ลองคิดทบทวนกับประโยคนี้ดีๆ
ทำไมวันเริ่มต้นของชีวิตคือวันที่เรารู้ตัวว่าใกล้จะ.....
มีผู้ชายอยู่คนหนึ่ง ทุกวันนี้ก็ไม่รู้จะบอกว่าเค้าโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่
เป็นคนที่เข้าข่ายของกลุ่มเสี่ยงก็ว่าได้ เอาทุกอย่างยกเว้นการพนัน
ผลการตรวจเลือดประจำปีออกมาว่าเค้าเลือดบวก
แต่หมอ ยังไม่ยืนยัน แล้วก็นัดให้ไปตรวจใหม่อีกสามเดือน …
เป็นอันว่าหลังวันตรวจเลือด
และรู้ผลเค้าเชื่อว่าผลตรวจเลือดเป็นจริง เท่านั้นแหละ
ชีวิตดับทันที งานการไม่ไปทำ หลบตัวอยู่กับบ้านประมาณอาทิตย์นึงได้
พอเพื่อนๆเจอหน้าเค้าอีกที คราวนี้เปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลย
เพื่อนชวนไปไหนก็ไม่ไปเลิกงานแล้วก็ไปหาแฟน
พาแฟนไปทานข้าวกับพ่อแม่ที่บ้าน
เหล้าบุหรี่ก็ไม่แตะอีกเลย
แล้วก็ไม่พูดถึงเรื่องผลการตรวจเลือดอีก …
เค้ากลับมาทำทุกอย่าง เล่นกีฬา เที่ยวต่างจังหวัด
จนบางทีเราก็อดสงสัยกันไม่ได้ว่าชีวิตมันมี 48 ชั่วโมง
เพราะมันใช้เวลาทุกนาทีคุ้มมาก
จนกระทั่งคนทางบ้านและแฟนมันแปลกใจ
อดไม่ได้ที่จะแอบโทรมาถามเพื่อนว่าเค้าเป็นอะไรเหรอ
ทำไมทำตัวเหมือนคนซึ้งสัจธรรมเลย ตอนนั้นพวกเราก็อึ้งนะครับ
เพราะทุกคนรู้ดีว่าเพราะอะไร แต่ก็มีเพื่อนคนนึงพูดขึ้นมาว่า
นี่ถ้ามันเป็นคนดียังนี้แต่แรกมันก็ไม่ต้องตายแล้วหละ ..
ใช่ ถ้ามันเป็นคนดียังนี้แต่แรกมันก็ไม่ต้องตาย
ทุกวันนี้มันฟื้นกลับมาเป็นคนอีกครั้ง
หลังจากนั้นสามเดือนให้หลัง ผลตรวจเลือดปรากฏว่ามันไม่มีเลือดบวก
ประโยคที่มันบอกกับพวกเรา
มันบอกว่ามันดีใจที่พระเจ้าส่งมันไปดัดสันดานในนรกมาสามเดือน
ทุกวันนี้มันรักครอบครัว รักแฟน
แล้วพวกเราก็คิดว่ามันทำทุกอย่างได้ดีเท่าที่คนรักควรจะทำ
จนบางทีอดอิจฉาไม่ได้อยากให้ชีวิต
เฉียดๆอะไรอย่างมันบ้าง

ชีวิตของเราเริ่มต้นเมื่อวันที่เรารู้ตัวว่ากำลังจะตายหรือ?
จงใช้ชีวิตวันนี้ให้เหมือนว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิต
ความหมายเหมือนกันว่าคนเราไม่รู้จักคุณค่าของชีวิต
จนวันสุดท้ายของชีวิตมาถึง
วันนั้นแหละที่เราจะรู้ว่าเราอยากทำอะไร
แล้วทำไมเราต้องรอจนกระทั่งวันสุดท้ายมาถึงก่อน จึงคิดจะทำอะไรที่ใจอยากทำ
แล้วถ้าสมมุติว่าพรุ่งนี้คุณกำลังจะจากคนที่คุณรักไปหละ วันนี้คุณจะทำอะไรให้เค้าก่อน?