ถึงเวลาแล้วที่เราควรจะหันมาตื่นตัวเรื่องการใช้ไฟฟ้าอย่างประหยัด และมีประสิทธิภาพกันอย่างเต็มที่ ซะที
ซึ่งถือว่าเป็นการปรับตัวในยุคค่าไฟแพงยูนิตละกว่า 2 บาทและทำท่าจะมีการปรับราคาสูงกว่านี้ในอีก 4 เดือนข้างหน้าหากมีการปรับ"ค่าเอฟที"หรือต้นทุนอัตโนมัติขึ้นอีกครั้งซึ่งเป็นสัญญาณเตือนว่าทุกคนควรจะหันมาระมัดระวังการใช้ไฟฟ้ากันมากขึ้นเพื่อไม่ให้ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันส่วนนี้กระทบกับค่าครองชีพจนเกิดความเดือดร้อน
ที่ผ่านมาในบ้านเรายังไม่มีความตื่นตัวมากนักในเรื่องการหาแนวทางปฏิบัติและการใช้ไฟฟ้าให้มี ประสิทธิภาพคนส่วนใหญ่รู้หลักการใช้เครื่องไฟฟ้าเพียงการ"ปิด-เปิด"เท่านั้นแต่ไม่รู้ถึงวิธีการใช้งานอย่างถูกต้องเพื่อให้เครื่องใช้ไฟฟ้านั้นๆ ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมีอายุยืนนานและที่สำคัญที่สุด คือสามารถประหยัดไฟได้
กลวิธีในการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพ มีดังนี้ คือ
แสงสว่าง
ใช้หลอดฟลูออเรสเซนต์หรือที่นิยมเรียกว่าหลอดนีออนแทนหลอดไส้เนื่องจากหลอดฟลูออเรสเซนต์ให้ แสงสว่างมากกว่าถึง 4 เท่าและมีอายุการใช้งานนานกว่า 8 เท่านอกจากนั้นควรหมั่นทำความสะอาด หลอดไฟและโคมไฟอย่างสม่ำเสมอจะทำให้ได้แสงสว่างเต็มที่
วิทยุ โทรทัศน์
ปิดสวิทช์ที่เครื่องและถอดปลั๊กทุกครั้งเมื่อไม่มีคนดู เนื่องจากวิทยุโทรทัศน์ในปัจจุบันมักจะเป็นระบบมี รีโมตคอนโทรลซึ่งระบบนี้แม้ปิดสวิทช์แล้ว ยังคงมีกระแสไฟฟ้าส่วนหนึ่งมาเลี้ยงที่ระบบเครื่องอยู่ตลอด เวลา
ตู้เย็น
ควรเลือกซื้อที่ได้รับฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5แม้มีราคาสูงขึ้นนิดหน่อยแต่ในระยะยาวแล้วจะคุ้มกว่าเนื่องจากใช้ไฟน้อยกว่าตู้เย็นที่ได้รับฉลากเบอร์ต่ำกว่านอกจากนี้ตำแหน่งที่วางตู้เย็นต้องห่างจากผนังอย่างน้อย 30 ซม.เพื่อให้ตู้เย็นระบายความร้อนได้สะดวก ตู้เย็นที่มีการใช้งานต้องตรวจสอบระบบยางขอบตู้อยู่เป็นประจำว่า ระบบแม่เหล็กนั้นยังทำงานสมบูรณ์ หรือไม่ซึ่งการทดสอบทำได้ง่ายๆโดยการทำความสะอาดขอบยางตู้เย็นด้วยน้ำสบู่และเช็ดให้แห้งหลังจากนั้นนำแผ่นกระดาษมาสอดระหว่างขอบยางกับขอบตู้เย็นแล้วปิดประตู้เย็น หากกระดาษหล่นหรือสามารถดึงกระดาษออกได้ง่ายดาย แสดงว่าขอบยางตู้เย็นเสื่อมสภาพสมควรเปลี่ยนขอบยางใหม่
เครื่องปรับอากาศ
ให้เลือกซื้อเครื่องปรับอากาศที่ได้รับฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5การใช้ไฟของเครื่องปรับอากาศจะไม่เท่า กันในแต่ละวันแม้ว่าผู้ใช้ไฟฟ้าจะตั้งอุณหภูมิและเปิดใช้เท่าเดิมก็ตาม เช่น ในฤดูร้อนอุณหภูมิภายในห้องสูง 34 องศาเมื่อเปิดเครื่องปรับอากาศโดยตั้งอุณหภูมิที่ 25 องศาจะเห็นว่ามีส่วนต่างของอุณหภูมิอยู่ 9 องศาขณะที่ฤดูฝนหรือฤดูหนาวอุณหภูมิภายในห้องอยู่ที่ 27 องศาเมื่อเปิดเครื่องปรับอากาศโดยตั้ง อุณหภูมิที่ 25 องศาจะมีส่วนต่างของอุณหภูมิแค่ 2 องศา
ประเมินแล้วอุณหภูมิ 1 องศาที่เปลี่ยนไปจะใช้ไฟเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 10% และในฤดูร้อนเครื่องปรับ อากาศจะทำงานเกือบตลอดเวลา ทำให้การใช้ไฟเพิ่มขึ้นมากกว่าปกติ
แนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าวมีหลายวิธี เช่น
การปลูกต้นไม้เพื่อบังแสงแดดไม่ให้กระทบตัวบ้านโดยตรงการติดตั้งฉนวนกันความร้อนใต้หลังคาและผนังบ้าน การติดตั้งหลังคาหรือม่านบังแสง การเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศที่ได้รับฉลากประหยัดไฟ การหมั่นทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศ, หลีก เลี่ยงการตั้งอุณหภูมิต่ำกว่า 25 องศา หรือการติดตั้งฉากกั้นชนิดชั่วคราวเพื่อจำกัดพื้นที่ที่ต้องการความ เย็น เช่น ในห้องนอน ติดตั้งฉากกั้นให้ความเย็นเฉพาะบริเวณเตียงนอนเท่านั้น วิธีการเหล่านี้ จะช่วย ลดการใช้ไฟฟ้าจากเครื่องปรับอากาศลงได้
เตาไฟฟ้า
เตาไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ใช้มาก หากจำเป็นต้องซื้อใช้ให้เลือกชนิดที่เป็นแผ่นความร้อนมองไม่ เห็นขดลวด เพราะจะสูญเสียความร้อนน้อยกว่า และเวลาใช้งานควรใช้งานอย่างต่อเนื่อง ไม่เปิดๆ ปิดๆ
เครื่องซักผ้า
ไม่ควรซักผ้าน้อยชิ้น ควรรวบรวมผ้าตามน้ำหนักคู่มือที่กำหนดไว้ หากไม่สามารถกำหนดน้ำหนักได้ อาจใช้วิธีประมาณโดยใส่ผ้าเข้าเครื่อง และให้เหลือช่องว่างภายในเครื่องขนาดเท่าฝ่ามือหนุนพลิกได้ และสังเกตว่า ระหว่างซัก หากเครื่องสั่นผิดปกติแสดงว่าน้ำหนักผ้าเกิน เครื่องจะทำงานหนัก และหากไม่ จำเป็นไม่ควรใช้ระบบซักน้ำร้อน
หม้อหุงข้าว กาต้มน้ำร้อน
หม้อหุงข้าวเมื่อข้าวสุกแล้วให้ดึงปลั๊กออกความร้อนจะยังคงอยู่ได้หลายชั่วโมง ส่วนกาต้มน้ำร้อน เมื่อน้ำ ร้อนเดือดแล้ว ให้ถอดปลั๊กและถ่ายน้ำร้อนใส่กระติกน้ำร้อนโดยเฉพาะจะเก็บความร้อนได้ดีกว่าและ นานกว่า
เครื่องทำน้ำอุ่น
เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินไฟมากที่สุดเวลาใช้งานควรปรับระดับความร้อนให้พอดีและปิดทันทีเมื่อเลิกใช้งาน หากสามารถติดตั้งระบบน้ำอุ่นด้วยแสงอาทิตย์จะดีมาก
ข้อมูล: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ และการไฟฟ้านครหลวง
Bookmarks