หลังได้เงินมา จินอวี้ก็ออกจากฝูงหมาป่าเดินทางไปฉางอาน ช่วงแรกที่มาถึงฉางอานก็พักโรงเตี๊ยม จนเงินใกล้หมด จึงออกตระเวนถามไปทั่วเมืองว่ารู้จักพ่อค้าขายเครื่องหอมที่ชื่อเสี่ยวฮั่วไหม ปรากฏว่าไม่มีใครรู้จักเลย จินอวี้ก็เหี่ยวใจมาก พอเงินหมด ใจจริงอยากกลับไปอยู่กับฝูงหมาป่าตามเดิม อีกใจก็นึกเจ็บใจ ไม่อยากเลิกล้มความตั้งใจเพียงแค่นี้ จึงต้องออกจากโรงเตี๊ยมมาอาศัยนอนใต้ต้นไม้ข้างทาง

ใต้ต้นไม้มีขอทานอยู่หลายคน จินอวี้ได้รู้จักขอทานแก่ใจดีแบ่งหมั่นโถวให้กิน ขอทานแก่มีหลานชายวัยรุ่นท่าทางฉลาดด้วยคนหนึ่ง หลานชายคนนี้ชื่อเสี่ยวเฟิง เขาแนะให้จินอวี้ลองไปเคาะประตูบ้านคนทีละบ้านเพื่อของานทำดู วันรุ่งขึ้นจินอวี้จึงทำตาม โดยที่ลืมเอาห่อผ้าใส่ชุดที่ได้มาจากชายหนุ่มนั่งรถเข็นติดตัวมาด้วย

จินอวี้เคาะประตูไปจนถึงบ้านหลังหนึ่ง เจ้าของบ้านก็รับจินอวี้ให้ลองทำงานกวาดใบไม้ในสวนดู แล้วเอาน้ำชามาให้กิน ปรากฏว่าในน้ำชามียานอนหลับ จินอวี้ฟื้นมาอีกทีก็ถูกขัง แถมในยานอนหลับนั่นผสมยาบางอย่างที่ทำให้จินอวี้ไม่มีแรงใช้วิทยายุทธ์ได้ด้วย

ปรากฏว่าบ้านหลังนี้คือหอนางโลมแบบ เกอิชา ไม่ใช่ซ่องโสเภณี สาวๆ ในนี้ขายฝีมือไม่ขายตัว แม่เล้าเขาอยากให้หอตัวเองดัง แต่หาสาวที่มีแววรุ่งไม่ได้เลย จนมาเจอจินอวี้ก็ปิ๊ง จัดการวางยาซะ แล้วเอามาฝึกให้เต้นรำ ร้องเพลง เล่นดนตรี แม่เล้าให้จินอวี้เรียกนางว่า หงกู (อาหง)

จินอวี้มีที่อยู่ที่กินฟรีแถมได้เรียนรู้อะไรแปลกๆ ใหม่ๆ น่าสนุกหลายอย่าง ก็สุขสบายดี ไม่ได้เดือดร้อนอะไร จนหลายวันผ่านไป ถึงเทศกาลปีใหม่ที่หอนางโลมเงียบเหงา เพราะใครต่อใครต่างอยู่ฉลองกันที่บ้าน หงกูจึงจัดฉลองกันเองในหมู่สาวๆ ในหอ แต่แล้วรุ่งเช้า ตอนที่ทุกคนกำลังเมาหลับสบาย ก็มีผู้ชาย 3 คนเข้ามาถามหาตัวผู้หญิงที่จากคำบรรยายเหมือนจินอวี้เปี๊ยบ แถมคนที่มาถามนี่ท่าทางมีอิทธิพลมาก เพราะหงกูทำท่าพินอบพิเทาอย่างมาก หน้าก็ซีดมากด้วย เพราะรู้ว่าที่เขาบรรยายถึงคือจินอวี้

เมื่อผู้ชายแปลกหน้าเข้ามาดูหน้าผู้หญิงในหอนางโลมทีละคน และเห็นจินอวี้เข้าว่าตรงกับในคำบรรยาย จึงพาจินอวี้ไปที่คฤหาสน์ตระกูลสือ

จินอวี้แอบคิดและหวังว่าคนที่ส่งผู้ชายคนนี้มาตามหาจะเป็นเสี่ยวฮั่ว เพราะคนในฉางอานที่นางรู้จักที่ท่าทางน่าจะมีอิทธิพล นางนึกออกแต่พวกเสี่ยวฮั่ว แต่ปรากฏคนที่ส่งคนออกตามหาตัวจินอวี้ และตามหาตัวมาได้ 2-3 เดือนแล้วด้วยนั้น คือชายหนุ่มชุดขาวนั่งรถเข็นที่มอบชุดกระโปรงสีฟ้าให้

เรื่องของเรื่องคือ ขอทานแก่ที่แบ่งหมั่นโถวให้จินอวี้กินล้มป่วย เสี่ยวเฟิงหลานชายไม่มีเงินจะซื้อยามาให้กิน จึงต้องเอาชุดในห่อผ้าของจินอวี้ไปจำนำ แล้วร้านที่เขาไปจำนำนั้น เถ้าแก่บังเอิญเป็น 1 ในพ่อค้าที่ไปกับกองคาราวาน เมื่อเขาเห็นชุดก็จำได้ เอาไปให้เจ้านายดู เจ้านายเขาจึงสั่งให้ค้นหาตัวจินอวี้ทั่วทั้งเมืองฉางอาน

จินอวี้ได้รู้ในตอนนี้เองว่าชายหนุ่มขาพิการคนนี้ชื่อว่า เมิ่งซีม่อ แต่ใครต่อใครพากันเรียกเขาว่า จิ่วเหยีย (นายท่านเก้า) ไม่ใช่ว่าเพราะมีพี่น้องเก้าคน แต่เพราะพ่อของเขาอยากมีลูกเยอะๆ จึงให้ทุกคนเรียกเขาแบบนี้ กะจะให้เป็นสิริมงคล แต่สุดท้ายเขาก็เป็นลูกคนเดียวของพ่อแม่ และที่คฤหาสน์หลังนี้ชื่อว่า “คฤหาสน์ตระกูลสือ” ทั้งที่เขาแซ่เมิ่ง ไม่ใช่แซ่สือ และเด็กกำพร้าที่ทางคฤหาสน์รับเลี้ยงดูแล (พวกที่ช่วยดูแลธุรกิจทั้งหลาย) ก็แซ่สือกันทุกคนนั้น เป็นเพราะว่าย่าของเขาแซ่สือ

เมิ่งซีม่อรับเสี่ยวเฟิงมาเลี้ยงดูให้เป็นเด็กรับใช้ในคฤหาสน์ด้วย กะฝึกให้เป็น 1 ในผู้ช่วยดูแลบริหารกิจการต่อไป



เมิ่งซีม่อเป็นคนที่อ่อนโยนมาก จะยิ้มบางๆ ตลอด พูดจาสุภาพนุ่มนวลแต่แฝงอำนาจอยู่ในที เมิ่งจิ่ว(เมิ่งซีม่อ)ถูกชะตาจินอวี้มาตั้งแต่แรกเห็นแล้ว พอเจอตัวจินอวี้ เขาก็ให้จินอวี้พักอยู่ในบ้านเขาในฐานะสหาย ให้เลือกที่อยู่ได้ตามสบาย จินอวี้ก็เลือกพักในเขตสวนไผ่ ที่พักของเขานั่นแหละ คือคฤหาสน์นี้แบ่งเป็น 4 โซนตามฤดูกาล จินอวี้เลือกพักในโซนต้นไผ่ ไม่รู้ของฤดูไหน ลืมไปแล้ว -_-"

เขตสวนไผ่ ตัวเรือนจะถูกออกแบบมาเพื่อให้รถเข็นสามารถเข้าออกได้สะดวก แม้แต่ประตูก็มีกลไกเหมือนประตูอัตโนมัติสมัยนี้ที่เขาสร้างขึ้นมาเอง ความสูงของโต๊ะและการจัดวางของทุกอย่างภายในห้องถูกออกแบบมาให้คนที่นั่งเก้าอี้รถเข็นสามารถหยิบถึงได้สะดวกทั้งหมด

เมิ่งจิ่วถามจินอวี้ว่าเข้ามาอยู่ฉางอานนานแค่ไหนแล้ว และตั้งแต่เข้ามาอยู่ฉางอานนี่เป็นยังไงบ้าง จินอวี้ก็เล่าให้ฟัง บอกว่าอยู่ในหอนางโลมลั่วอวี้ฟังก็สนุกดีนะ ไม่ลำบากอะไร ได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ ด้วย

จินอวี้นั่งๆ นอนๆ ได้ 2-3 วัน ก็ออกไปเยี่ยมหอนางโลมลั่วอวี้ฟังกับหงกู ปรากฏว่าเจอหอปิด จึงถามหงกูว่ามีอะไรหรือ หงกูก็เล่าให้ฟังว่า จิ่วเหยียคนนั้นน่ะ เป็นเจ้าของกิจการที่มีเครือข่ายใหญ่ที่สุดและมีอิทธิพลที่สุดในฉางอานมานานร่วมร้อยปี เรียกว่า สือฟัง มีกิจการหลากหลายมาก ทั้งร้านผ้า โรงเตี๊ยมภัตตาคาร ร้านขายยา ร้านขายอัญมณี โรงรับจำนำ และหอนางโลม ลั่วอวี้ฟังนี่ก็ของสือฟัง เมื่อก่อนกิจการของสือฟังเฟื่องฟูมากๆ แต่ตอนนี้กลับซบเซาลงโดยไม่ทราบสาเหตุ เหมือนเจ้าของเขาจงใจที่จะปล่อยให้กิจการซบเซามากกว่าไม่มีปัญญาบริหาร ถึงอย่างนั้นสือฟังก็ยังทรงอิทธิพลมากที่สุดอยู่ดี อย่างลั่วอวี้ฟังนี่ ทางสือฟังก็ปล่อยให้บริหารกันไปตามสบาย แค่ต้องเคารพกฎและจ่ายเงินตามกำหนดเป็นพอ แล้วกฎที่ต้องเคารพก็คือ ห้ามล่อลวงผู้หญิงมาทำงานในหอ

เมื่อฟังดังนี้ จินอวี้ก็ยิ้มแบบรู้ทันว่าอ้อ...ที่หงกูกลัวหัวหดอยู่ในตอนนี้เป็นเพราะดันทำผิดกฎนี่เอง...เนื่องจากการที่จินอวี้ถูกวางยาจับตัวมาอยู่ในหอเป็นการทำผิดกฎ หงกูจึงกลัวการลงโทษของสือฟังมาก และหากไม่ใช่เพราะจินอวี้บอกเมิ่งจิ่วว่าอยู่ที่นี่ก็สบาย มีความสุขดี เมิ่งจิ่วจึงสั่งให้ลูกน้องที่คุมลั่วอวี้ฟังลงโทษแบบอย่าให้หนักหรือเบาเกินไป ป่านนี้ลั่วอวี้ฟังจบสิ้นไปแล้ว และเพราะเมิ่งจิ่วสั่งมาแบบนั้น คนคุมลั่วอวี้ฟังจึงเหงื่อตก คิดหาวิธีลงโทษที่ไม่หนักหรือเบาเกินไปไม่ออก และได้แต่สั่งให้ปิดลั่วอวี้ฟังเอาไว้เฉยๆ ชั่วคราว

ระหว่างที่คุยกันนี้ จินอวี้ก็เห็นหญิงบริการชื่อดังของลั่วอวี้ฟังถูกหอนางโลมคู่แข่ง เทียนเซียงฟังซื้อตัวไปโดยที่หงกูรั้งไม่อยู่ บวกกับนึกๆ แล้วนางก็ได้เมิ่งจิ่วช่วยเอาไว้มาก จึงอยากจะตอบแทน โดยใช้ความรู้ของที่เองที่พ่อสอนมาเอามาประยุกต์ กระตุ้นให้ลั่วอวี้ฟังดังคับฟ้าฉางอาน เพื่อที่สือฟังจะได้กลับมารุ่งเรืองเหมือนเดิม

ในวันที่จินอวี้มาเยี่ยมหงกูนี่ ยังบังเอิญได้เห็นกลุ่มลูกท่านหลานเธอขี่ม้าผ่านหน้าลั่วอวี้ฟังไป แล้วหนึ่งในนั้นมี “เสี่ยวฮั่ว” อยู่ จินอวี้ตกตะลึงคาดไม่ถึงมาก ชี้ไปที่เสี่ยวฮั่วแล้วถามหงกูว่านั่นคือใคร หงกูก็บอกว่านั่นคือ ฮั่วชวี่ปิ้ง หลานชายของเว่ยฮองเฮาและท่านแม่ทัพใหญ่เว่ยชิง เป็นคนดังของเมืองฉางอานเลย เพราะนิสัยพูดน้อยต่อยหนัก หยิ่งยโสเย็นชาไม่เห็นใครในสายตาและเอาเรื่องมาก ใครห้ามไปตอแยให้พ่อโมโหเด็ดขาด ไม่งั้นชีวิตจะไม่ปลอดภัย



ตัดฉากไปกล่าวถึงตระกูลของฮั่วชวี่ปิ้งสักนิด

ฮั่วชวี่ปิ้งแซ่ฮั่วก็จริง แต่เขาถือว่าเขาเป็นคนของตระกูลเว่ย ไม่ใช่ตระกูลฮั่ว

ยายของฮั่วชวี้ปิ้งเป็นนางกำนัลขององค์หญิงคนหนึ่ง แล้วลอบมีความสัมพันธ์กับขุนนางที่ไปมาหาสู่กับทางวังจนท้อง ฝ่ายชายไม่ยอมรับ นางจึงคลอดลูกนอกสมรสออกมาแล้วแอบอ้างใช้แซ่ “เว่ย”

ยายของฮั่วชวี่ปิ้งมีลูก 6 คน ชาย 3 หญิง 3 (น่าจะคนละพ่อทั้งหมด แต่ใช้แซ่ "เว่ย" เหมือนกันหมด) แม่ของฮั่วชวี่ปิ้งเป็นลูกสาวคนรอง แม่ของฮั่วชวี่ปิ้งเองก็ทำงานเป็นนางกำนัลขององค์หญิงเหมือนกัน คือเป็นนางกำนัลขององค์หญิงผิงหยาง อาของพระเจ้าฮั่นอู่ตี้ และนางก็เป็นเหมือนแม่ คือแอบมีความสัมพันธ์กับขุนนางตำแหน่งเล็กๆ คนหนึ่งจนท้อง แล้วฝ่ายชายไม่รับ จึงคลอดฮั่วชวี่ปิ้งที่เป็นลูกนอกสมรสออกมา

แต่ฮั่วชวี่ปิ้งโชคดีกว่าพวกน้าๆ มากตรงที่ น้าสาวคนเล็ก ฮั่วจื่อฟู ซึ่งทำงานเป็นนักร้องในหอนางโลมเป็นที่ต้องตาของพระเจ้าฮั่นอู่ตี้ จึงได้เข้าวังไปเป็นพระสนม และก้าวหน้ากลายเป็นคนโปรดจนได้รับแต่งตั้งเป็นฮองเฮา

เมื่อน้องสาวได้เลื่อนฐานะเป็นฮองเฮา เหล่าพี่ๆ ก็พลอยสบายไปด้วย พระเจ้าฮั่นอู่ตี้ที่เลือกใช้คนโดยไม่สนใจชาติกำเนิดได้แต่งตั้งให้เว่ยชิง น้าชายของฮั่วชวี่ปิ้งเป็นนายทหารระดับล่าง จากเดิมเป็นแค่เด็กเลี้ยงม้าในบ้านของพ่อตัวเองและต้องอดๆ อยากๆ รวมทั้งถูกรังแกแทบตาย

เว่ยชิงมีนิสัยเจียมตัว และเป็นคนที่มีพรสวรรค์ในการเป็นแม่ทัพจริงๆ เมื่อได้เข้าเป็นทหารในกองทัพ ก็สร้างผลงานรบชนะพวกซยงหนูเรื่อยมา จนได้รับแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพใหญ่กุมอำนาจทหารทั้งหมดในแผ่นดิน

ฮั่วชวี่ปิ้งได้อาศัยบารมีฮองเฮาที่เป็นน้าสาว ได้รับแต่งตั้งให้เป็นทหารองครักษ์คนสนิทของฮั่นอู่ตี้ และนิสัยหยิ่ง ไม่เห็นใครในสายตา พูดอะไรตรงไปตรงมา ไม่คิดจะลดตัวลงไปทำเรื่องสกปรกของฮั่วชวี่ปิ้งก็ถูกใจฮั่นอู่ตี้มาก (แต่เป็นที่ขัดตาของคนอื่น โดยเฉพาะขุนนางบุ๋น แอบด่าฮั่วชวีปิ้งลับหลังกันเยอะ)

เนื่องจากฮั่วชวี่ปิ้งโตมากับน้าชาย(เพราะพ่อไม่รับเป็นลูก)เว่ยชิงที่เป็นแม่ทัพที่เก่ง เขาจึงเห็นน้าชายเป็นฮีโร่ที่เขาจะเลียนแบบ ฮั่วชวี่ปิ้งได้เป็น 1 ในกองกำลังอวี่หลินจวินที่เป็นหน่วยทหารองครักษ์พิเศษของฮั่นอู่ตี้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นหน่วยทหารที่เก่งที่สุด และมีแต่พวกลูกท่านหลานเธอที่เอาถ่านไปรวมตัวกัน แต่เขาไม่พอใจกับการเสพสุขเป็นคุณชายในเมืองฉางอาน เขาอยากจะสร้างผลงานที่ระบือลือลั่นเหมือนอย่างน้าชายที่เขาทิดทูน ดังนั้นในการรบกับซยงหนูครั้งหนึ่ง ฮั่วชวี่ปิ้งจึงขอฮั่นอู่ตี้ติดตามออกไปรบด้วย และฮั่นอู่ตี้ก็อนุญาต ฮั่วชวี่ปิ้งได้เป็นหัวหน้ากองทหารจำนวน 800 นายซึ่งคิดว่าน่าจะเป็นกององครักษ์อวี่หลินจวินทั้งหมด และอยู่ใต้บังคับบัญชาของแม่ทัพใหญ่เว่ยชิงอีกต่อหนึ่ง

{การออกรบครั้งแรกของฮั่วชวี่ปิ้งจะมีกล่าวถึงในเรื่องแค่ผ่านๆ ตอนที่เล่าถึงนี้ยังไม่ถูกกล่าวถึงค่ะ}



หลังจากฟังที่หงกูบอก จินอวี้ก็ได้รู้ว่าเสี่ยวฮั่วไม่ใช่พ่อค้าเครื่องหอมจริงๆ แล้วอดรู้สึกเหมือนประชดไม่ได้ว่า ทีตอนที่กำลังเดือดร้อนอยากจะเจอเพื่อขอความช่วยเหลือละดันไม่ได้เจอ มาตอนนี้ได้เมิ่งจิ่วช่วยจนไม่เดือดร้อนแล้วถึงดันมาเจอ จึงตัดสินใจทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ไม่คิดจะไปหาฮั่วชวี่ปิ้ง

เมื่อตัดสินใจแล้วว่าจะใช้ความรู้ที่พ่อสอนมาทำให้ลั่วอวี้ฟังดังคับฟ้าฉางอาน จินอวี้ก็ไปพูดกับเมิ่งจิ่วตรงๆ ว่าอยากทำงาน ช่วยหางานให้ทำหน่อย เมิ่งจิ่วก็ให้จินอวี้เลือกตามสบายว่าอยากจะลองทำกิจการไหนของเขา จินอวี้เลือกทำงานในลั่วอวี้ฟัง เมิ่งจิ่วก็ยกลั่วอวี้ฟังให้จินอวี้บริหารในฐานะเถ้าแก่ไปเลย แล้วให้ลูกน้องที่คุมลั่วอวี้ฟังในตอนแรกช่วยดูแลให้คำชี้แนะ

ขอบคุณคุณหลินโหม่วที่แปลนิยายดีๆให้อ่านค่ะ