สืบเนื่องมาจากพักหลังๆ
เราสงสารคนทำมาหากินแบบผิดที่ผิดทาง...
เช่น...คุณบิลลี่ โอแกน ตกต่ำ ขายหมูแดดเดียว
(ตกต่ำตรงไหนวะ.....? ขายดีนะเฟ้ย) ...
อ้อยใจตกอับ ขายส้มตำประทังชีวิต...
(ตกอับตรงไหนกัน...คนทำมาหากินตกอับด้วยหรือ?)
หรือดารารุ่นเก่าซักคน ที่ตกอับจนต้องขายรองเท้ามือสอง
(ตกอับตรงไหนอีกล่ะ...ก็คนทำมาหากินน่ะ.....
อาชีพนี้ไม่ไหว ก็ต้องทำอย่างอื่นน่ะ
จะสงสารเค้าทำไม อุดหนุนก็อุดหนุน
ประชาสัมพันธ์ก็ประชาสัมพันธ์ไปสิ
แต่ต้องด้วยความชื่นชม ที่เค้ามีความพยายามไม่ย่อท้อ
...ไม่ใช่ด้วยความสงสาร)
เคยมั้ยครับ...
ในความภูมิใจรัก และหวงแหนแผ่นดิน
รวมถึงการเป็นคนไทยที่เปี่ยมล้นของเรา
มันมีอะไรที่อยากจะเปลี่ยนเหลือเกิน....
อุปนิสัยและทัศนคติที่มันถูกฝังรากมานาน จนกลายเป็นวัฒนธรรม
บางอย่างมันก็ไม่ได้ส่งผลดี เสริมให้เกิดความเจริญก้าวหน้า "ในจิตใจ"
มีหลายเรื่องเลยครับ ที่ถ้าทำได้
ข้าพเจ้าอยากเสกให้คนไทยเปลี่ยนความคิด
อยากเป็นเจ้าคนนายคน เรียนสูงๆ ทำงานในองค์กรดีๆ
มันก็ถูกส่วนหนึ่งแหละแต่ลองมาคิดดูดีๆ
เราถูกพ่อแม่สั่งสอนมาแต่เด็ก
"ตอนเล็กๆ ไม่เรียนหนังสือ โตขึ้นมาต้องขัดรองเท้า"
"ถ้าเรียนไม่เก่ง เดี๋ยวก็ต้องมาเป็นเด็กขายพวงมาลัยตามสี่แยก
เป็นคนกวาดขยะ"
เวลาดูรายการทีวีของต่างประเทศ ...ญี่ปุ่น อเมริกา...
(ถามเอื้อยส้มป่อยเบิ่งเด้อ)
เค้าไม่เห็นดูถูกคนอื่นแบบนี้เลย.... อย่างที่ญี่ปุ่นเนี่ย
คนลากรถในเมืองประวัติศาสตร์ ก็ยังเป็นคนสำคัญ...
คนที่บ้าคลั่งร้านสะดวกซื้อก็สำคัญ ... ทุกอาชีพมีความสำคัญ
อยากให้คนไทยมองอาชีพที่ไม่ได้นั่งแล่นแต๊
อยู่แต่ในห้องแอร์ว่ามีศักดิ์ศรีเท่าๆ กัน
สังคมเราก็เหมือนระบบนิเวศล่ะครับ มันมีการพึ่งพาอาศัย
ถ้าทุกคนนั่งในห้องแอร์กันหมด หมาที่ไหนจะกวาดถนนให้สะอาด
ถ้าเรารอวันที่จะไปซื้อข้าวสารในห้าง แต่ไม่มีคนปลูก.....
จะเอาข้าวสารที่ไหนมากิน......
รู้มั้ยครับว่าการปลูกฝังให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางศักดิ์ศรีของแต่ละอาชีพ
ก่อให้เกิดผลอย่างไร
1 เด็กๆ จะได้เรียนสูงขึ้น โดยไม่มีเป้าหมาย....
ขอแค่พ่อแม่มีปัญญาส่งเสีย จบมาเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ....
หนักไม่เอา เบาไม่สู้
2 อาชีพของบรรพบุรุษสูญพันธุ์ไป
สมัยก่อนเราอยู่อย่างพึ่งพาธรรมชาติ
เรื่องหลักคือปากท้อง ไม่ใช่เงินทอง ..
เดี๋ยวนี้ทัศนคติเราเปลี่ยนไปเยอะ
ต้องเรียนสูงๆ เข้าทำงานในบริษัทดีๆ เงินเดือนเยอะๆ ...
ลืมการเป็นเจ้านายตัวเอง .... ชัดเลยคือเรื่องของเกษตรกรรม....
เดี๋ยวนี้ลูกเจ้าของสวนมะพร้าว สวนตาล
ไม่มีใครสานต่อการขึ้นมะพร้าวแล้ว ....
เรียนจบไปทำงานเป็นลูกจ้างในเมืองหมด....
จะจ้างคนงาน ก็ราคาสูง...สู้ไม่ไหว...
จ้างแรงงานต่างด้าวถูกกว่า....
แต่ถ้าหมดรุ่นพ่อแม่ไปล่ะ.....ขายสวนดีกว่า.....
ไม่ทำต่อแล้ว...
สู้ไปนั่งเป็นลูกจ้างในห้องแอร์ดีกว่า
เท่กว่าเป็นไหนๆ.....จริงป่ะ
มันน่าตกใจนะ
...ใจหาย...
บางทีเรามัวแต่ก้มหน้าวิ่งตามมหาอำนาจให้ทัน
(ซึ่งคงไม่มีวันทัน...นอกจากจะหลอกตัวเอง)...
เราลืมไปว่า"แก่น" หรือ "เหง้า" ของเราคืออะไร
เคยดูรายการคนค้นคนมั้ง
มีพี่ฝรั่งคนนึงเค้ามาทำไร่อยู่กับภรรยาและลูกในเมืองไทย
มันมีประโยคที่โดนใจข้าพเจ้าหลายอันเลย
"ส่งลูกเรียนโรงเรียนในจังหวัดนี่แหละ...
อยากให้เค้าภูมิใจในบ้านเกิด อยากปลูกฝังให้เค้ารักแผ่นดินเกิด
แต่ก็ไม่ได้ดักดานนะ ผมก็ติดดาวเทียม
ให้เปิดโลกกว้างให้ลูก เห็นว่าต่างประเทศเป็นยังไง
.....รู้เท่าทันคนอื่น" 8)
"คนไทยใส่เสื้อเหลืองน่ะ เข้าใจอะไรบ้างหรือเปล่า
ปรัชญา"เศรษฐกิจพอเพียง" ของในหลวงน่ะ
เคยทำความเข้าใจและปฏิบัติตามบ้างหรือไม่.....
ฟุ้งเฟ้อตามอย่างต่างชาติตลอดเวลา" 8)
"ผมไม่เข้าใจคนไทยเลย
ส่งให้เรียนสุงๆ ไปทำงานเป็นลูกจ้างเค้า
ทำไมไม่สอนให้ลูกอยากเป็นเจ้านายตัวเอง
ถึงไม่รวยมาก แต่ไม่มีทางจน" 8)
ครุศาสตร์ ศึกษาศาสตร์
......คะแนนไม่ถึงค่อยเลือกเรียน
บ้าที่สุด....คนไทย
ปลูกฝังให้คนเรียนเก่งไปเรียนสายที่ทำเงินได้มาก
...แล้วสายที่สร้างคนล่ะ
เมื่อไหร่ที่ผู้นำประเทศโดยเฉพาะด้านการศึกษา
จะเล็งเห็นความสำคัญของคนที่จะเป็นครูซักทีนะ
ในหลายๆ ประเทศ "ครู" เป็นอาชีพที่มีเกียรติ
ค่าตอบแทนสูง มีแต่คนหัวกะทิ
เพราะเค้าเชื่อว่าครูคือผู้สร้างคน
แต่นี่อะไร.... ประเทศไทย
กลับให้ความสำคัญการคนเป็นครูน้อยเหลือเกิน
จนคนที่เลือกจะเป็นครูด้อยใจ
ด้วยความรู้มีน้อยลง "ครู" กลายเป็นวิชาชีพที่เป็นตัวเลือกสุดท้ายไป
ขนาดเพื่อนข้าพเจ้าที่เป็นครู
ยังกระดากปากที่จะเรียกตัวเองแบบนั้น
แม้ว่าจะพยายามที่จะเป็นคนสอนวิชาที่ดี......
"ครู" มันขลังกว่าที่คิดนะครับ
ต้องเชี่ยวชาญทั้งศาสตร์และศิลป์
ต้องรู้ว่าเด็กแต่ละแบบต้องขัดเกลาอย่างไร
ระบบซีเนียริตี้ในสังคมไทย
นี่ก็อีกเรื่องที่อยากเปลี่ยนแปลงเหลือเกิน
เรื่องความอ่อนน้อมถ่อมตน การให้เกียรติผู้อาวุโส
เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของคนไทยครับ
อันนี้ไม่เถียง เป็นสิ่งดีที่ควรรักษาไว้....
แต่...ถ้ามันมาเหนือความถูกต้องล่ะ??
ครั้งหนึ่งเลยทะเลาะกับแม่...
คือแม่ผิดแน่นอน.....ถามเด็กป.6 ก็รู้ว่าแม่ผิด
ด้วยความที่ข้าพเจ้าเองถ้าไม่ผิดเนี่ย
ไม่ยอมแน่นอน....เถียงสิครับ..........
นานสองนาน เถียงไปมา
แม่ๆ ลูกๆ......สุดท้ายข้าพเจ้าเลยประชด
"งั้นหมายความว่า ข่อยต้องยอมแม่แม่นบ่
จังได๋แม่ก็ถูกเสมอ แม้ว่าแม่สิฮู้ว่ามันบ่แม่น
เพราะว่าข่อยเป็นลูก แม่เป็นแม่...
แม่ถูกเสมอ บ่มีวันผิด จังซั่นแม่นบ่"
แม่ตอบว่า
"แม่น"
จบข่าว......
ไม่มีคำพูดใดๆ ออกมาจากปากข้าพเจ้าอีก
....จริงๆ เรื่องนี้มันน้ำเชี่ยวอย่างขวางเรือมั้ง ...
แต่ว่ามันทำให้รู้ว่า เป็นเด็ก....อย่าเถียง
แม้ว่าจะพูดในสิ่งที่ถูก
เป็นกันหมดทุกระดับในสังคมบ้านเราเลยสิน่า....
ตั้งแต่ปลายรากฝอย ยันปลายใบอ่อน......
ตั้งแต่ระดับครอบครัว จนถึงระดับประเทศ
สังคมไทยเป็นเงี้ย......
แล้วเราจะเรียกร้องหาความถูกต้องเพื่ออะไร
ในเมื่อผู้ใหญ่ตั้งกฎมาแต่ทำผิดซะเอง
ปากก็บอกว่าทำเพื่อความถูกต้องเป็นธรรม
แต่การกระทำมันไม่ใช่....แล้วสุดท้าย
เมื่อมีคนค้านจึงสรุปได้ว่า "ข้าคือกฎหมาย"
......เฮ่อออออออออออ
...มาจ่มบ้าอีหยังของข่อยน้อบาดเนี่ย....::)
ปล. ได้เห็นข่าว.....เออ...ดีเนาะ
...เป็นลูกคนใหญ่คนโต
ฆ่าคนตายก็ยังเชิดหน้าได้สบาย สบาย.....
เคยมีเรื่องชกต่อย ก็ได้เป็นข้าราชการได้......ดี๊ดี 8)
“โลกนี้ไม่มีเด็กโง่ที่โง่จริงๆ หรอก
มันมีแต่เด็กที่ผู้ใหญ่เชื่อว่าพวกเขาโง่
ซึ่งมันเป็นโชคร้ายของเด็กพวกนั้น
เพราะ ถ้าเขาถูกเชื่อว่ามันโง่แล้ว
เขาก็จะถูกปฏิบัติให้โง่ไปกว่าเดิมอีก”
จากหนังเรื่อง : Dragon Zakura โลกนี้ไม่มีเด็กโง่ที่แท้จริง
.....แบบว่ากลุ้มใจนั่นหนาพี่น้องงงง.....
Bookmarks