-
Super Moderator
ฉลาดทำใจหนักแค่ไหนก็ไม่ทุกข์-เมื่อถูกวิจารณ์-ต่อว่า
.......สืบเนื่องจากความทุกข์เมื่อคืนนี้...ที่ได้รับการตำหนิในการกระทำที่บอกว่ามันมากเกินไป ทำอะไรให้พอดี...ทำให้เด็กน้อยรู้สึกเศร้าใจ...น้ำตาไหลก่อนที่เข้านอน...ตื่นเช้ามากะยังไม่ลืมอยู่กะไประบายในห้องกล่องเพลงเป็นหน้ากระดาษ...ได้ดีเจเต็มใจให้เธอเว้าให้คลายเศร้า...และเด็กน้อยกะยังทุกข์กับคำตินั่นอยู่....จนเมื่อเจอหนังสือเล่มหนึ่ง "ฉลาดทำใจหนักแค่ไหนก็ไม่ทุกข์" ของ เครือข่ายพุทธิกา เพื่อพระพุทธศาสนาและสังคม เป็นหนังสือเล่มน้อย ๆๆ แต่คนขี้คร้านจังเด็กน้อยอ่านไม่จบสักที....
เมื่อมีอาการเช่นนี้เด็กน้อยกะหาอีหยังน้อสิมาเขียนเพื่อจะได้ให้ตัวเองผ่านความรู้สึกเช่นไปได้ ....หยิบหนังสือขึ้นเปิดไปเรื่อย จนไปสุดุดที่ เรื่อง " ถูกวิจารณ์ - ต่อว่า" เข้ากับความรู้สึกตอนนี้เลย อ่านเบิ่งเข้าท่าดี ....อ่านจบความทุกข์ที่ได้รับเมื่อคืนกลับลดน้อยลง ... ถึงแม้จะไม่หายไปทั้งหมดนะ...เก็บผุเดียวไม่ได้ต้องนำมาแบ่งปันจ้า
ถูกวิจารณ์ - ต่อว่า
ก่อนอื่นควรถามตัวเองก่อนว่า คำวิจารณ์หรือคำตำหนินั้น มีส่วนจริงอยู่บ้างหรือไม่ถูกต้องและมีเหตุผลเพียงใด หากจริง ถูกต้องและมีเหตุผล ไม่ว่ามากหรือน้อยเพียงใด ไม่ดีกว่าหรือหากคุณจะนำเอาคำวิจารณ์หรือคำตำหนินั้นไปปรับปรุงตนเองหรืองานการของคุณให้ถูกต้อง โดยเลือกเอาแต่สาระ ส่วนถ้อยคำรุนแรงหรือสิ่งที่ผิดพลาดคลาดเคลื่อนก็เอาทิ้งไป
พระพุทธองค์ตรัสว่าผู้มีปัญญาที่ชอบชี้โทษหรือตำหนิเราคือผู้ชี้ขุมทรัพย์ มองให้ดีจะพบว่าในคำตำหนินั้นมีของมีค่ามากมายที่หาไม่ได้จากคำชมหรือคำสรรเสริญ เช่น ทำให้เราเห็นความจริงอีกด้านหนึ่งของตัวเราที่เราหรือแม้แต่เพื่อน ๆ มองไม่เห็น หาไม่ก็ทำให้เรารู้จักนิสัยใจคอของผู้พูดดียิ่งขึ้น ช่วยให้เรารู้ว่าจะวางตัวหรือเกี่ยวข้องกับเขาอย่างไรดีในคราวต่อไป
ขุมทรัพย์อีกอย่างหนึ่งที่ล้ำค่ามากก็คือได้เห็นสัจธรรมว่า คำชมกับคำตำหนิ เป็นของคู่กัน เช่นเดียวกับสรรเสริญและนินทาไม่มีใครที่ไดรับคำชื่นชมอย่างเดียว ยิ่งได้รับการชื่นชมสรรเสริญมากเท่าไร ก็ถูกตำหนิติฉินและนินทามากเท่านั้น ถ้าตระนักว่านี้เป็นธรรมดาโลก ก็ไม่ควรหวั่นไหวทั้งกับคำชมและคำตำหนิ
ใช่หรือไม่ว่า ยิ่งเรายินดีพอใจเมื่อได้รับคำชม เราก็ยิ่งขุ่นเคืองใจเมื่อมีคนตำหนิ ดังนั้นถ้าไม่อยากทุกข์เพราะคำตำหนิ ก็อย่าไปหลงดีใจเมื่อมีคนชม ยิ่งหัวเราะเสียงดังมากเท่าไร เวลาร้องไห้ก็เสียงดังมาเท่านั้น
ขอบคุณ .... หนังสือฉลาดทำใจหนักแค่ไหนก็ไม่ทุกข์ ของ เครือข่ายพุทธิกา เพื่อพระพุทธศานาและสังคม
-
ฝ่ายบริหารระดับสูง
การที่เราเป็นทุกข์ เพราะคิดว่าสิ่งที่เราทำนั้นถูก ไม่เสียหาย และไม่ผิดตรงไหน คนเราส่วนมากจะเข้าข้างตัวเองเสมอครับ และไม่ยอมฟังคนอื่น ถ้าเป็นเพื่อนร่วมงานหรือคนอื่น ผมจะไม่คุยด้วยหลายปี หรืออาจตลอดชีวิต เพราะผมไม่ประสงค์ที่จะคบหาสมาคมกับคนประเภทนี้อยู่แล้วครับ
การอยู่ในกลุ่มสังคม ไม่ว่าครอบครัว ที่ทำงาน สังคมอื่นใดก็ตาม การทำใด ๆ ก็ตามจะต้องมองความรู้สึกของคนรอบข้างเป็นสำคัญครับ ถ้าหากเขาไม่ชอบ แต่เราชอบ ก็จงพยายาม ลดขนาดลง อย่างน้อยที่สุดให้อยู่ในสภาวะที่เขาพอจะรับได้ เพื่อเป็นการให้เกียรติซึ่งกันและกัน อย่าสะสมเวลาให้เนิ่นนานเลยครับ
สิทธิส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับใคร เป็นสิทธิส่วนตัวของบุคคล เป็นความพอใจส่วนบุคคล สามารถพูดได้ครับ ถ้าเราอยู่คนเดียวในโลก
แต่ถ้าอยู่ในสังคม อยู่กับคน จะต้องเข้าใจธรรมชาติของคน และความทุกข์ทรมานของคนครับ จึงจะได้ชื่อว่า "เกิดมาเป็นคน (มนุษย์) ครับ"
การพบกันครึ่งทาง ไม่มากไป ไม่น้อยไป จะทำให้การดำรงชีวิตทุกอย่างมีความสุข ปรองดอง และสามัคคีครับ
-
Super Moderator
Guide & Photographer
ไม่รู้ว่าใครเคยกล่าวไว้(ไม่ใช่ผมแน่)...ว่า
"ความทุกข์ที่ผ่านพบ ไม่ใช่จุดจบของความสุข
ไม่รู้จักทุข์ จะรู้จักสุขได้อย่างไร"
ไม่มีใครที่จะตัดสินว่าคนใหนทำผิดคนใหนทำถูก
แต่ละคนต่างยืนอยู่คนละองศา ได้เห็นได้สัมผัสไม่เหมือนกัน
คนที่ได้เห็น ย่อมไม่รู้สึกเหมือนคนที่ได้สัมผัส
เรื่องบางเรื่อง บางครั้งก็ต้องปล่อยมันไปตามวิถีบ้าง
เราไม่รู้ว่าใครต้องการอะไร และเขาไม่รู้ว่าเรารู้สึกอย่างไร
หากเราจะตำหนิผู้มีอำนาจเหนือกว่า
เราควรศึกษาว่าเขาเป็นคนใจกว้างแค่ใหน
เตรียมคำพูดที่ไม่เป็นการทำร้ายจิตใจจนเกินไป
หาเหตุผลชี้แจงพร้อมให้ข้อมูลครบถ้วน
อย่าลืมว่าคนเรามักหาเหตุผลเข้าข้างตัวเองเสมอ
จนสามารถทำผิดได้ครั้งแล้วครั้งเล่า...
เราไม่สามารถคาดเดาได้เลยครับว่าเราจะทุกข์เมื่อไหร่
หรือสุขเมื่อไหร่ เหมือนสภาพอากาศภัยธรรมชาติ
คาดเดาไม่ได้...แต่มีมูลเหตุที่ทำให้มันเกิด...
เมื่อเกิดแล้ว เราก็ยอมรับมัน...เท่านั้นเองครับ
หายทุกข์เร็วๆครับ
กฎการส่งข้อความ
- You may not post new threads
- You may not post replies
- You may not post attachments
- You may not edit your posts
-
กฎฟอรั่ม
Bookmarks