลุดออกทางเดินหายใจ ถ้าหมดสติให้เปิดปากดูถ้าเห็นวัตถุ ก็ใช้นิ้วกวาดออกมา แต่ถ้าลึกมองไม่เห็นห้ามใช้นิ้วเพราะอาจทำให้เข้าไปลึกได้ ในกรณีเด็กโตให้ทำท่ายืน ใช้มือกำปั้นกระแทกบริเวณลิ้นปี่ กระแทกขึ้นมาบริเวณด้านบน ให้เกิดภาวะไอเทียมเช่นกัน และหากเป็นไปได้ถ้าส่งโรงพยาบาลได้ในระยะเวลาสั้น ก็ควรนำส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด

ขณะที่นายสมปอง สายสิงห์ ลุงของ ด.ญ.พรรษา กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุตนไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ จึงไม่ทราบว่าหลานสาวกินผลไม้ชนิดไหนเข้าไปจนเม็ดติดคอ แต่เท่าที่สอบถามคนในบ้านก็รู้ว่าผลไม้ที่ซื้อมานั้นมีลำไยกับเงาะ ตอนนี้ตนมาเฝ้าไข้หลานซึ่งต้องนอนห้องไอซียู.รอดูอาการไปก่อนโดยหมอบอกกับตนว่าหลานสาวพ้นขีดอันตรายแล้ว ดีใจมาก

"ตอนแรกรู้สึกใจไม่ดี กลัวหลานจะเป็นอะไรไป เพราะหลานไม่หายใจหัวใจก็หยุดเต้น เหตุการณ์ครั้งนี้คงต้องจำเป็นอุทาหรณ์ และถือว่าเป็นปาฏิหาริย์ที่หลานสาวรอดตาย คล้ายกับตายแล้วเกิดใหม่ "นายสมปอง กล่าว



จากหนังสือพิมพ์ คมชัดลึก