ทำไมต้อง "ไอน์สไตน์" 1

[khonsurin]

ทำไมต้อง "ไอน์สไตน์" 1

ไอน์สไตน์พบ พระพุทธเจ้าเห็น ทำไมต้อง "ไอน์สไตน์"



“Why dose everybody like me, yet nobody understand me”
“ทำไมทุกๆ คนชื่นชมผม แต่ไม่มีใครเข้าใจผมเลย”




จากหนังสือ ไอนสไตน์พบ พระพุทธเจ้าเห็น
ของ ทันตแพทย์ สม สุจีรา



ทำไมต้อง “ไอน์สไตน์”

ไอน์สไตน์

ทันตแพทย์ สม สุจีรา ได้เขียนไว้ว่า



โลกของเรามีอายุนับจากเริ่มก่อตัวจนถึงปัจจุบันประมาณ 4,500 ล้านปี

มนุษย์โฮโมเชเปี้ยนส์ กลุ่มแรกๆ

แต่มนุษย์โฮโมเชเปี้ยนส์ กลุ่มแรกๆ ที่จัดอยู่ในสามพันธุ์มนุษย์เพิ่งจะปรากฏขึ้นมาบนโลกเพียงหนึ่งแสนปีเศษๆ พัฒนามาเป็นมนุษย์โครมันยองก่อนหน้านี้ประมาณ 50,000 ปี

วิวัฒนาการของมนษย์

ส่วนโฮโมเชเปี้ยนส์กลุ่มซึ่งถือว่าเป็นมนุษย์ในยุคปัจจุบันที่มีอารยธรรม นักโบราณคดีเชื่อว่าเพิ่งถือกำเนิดมาได้เพียงแค่ประมาณ 10,000 ปีนี้เอง


ถ้าคิดเฉลี่ยช่วงเวลาจากรุ่นหนึ่งไปอีกรุ่นหนึ่งในชั่วอายุคนอยู่ที่ 50 ปี


แสดงว่าเมื่อเริ่มต้นนับจากมนุษย์รุ่นแรก ตัวเราก็เป็นมนุษย์แห่งอารยธรรมรุ่นที่ 200 บนโลกนี้เท่านั้น


แต่อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไปเราสามารถไล่ชื่อบรรพบุรุษได้ก็แค่ห้าชั่วอายุคน คือ พ่อ แม่ ลูก หลาน เหลน โหลน ถ้าเป็นตระกูลใหญ่หน่อยเป็นไปได้ที่อาจสืบไล่ขึ้นไปได้ถึง 10 รุ่นบรรพบุรุษ

แต่มากกว่านั้นหาได้ยากมาก จึงเกิดปัญหาตามมาว่า แล้วตัวเราเป็นใครมาจากไหน


มีนักวิทยาศาสตร์พยามยามตรวจสอบต้นตระกูลของมนุษย์โดยสืบจากดีเอ็นเอ ซึ่งมีหน่วยพันธุกรรมบางอย่างที่ถ่ายทอดกันมาจากอดีตกาล จากแม่สู่ลูกรุ่นแล้วรุ่นเล่า


พบว่า มนุษย์เราที่แบ่งออกเป็นหลายเชื้อชาติ หลายภาษา ต่างสีผิว ล้วนแต่มีต้นกำเนิดมาจากบรรพบุรุษเดียวกัน ถ้าเป็นเช่นนั้นหมายความว่าต้นตระกูลของมนุษย์ทั้งหมดบนโลกนี้จำนวน 6,000 ล้านคน


อดีตล้วนแต่เป็นเครือญาติกันและอีกไม่เกิน 100 ปี นับจากนี้ มนุษย์รุ่นที่ 200 ก็จะทยอยล้มหายตายไปจากโลกนี้หมดสิ้น เพื่อนเรา ศัตรูเรา คนรักเรา คนดี คนเลว ล้วนหนีไม่พ้น ในปีค.ศ. 2107 หรือพ.ศ.2650 เกือบทุกชีวิต 6,000 ล้านคนในปัจจุบันก็ถึงกาลดับสูญ


เกิดเป็นมนุษย์รุ่นใหม่ขึ้นมาแทนที่ ซึ่งในช่วงเวลา 10,000 ปีที่ผ่านมา มีมนุษย์เคยเกิดขึ้นมาแทนที่ ซึ่งในช่วงเวลา 10,000 ปีที่ผ่านมา มีมนุษย์เคยเกิดขึ้นมาบนโลกใบนี้รวมแล้วทั้งสิ้นประมาณ 80,000 ล้านคน



ในจำนวนคน 80,000 ล้านคนที่เคยใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ ซึ่งได้สร้างอะไรไว้ให้กับโลกมากมาย

มีอัจฉริยะของโลกเกิดขึ้นมานับไม่ถ้วนในสาขาต่างๆ ทั้งวิทยาสตร์ ศิลปะ ดนตรี กีฬา ฯลฯ แต่สุดยอดอภิมหาอัจฉริยะของโลกมีเพียงไม่กี่คน ถ้าไม่นับองค์พระศาสดาต่างๆของโลก ซึ่งทรงอยู่เหนือโลกียะแล้ว สุดยอดอภิมหาอภิมหาอัจฉริยะที่น่ากล่าวถึงมากที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์โลกคือ “อัลเบิร์ต ไอนสไตน์”


และเมื่อโลกเราได้เปลี่ยนศตวรรษใหม่ขึ้นสู่ปีค.ศ.2000 สิ่งที่โลกทำกันเป็นธรรมเนียม ก็คือ


การค้นหาเพื่อ คัดเลือกบุคคลแห่งศตวรรษที่ทรงอิทธิพลต่อโลกมากที่สุด


นิตยสาร Time ซึ่งได้รับความเชื่อถือจากคนทั่วโลกได้วิเคราะห์เลือกบุคคลแห่งศตวรรษอย่างละเอียด เคร่งเครียด มีคนได้รับการเสนอชื่อมากมาย ทั้งมหาตมะ คานธี, เลนิน, ฮิตเลอร์ฅ,เชอร์อเล็กซานเดอร์ เฟลมิง ผู้ค้นพบคอมพิวเตอร์, พี่น้องตระกูลไรท์ ผู้คิดค้นเครื่องบิน, สตีเฟน ฮอว์คิง นักวิทยาศาสตร์ อัจฉริยะ ฯลฯ


หลังจากคณะกรรมการลงคะแนน ปรากฏว่ากรรมการทุกคนลงมติเป็นเอกฉันท์โดยไม่มีใครคัดค้านเลย ยกตำแหน่งบุคคลแห่งศตวรรษให้กับ “อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์”

แม้ว่าจะนึกย้อนกลับไปอีกสองสามพันปี เท่าที่ประวัติศาสตร์จารึกได้ นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังอย่างอาริโตเติล,กาลิเลโอ,นิวตัน,เอดิสัน หรือแม้นแต่อัจฉริยบุคคลสาขาอื่นอย่างบีโธแฟน เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ไอน์สไตน์ก็โดดเด่นกว่าอยู่ดี


ไอน์สไตน์ได้รับการยกย่องจากนักคิดคนสำคัญที่สุดคนหนึ่งของอังกฤษ เจ.บี.เอส. ฮอลเดน (J.B.S. Haldane) ว่า”ไอน์สไตน์ เป็นบุรุษที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนับจากพระเยซู” เขาเคยได้รับเชิญให้เป็นประธานาธิบดีแห่งประเทศอิสราเอลในปี ค.ศ.1952 แต่เขาปฏิเสธ


ไอน์สไตน์มีส่วนผลักดันให้นักวิทยาศาสตร์ระดับโลกหลายคนได้รับรางวัลโนเบล



เช่น



มักซ์ พลังค์


เขาช่วยอธิบายสมการพลังงานควอมตัมของแสง E=hv ที่ คิดขึ้น
ซึ่งตัวพลังค์เองก็คิดว่ามันเป็นทฤษฎีที่ไม่น่าจะมีความหมายอะไร

มักซ์ พลังค์

แต่ไอน์สไตน์กลับมองว่าพลังค์ค้นพบเรื่องสำคัญเข้าแล้ว เขาพยายามอธิบายทฤษฎีนี้จนนักวิทยาศาสตร์เข้าใจทำให้สมการของพลังค์โด่งดังไปทั่วโลก ในที่สุดมักซ์ พลังค์ ก็ได้รับรางวัลโนเบลจากเรื่องนี้ ในปี ค.ศ.1918




เดอบรอยก์ นักฟิสิกส์สร้างรางวัลโนเบล ปีค.ศ.1929

เดอบรอยก์

ได้รับความช่วยเหลือจากไอน์สไตน์เป็นอย่างมาก วิทยานิพนธ์ปริญญาเอกของเขาที่ยืนยันว่าอิเล็กตรอนเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าไม่ผ่านคณะกรรมกาตรวจสอบวิทยาศาสตร์วิทยานิพนธ์ เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องไม่มีประโยชน์ในทางปฏิบัติ

โชคดีที่มีกรรมการคนหนึ่งส่งสำเนาวิทยานิพนธ์นี้ไปให้ไอน์สไตน์อ่าน หลังจากไอน์สไตน์อ่านวิทยานิพนธ์ของเดอบรอยเขารู้ทันที่ว่าเป็นเรื่องที่มีคุณค่ามหาศาล เขาพยายามส่งข่าวไปให้นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกรับรู้

ในที่สุดนักวิทยาศาสตร์ทั้งยุโรปและอเมริกาก็สามารถวัดความยาวคลื่นอิเล็กตรอนได้สำเร็จ เดอบรอยก์ สร้างปรากฏการณ์สะเทือนโลกอีกครั้งหนึ่งที่ทำให้นักฟิสิกส์สรุปได้ว่า “คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าทั้งหมดต้องถือเป็นอนุภาค และอนุภาคทุกชนิดต้องถือว่าเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า” และรางวัลโนเบลก็ตกเป็นของเดอบรอยก์




ทฤษฏีสัมพัทธภาพ


ของไอน์สไตน์เป็นผลงานที่น่าเกรงขามเพราะไม่เพียงแต่สะท้อนถึงภูมิปัญญาที่เหนือมนุษย์ แต่ยังสะท้อนความละเอียดอ่อนในการคำนวณทางคณิตศาสตร์ หลักการคำนวณของเขาสามารถนำไปพิสูจน์กฎทาง ฟิสิกส์อื่นๆ ได้อย่างสอดคล้อง ทฤษฎีของไอน์สไตน์ครอบคลุมทฤษฎีอื่นๆ ที่นักวิทยาศาสตร์หลายคนก่อนหน้าเขาเคยคิดขึ้นมาสั่งสมกันนับพันปี






จบ ทำไมต้อง "ไอน์สไตน์" 1
อ่านตอนต่อไป





...........................................................









ขอบคุณ
หนังสือเรื่องไอนสไตน์พบ พระพุทธเจ้าเห็น ของ ทันตแพทย์ สม สุจีรา










...................................................................

[กะเม็งสะเร็น]

พรุ่งนี้จะมาอ่านต่อ ขอบคุณ ครูเล็กที่นำเกร็ดความรู้มาให้อ่านทุกวัน....

[ครูโนช]

เอามาอีกๆๆ อย่าลืมเด้อ...............