ฉลาดทำใจหนักแค่ไหนก็ไม่ทุกข์...การงาน

ทำงานงานไม่มีความสุข


คุณควรหาสาเหตุว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้นเป็นเพราะงานยาก มองไม่เห็นผล เพื่อนร่วมงานไม่ดี เจ้าหนายไม่ยุติธรรม เงินเดือนน้อย? แต่หลังจากมองออกไปนอกตัวแล่วอย่าลืมกลับมาถามตัวเองว่า คุณมีใจให้งานนี้แค่ไหน?

การทำงานอย่างมีความสุขเกิดขึ้นเมื่อคุณมีใจรักในงานนั้น ถ้าคุณรักงานนั้น ถึงแม้จะยาก ผลสำเร็จยังไม่ปรากฏ เจ้านายไม่ดี คุณก็ยังมีความสุขที่ได้ทำ

ใจรักในงานอาจเกิดขึ้นเพราะเป้นงานที่คุณถนัด แต่ถึงแม้คุณไม่ถนัด ก็สามารถน้อมใจให้รักงานนั้นได้ หากคุณเห็นงานนั้นมีคุณค่า เช่น เป็ฯประดยชน์ต่อส่วนรวมเกื้อกูลต่อคนที่คุณรัก หรือช่วยให้คุณได้ใช้ศักยภาพอย่างเต็มที่

ความสุขในงานยังหาได้ไม่ยาก หากคุณทำงานอย่างมีใจจดจ่อกับงาน ไม่วอกแวกฟุ้งซ่าน หรืออยากเห็นความสำเร็จของงานไว ๆ ใจจะจดจ่อกับงานได้ต้องอาศัยสติเพื่อดุงจิตให้กลับมาอยู่กับปัจจุบัน หรืออยู่กับงานที่ทำ เมื่อใจจดจ่ออยู่กับงานอย่างต่อเนื่อง สมาธิจะเกิดขึ้น และสุขจะตามโดยอัตโนมัติ

ทำงานอะไร ไม่สำคัญ ทำงานอย่างไร กล่าวคือทำด้วยใจรัก หรือหวังเงินทอง ทำด้วยใจจดจ่ออย่างมีสติ หรือทำด้วยใจที่ฤงซ่าน หากวางใจไว้ไม่ถูก ไม่ว่าทำงานอะไร เปลี่ยนงานก่ครั้ง ก็หาความสุขได้ยากอย่างลืมว่าเราอาจเลือกงานไม่ได้ แต่เราเลือกที่จะสนุกหรือเป็นสุขกับงานได้


เงินเดือนน้อย ตำแหน่งเล็ก

คุณค่าของงานไม่ได้วัดกันที่เงินเดือน หรือตำแหน่ง แต่อยู่ที่ว่าเป็นสัมมาอาชีวะหรือไม่ ก่อนประโยชน์แก่ส่วนรวมมากน้อยเพียงใด และเปิดโดกาสให้คุณได้ใช้ศักยภาพอย่างเต็มที่แค่ไหน ถึงจะมีเงินเดือนมากตำแหน่งสูง ๆ แต่ไม่ได้ใช้ความสามารถเลยหรือไม่ได้สร้างสรรค์ประโยชน์แก่สังคมเลยจะน่าภาคภูมิใจที่ตรงไหน

แม้มีเงินเดือนน้อย ตำแหน่งเล็ก แต่ก็สามารถทำให้คุณภาคภูมิใจและมีความสุขได้ขุ้นอยู่กับว่าคุณทำงานนั้นด้วยใจรักหรือไม่ และเห็นคุณค่าของงานเพียงใด พึงตระหนักว่าทำงานอะไร ก็ไม่สำคัญเท่ากับทำงานอย่างไรด้ายเหตุนี้ยามจัดรถหรือเสมียนบางคนจึงมีความสุขกว่าผู้จัดการเสียอีก

ถ้าเงินเดือนไม่พอใช้ ก็ควรใช้จ่ายให้น้อยลง หรือไม่ก็หารายได้ทางอื่นมาเสริมแต่ถ้าคุณทุกข์เพราะเห็นเพื่อน ๆ มีเงินเดือนมากกว่า หรือตำแหน่งสูงกว่า คุณควรเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นให้น้อยลงเพราะคุณจะหาความสุขได้ยาก ถึงคุณมีเงินเดือนหรือตำแหน่งเท่าเขา คุณก็อาจจะทุกข์ที่เห็นเขามีโทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่กว่าหรือมีรถราคาแพงกว่า คุณจะไม่มีวันรู้จักคำว่าเพียงพอหรือใจเลย


ตกงาน

มองในแง่ดี การตกงานทำให้คุณมีเวลาหางานใหม่ที่เหมาะกับตัวเอง หรือได้งานใหม่ที่ดีกว่าเดิม สตีฟ จ็อบส์ ผู้ประดิษฐ์เครื่อง iPod เคยพูดว่า การที่เขาถูกไล่ออกจากบริษัท แอปเปิ้ลที่เขาเป็นคน่อตั้งนั้น เป็น "สิ่งที่ดีสุดอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิตของผม" เพราะเปิดโอกาสให้เขามีอิสระที่จะริเริ่มสิ่งใหม่ ๆ ที่แปลกไปจากเดิม จนนำไปสู่การตั้งบริษัท ที่แปลกไปจากเดิม จนนำไปสู่การตั้งบริษัท ที่ประสบความสำเร็จอย่งสูงในเรื่องการ์ตูนแบบอนิเมชั่น ก่อนที่เขาจะดังสุดขีดด้วยเครื่อ iPod

สำหรับบางคน การตกงานหมายถึงการได้กลับไปช่วยงานพ่อแม่ที่บ้าน ทำให้ได้อยู่ใกล้ชิดและตอบแทนผู้มีพระคุณอย่างเต็มที่แต่บางคนการตกงานทำให้มีเวลาทำบางสิ่งที่อยากทำแต่ผัดผ่อนมาตลอด อาทิ การปฏิบัติธรรม หรือบวชให้พ่อแม่ นี่อาจเป็นสิ่งที่กำลังรอคุณอยู่ก็ได้

ไม่ต้องห่วงว่าคุณจะตกงานไปตลอดชีวิตไม่ช้าก็เร็วคุรก็จะได้งานใหม่ทำ อย่าให้เหตุการณ์ที่ทำลายความเชื่อมั่นในตัวคุณหากว่มันไม่ใช่ความผิดของคุณ แต่ถึงจะไช่ก็ยังไม่สายที่จะปรับปรุงตัวเองใหม่

ข้อสำคัญคือ ขณะที่คุณยังมีเวลามากมายในตอนนี้ ควรใช้เวลาให้เกิดประโยชน์คุ้มค่าอย่าเสียเวลาไปกับความเศร้าซึม เที่ยวเตร่หรือนั่ง ๆ นอน ๆ อยู่ที่บ้าน ควรสลัดความทุกข์และอดีตที่ไม่สมหวังทิ้งเสีย แล้วเดินหน้าต่อไปอนาคตที่สดใสยังรอคุณอยู่ข้าหน้า หาได้สิ้นสุดเพียงแค่วันนี้ไม่


สอบเข้าไม่ได้ - ผลงานถูกปฏิเสธ

อย่าเอาชีวิตของคุรไปแขวนไว้กับความเห็นหรือคำตัดสินของใครก็ตาม จริงอยู่เขาอาจมีความเห็นที่ถูกต้องหรือมีเหตุผลน่ารักฟังแต่นั่นคือสิ่งที่คุณควรเอามาใช้พิจารณาหรือปรับปรุงตนเอง ไม่ใช่เอามาทำร้ายจิตใจของคุณ หรือบั่นทอนคุณค่าในตัวคุณ

ถึงคุณมีความสามารถไม่ถึงเกณฑ์ แต่คุณอาจมีความสามารถไม่ถึงเกณฑ์ แต่คุณอาจมีความสามารถหรือศักยภาพอีกหลายอย่างที่ไม่ด้อยเลย อีกทั้งคุณยังมีคุณค่าต่อผู้คนอีกมากมาย เช่นพ่อแม่ คนรัก มิตสหาย ทั้งหมดนี้สมควรที่คุณภาคภูมิใจในตนเอง

ความไม่สมหวังเป็นธรรมดาของชีวิตจะว่าไปแล้วเหตุการณ์แบบนี้ควรมองว่าเป็นการฝึกจิตใจของคุณให้เข้มแข็ง เพื่อพร้อมรับกับความผิดหวังอีกมากมายที่จะตามมาซึ่งอาจร้ายแรงกว่าการสอบตกหรือถูกปฏิเสธผลงาน หากคุณทำใจกับความผิดหวังแค่นี้ไมได้ คุณจะรับมือกับเรื่องร้ายแรงในอนาคตได้อย่างไร

อย่างไรก็ตาม ความสามารถของคูณอาจไม่ได้ด้วยเลยก็ได้ แต่เขาตัดสินคุณผิดไปอัจฉริยะอย่างไอน์สไตน์เคยสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้ และเมื่อสอบได้ ก็ได้คะแนนต่ำ จนอาจารย์ด้านวิทยาศาสตร์ปรามาสว่าเขาไม่มีทางเจริญก้าวหน้าในวิชาฟิสิกส์ ส่วนนักเขียนระดับโลกหลายคนก็เคยถูกสำนักพิมพ์ปฏิเสธผลงานครั้งแล่วครั้งเล่า หนังสือบางเล่มของเจมส์ จอยซื เคยถูกปฏิเสธถึง 22 ครั้ง

ฉะนั้นคุณจึงไม่ควรท้อแท้เพราะคำตัดสินของคนอื่น หากคุณมั่นใจในตนเอง ก็ควรเดินหน้าต่อไป พร้อม ๆ กับการพัฒนาตนเองไม่หยุด อย่าให้เหตุการณ์ดังกล่าวมาขัดขวางเส้นทางอนาคตของคุณ


จาก...หนังสือ ฉลาดทำใจหนักแค่ไหนก็ไม่ทุกข์ ของ เครือข่ายพุทธิกา เพื่อพระพุทธศาสนาและสังคม