เคล็ดลับอายุยืน

[ต้นข้าว]

เมื่อมีข่าวคนอายุยืนที่สุดในโลก หรืออายุมากที่สุด ในประเทศไทย สิ่งหนึ่งที่ผู้อ่านทั่วไป มักตั้งคำถามอยู่เสมอๆ ว่า

"กินและรักษาสุขภาพอย่างไรอายุถึงเกินร้อยปี ?"

เพื่อที่ว่า ตนเองจะได้นำไปยึดปฏิบัติบ้าง เพราะใครๆ ก็อยากรักษาชีวิตให้ยืนยาวนานที่สุดเท่าที่จะทำได้

ย่าทวดนาค พุดบุรี ผู้ซึ่งมีอายุมากถึง ๑๑๘ ปี เป็นอีกท่านหนึ่งที่ได้รับความสนใจจากชาวไทยทั้งประเทศ ท่านมีเลขประจำตัวตามบัตรประชาชน ๓-๓๐๑๓-๐๐๐๒๓-๖๗-๐ ในทะเบียนบ้านเลขที่ ๓๐๑๓-๐๐๐๒๘๗-๙ โดยไม่ได้ระบุวันเดือนปีเกิดได้ชัดเจน

แต่ถ้าย้อนไปถึงการให้กำเนิดลูกทั้งหมด ๑๑ คน และได้เสียชีวิตไปก่อนผู้เป็นแม่เกือบทั้งหมดแล้ว ปัจจุบันมีลูกที่ยังมีชีวิตอยู่ ๔ คน ส่วนย่าแรม ทิพภูนอก อายุ ๘๐ ปี ซึ่งเป็นลูกสาวคนที่ ๒ จากการตรวจสอบก็พบว่าเกิดปี ๒๔๖๘ มีเลขประจำตัวตามบัตรประจำตัวประชาชน ๓-๓๐๑๓-๐๐๐๒๓-๐๗-๖

เมื่อทีมข่าว "คม ชัด ลึก" ได้เดินทางไปถึงบ้านย่าทวดนาค ท่านนั่งอยู่กับเปลข้างบ้านด้วยสีหน้าที่มองมายัง ทีมงานแบบคนแปลกหน้า พร้อมกับถามบุตรสาวคนที่ ๑๐ (นางไล เนือยกลาง อายุ ๖๓ ปี) ว่า กลุ่มของเราเป็นใคร

เมื่อได้อธิบายให้ฟังเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เราก็ได้ถามย่าทวดนาคทันทีว่า

"กินอะไรถึงอายุยืนแบบนี้ ?"

แทนที่ท่านจะตอบคำถามตรงๆ กลับตอบว่า "จริงๆ ฉันไม่อยากอยู่แล้ว ฉันอยากตายไปให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย อยู่ไปทำไมก็ไม่รู้ เกิดมาแล้วคิดว่าอยู่นานเกินไป มันเริ่มที่จะเบื่อชีวิตบ้างเหมือนกันแล้ว เพราะตาก็มองไม่ค่อยเห็น ส่วนหูก็ตึง ใครพูดด้วยจะต้องพูดดังๆ ถ้าใครพูดเบาๆ จะไม่ได้ยินเสียงเลย ก็ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม ฉันเบื่อชีวิตอยู่เหมือนกัน มันเบื่อจริงๆ มันทรมาน จะเดินไปไหนมาไหนมันก็ลำบาก ดีว่ายังมีลูกสาวที่คอยให้การดูแลฉัน"

ย่าทวดนาค เล่าให้ฟังถึงอดีตการใช้ชีวิตกว่าร้อยปีที่ผ่านมาให้ฟังว่า สมัยอายุไม่มากจะเข้าวัดทำบุญเป็นประจำ เกิดมาแล้วต้องสร้างบุญสร้างกุศลทำบุญทำทาน เมื่อเราตายแล้วจะได้ไปอยู่ในภพภูมิที่ดี คนเราเกิดมาต้องทำงาน เพื่อเลี้ยงชีวิตตนและครอบครัว งานบางอย่างทำแล้วเป็นเศรษฐีในพริบตา เช่น ค้ายาเสพติด ร่ำรวยบนความหายนะของผู้อื่น และความเสื่อมถอยของประเทศชาติ ในที่สุดก็จะนำความเดือดร้อนมาให้ในภายหลัง ดังนั้น เมื่อจะทำการงานใดพึงพิจารณาว่า ทำแล้วไม่ผิดกฎหมาย ไม่ผิดประเพณี ไม่ผิดศีล ไม่ผิดธรรม อย่างนี้เรียกว่าการงานไม่มีโทษ ถือเป็นงานมงคลโดยแท้ ชีวิตที่ผ่านมาก็อยู่ในศีลในธรรมมาตลอด

"สวดมนต์ไหว้พระเป็นประจำทุกวัน" เป็นสิ่งที่ย่าทวดบอกว่าทำมากว่าร้อยปีแล้ว และทุกวันนี้ยังคงทำอยู่อย่างไม่เคยขาดหาย ทั้งนี้ท่านพูดไว้อย่างน่าคิดว่า

"ร้อยกว่าปีที่ผ่านมา ชอบเข้าวัดทำบุญเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง สิ่งที่ได้กลับมาคือ การสวดมนต์ วันไหนไม่ได้ไปวัดก็จะสวดมนต์อยู่ที่บ้าน ทำให้จิตใจสงบ จิตใจก็ไม่ได้คิดริษยาหรือสร้างกิเลสอยากได้เงินทองอะไรมากมาย เพียงแต่ดำรงอยู่ตามประสาคนบ้านนอก จิตใจที่ไม่คิดอยากได้อยากมีเหมือนคนในเมืองหลวงมากเกินไป"

ย่าทวดนาค บอกด้วยว่า หากพูดถึงคนเราจะมีอายุยืนได้คงไม่สามารถ บอกได้ชัดเจนว่าเกิดจากสิ่งใด เนื่องจากที่ผ่านมาก็ดำเนินชีวิตแบบคนบ้านนอก ไม่ได้มีอะไรกินเป็นพิเศษ ไม่ได้มียาดีหรือหมอดีอะไรที่ไหนมาดูแลอย่างใกล้ชิด มีอะไรก็กินไปตามเรื่องตามราว แต่ส่วนตัวเป็นคนชอบกินขนมจีนน้ำยา พร้อมทั้งใส่น้ำตาลให้มีรสหวานพอประมาณ อาหารอื่นๆ ที่ต้องเคี้ยวให้ละเอียดก็จะไม่ค่อยได้รับประทาน ฟันก็ไม่มีให้เคี้ยวอาหารที่เป็นชิ้นใหญ่ๆ ได้ นอกจากนี้แล้วสมัยเป็นสาวก็ทำไร่ทำนามาตลอด

ทางด้านนางไล ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า การดำเนินชีวิตของย่าทวดนาคก็คงใช้ชีวิตเป็นปกติเหมือนเช่นเคย ด้วยการเดินได้เองไปรอบๆ บ้านโดยไม่ต้องมีใครพยุง ถือว่าท่านมีสุขภาพค่อนข้างแข็งแรงพอสมควร พอเดินมากแล้วก็จะมานั่ง พร้อมกับนอนพักผ่อนอยู่กับเปลข้างบ้าน ดูไปแล้วแม่ก็จะเหมือนกับเด็กๆ ที่เราเลี้ยงเขานั่นแหละ ตรงนี้คิดว่าจะเลี้ยงท่านไปให้ถึงฝั่ง จะไม่ยอมทอดทิ้งท่านให้อยู่ตามยถากรรม และที่แม่มีอายุยืนมาถึงทุกวันนี้ได้ก็อาจเป็นเพราะสิ่งแวดล้อมที่ดี ไม่มีสารพิษ สารเคมีมากมายเหมือนในสังคมเมือง
"การที่เห็นแม่อายุยืนแบบนี้ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ท่านกินอะไรเป็นพิเศษ เพราะตั้งแต่จำความได้ ก็เห็นท่านทำนาทำไร่หาเลี้ยงครอบครัว ท่านก็แข็งแรงมาตลอด แต่วันนี้ลูกหลานไปทำงานต่างจังหวัดกลับมา ก็จะให้เงินเอาไว้ใช้บ้าง แต่ก็ไม่มากนะ เราก็จะอยู่กันแบบพอมีพอกัน แต่จริงๆ เราก็อยากให้ทางการออกมาให้ความช่วยเหลือเรามากกว่านี้ อย่างน้อยแม่ก็เป็นคนที่อายุยืนคนหนึ่ง" นางไล กล่าว

อย่างไก็ตาม เหตุที่ทำให้ย่าทวดนาคมีอายุยืนถึง ๑๑๘ ปีนั้น ตรงกับหลักจูฬกัมมวิภังคสูตร ที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า

๑.อายุยืนเพราะไม่ฆ่าสัตว์
๒.อายุสั้นเพราะฆ่าสัตว์
๓.ไม่ขี้โรคเพราะไม่เบียดเบียนสัตว์
๔.ขี้โรคเพราะเบียดเบียนสัตว์
๕.รูปสวยเพราะไม่ขี้โกรธ และถือศีลด้วย
๖.รูปไม่สวยเพราะขี้โกรธ และไม่ถือศีลด้วย
๗.ร่ำรวยทรัพย์เพราะทำทาน และชอบช่วยเหลือผู้อื่น
๘.ยากจนเพราะไม่ทำทาน และไม่ชอบช่วยเหลือผู้อื่น
๙.มีบริวารเพราะมีน้ำใจโอบอ้อมอารี
๑๐.ไม่มีบริวารเพราะไม่มีน้ำใจโอบอ้อมอารี
๑๑.เกิดในตระกูลสูงเพราะอ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้ใหญ่
๑๒.เกิดในตระกูลต่ำเพราะไม่อ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้ใหญ
่ ๑๓.มียศศักดิ์เดชานุภาพเพราะไม่อิจฉาริษยาผู้อื่น
๑๔.ไม่มียศศักดิ์เดชานุภาพเพราะอิจฉาริษยาผู้อื่น
๑๕.มีปัญญาเพราะคบนักปราชญ์บัณฑิตผู้มีปัญญาทางธรรม
๑๖.ไม่มีปัญญาเพราะ ไม่คบนักปราชญ์บัณฑิต ผู้มีปัญญาทางธรรม

ขณะเดียวกัน พระราชวิจิตรปฏิภาณ (พระพิพิธธรรมสุนทร) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสุทัศนเทพวราราม ได้อนุมานจากคำสอนในจูฬกัมมวิภังคสูตร อันเป็นหลักปัจจุบันชาติของผู้มีอายุยืน ดังนี้

๑.มีความประพฤติดี
๒.มีวิชาดี
๓.มีเงินทองสำรองเลี้ยงชีวิต
๔.เมื่อทำผิด ต้องรู้จักขอโทษ และให้อภัย
๕.ได้รับอะไรๆ ต้องรู้จักชอบใจและให้พร
๖.ไม่ทำตนเป็นคนเจ้าแง่แสนงอน
๗.ก่อนนอนและตื่นนอนสวดมนต์ไหว้พระ และ
๘.ไม่ละเรื่อง ทาน ศีล ภาวนา


ปัจจุบันนี้ ย่าทวดนาคมีหลานคอยดูแลสลับกันไปเป็นประจำ ประกอบด้วย นางสมพิศ แจ้วจันทร์ อายุ ๕๐ ปี นางจันทร์ ทิพภูนอก อายุ ๔๒ ปี นายยิ้ม ทิพภูนอก อายุ ๕๒ ปี รวมทั้งมีชาวบ้านละแวกใกล้เคียงได้มาช่วยดูแลย่าทวดนาคกันอย่างต่อเนื่อง ทำให้ครอบครัวที่ยากจนแต่ก็ไม่ขาดความอบอุ่นจากชาวบ้านทุ่งสว่าง

นอกจากแล้ว ยังมีหน่วยงานราชการเข้าไป ให้ความช่วยเหลือในเบื้องต้นบ้างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นโครงการ ๓๐ บาทรักษาทุกโรค โดยให้เป็นบัตรทอง พร้อมทั้งให้เบี้ยยังชีพของผู้สูงอายุ ๓๐๐ บาทต่อเดือน แต่เป็นจำนวนเงินที่ไม่เพียงพอต่อการยังชีพ

อย่างไรก็ตาม ประชาชนทั่วไปที่มีจิตศรัทธาจะร่วมสมทบทุนให้ความช่วยเหลือย่าทวดนาค ติดต่อไปได้ที่ บ้านเลขที่ ๒๖ หมู่ ๔ บ้านทุ่งสว่าง ต.ทุ่งสว่าง อ.ประทาย จ.นครราชสีมา ๓๐๐๐๐



0 เรื่อง สุทธิคุณ กองทอง /ภาพ กิตติ บุบผาชาติ
ที่มา - คม ชัด ลึก 31/ส.ค./2547

[นวรัตน์]

ขอบคุณครับสำหรับเรื่องราวดีๆ พร้อมหลักจูฬกัมมวิภังคสูตร 8)

[บ่าวดอนโบม]

พี่น้องกะเอามาปรับใช้ในยุคปัจจุบันนี้ได้ครับ
กับหลักการดำเนินชีวิตของเลากะดาย