พระพุทธเจ้าท่านไม่ขัดคอใคร
- บางคนตอนธรรมะเกิดนี่หัวมันรุนแรง ใครพูดอะไรไม่ถูกมันขวางหมดแหละ เหมือนนักศึกษาที่เรียนหนังสือใหม่ ๆ นี่หัวจะรุนแรง ใครจะบริหารอยู่ไม่ถูกหลักล่ะ ขวางหมดเลย ขัดหมด! จะเอาใจตัวเองเป็นใหญ่
- เช่นเดียวกับนักธรรมะที่ฝึกใหม่ ๆ พออะไรมันเกิดขึ้นมาก็อยากจะพูดออกไป โดยไม่พิจารณาเลยว่า...ขัดใจเขาหรือเปล่า... แต่ถ้าอยู่ไปนาน ๆ แล้วใจมันก็จะเย็น พอเรียนจบไปเป็นครูบา อาจารย์ มันก็มีเหตุมีผล ไม่อยากจะไปขัดใคร รู้ว่าผลการกระทำที่แล้วมา มันไม่ได้ส่งผลดีอะไรขึ้นมา มันมีแต่ให้ผู้อื่นเดือดร้อน มีแต่ศัตรู
- เราอยู่สังคมก็ต้องขัดคอเรา ไอคำพูดที่จะพูดออกไปตามใจตนเอง ถ้ามันขัดคอคนอื่น เราก็หยุดซะ มาหัด พุทโธ แล้วจะขัดคอตนเอง ขัดใจตนเอง แต่เราไม่ชอบขัดใจตนเอง ชอบตามใจตนเอง มันก็เลยมีปัญหาร้อยแปดที่ตามมาในชีวิตของเรา
- พระพุทธเจ้าท่านไม่ขัดคอใครนะ! ไม่ขัดคอใคร ท่าน อือ ๆ แต่สรุปแล้วท่านให้เหตุผลกับบุคคลนั้น จนได้ตาสว่างขี้นมา เพราะท่านไม่ขัดคอ โจรมาหาท่าน ท่านก็ไม่ขัดคอโจร โสเภณีมาหาท่าน ท่านก็ไม่ขัดคอโสเภณี คนกินเหล้ามาหาท่าน ท่านก็ไม่ขัดคอคนกินเหล้า
- เพราะอะไร? ท่านรู้ว่าคนพวกนี้ไม่ชอบขัดคอตัวเอง เป็นคนที่ไม่ชอบขัดใจตัวเอง แต่ชอบขัดใจคนอื่น เมื่อเป็นอย่างนั้นพระพุทธเจ้าก็เป็นมิตรที่ดี เป็นอาจารย์ที่ดี ไม่ขัดคอเสีย คล้อยตามไปเพื่อให้เขาได้สติทีหลัง เช่น ไม่ขัดคอโจร โจรมันก็เลยรักพระพุทธเจ้า
พระพุทธเจ้าไม่ขัดคอโจรเป็นไง?
- หม่อมฉันเป็นโจรก็ต้องปล้นต้องฆ่า ต้องทำบาปทุกอย่าง ต้องใช้ความหยาบคายทั้งหมด
- พระพุทธเจ้าบอก...เธอเป็นโจรก็เป็นโทรที่ดีสิ! ก็ต้องรักษาสัจจะโจร เธอต้องการอะไร? ต้องการทรัพย์ใช่ไหม? เมื่อเธอปล้นก็เอาแต่ทรัพย์อย่างเดียว เธออย่าไปฆ่าสิ! เจ้าของบ้านไม่ใช่ทรัพย์นี่ ฆ่าเจ้าของบ้านแล้วมีประโยชน์อะไร? เธออย่าไปเผาบ้านเขาสิ! ให้เขามีบ้านอยู่ เธอเอาแต่ทรัพย์อย่างเดียว ไม่จำเป็นต้องฤาเจ้าของ ไม่จำเป็นต้องเผาบ้าน และเธอไม่จำเป็นต้องไปฉุดคร่าลูกสาวเขาให้เดือดร้อนเพราะเธอปรารถนาทรัพย์อย่างเดียว ก็เอาแต่ทรัพย์สิ! นั่นแหละเป็นโจรที่ดี ไม่ต่อสู้เจ้าหน้าที่ ไม่เบียดเบียน เธอเป็นโจรได้นาน
- โจรก็นึก เอ...กูจะเป็นโจร ไม่ฆ่าคนบ้านนี้ได้ยังไง ก็เจ้าของบ้านมันเอาเราก่อน เราก็ต้องฆ่ามัน เมื่อมาปล้นกันแล้วมันก็ต้องมีคบเพลิงอะไรต่ออะไรมาเหวี่ยงมาขว้างกัน มันก็ต้องไหม้บ้านคน ไอ้ลูกเมียมันไม่ยอมเราต้องแดคร่า คิดแล้วเรามันมีความชั่วทั้งนั้น เราจะเป็นโจรที่ดีคงไม่ได้พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า ให้เป็นโจรที่ดีจึงจะดี ถ้าหากว่าจะเป็นที่ดี ไม่เป็นซะดีกว่า เป็นคนดีเลย จะได้ไม่ต้องหลบซ่อน
- ผลที่สุด พอฟังพระธรรมพระพุทธเจ้าก็เลิกเลย เป็นโจร ไปบวชจนได้เป็นพระอรหันต์ เพราะพระพุทธเจ้าไม่ขัดคอใคร โจรก็เลยยอม
- ลองขัดคอโจรสิ! โจรมันเอาเรื่องเลย โจรเลวอย่างนั้น โจรเลวอย่างนี้ พรรณนาความเลยของโจร มันโกรธพระพุทธเจ้าตายเลย ที่นี้เจอพระเป็นศัตรูหมดเลย
นี่! คนเราก็ไม่ขัดคอกันก็เป็นมิตรกัน
แม้เป็นโจรกับกับอยู่กันได้ เข้ากันได้
เป็นโสเภณีท่านก็บอกว่า
- เธอเป็นโสเภณีไม่เป็นไร เขาสร้างเธอมาอย่างนั้นแล้ว เธอก็อย่าไปแย่งสามีเขาสิ! นี่ภรรยาเธอ หวงไหม? เธอหลบหลีกภรรยาเธอมาหรือเปล่า? ถ้าเขาบอกว่า ฉันเป็นชายโสด อิสระ พ่อแม่ไม่ห่วง ภรรยาไม่ว่าอะไร เธอก็หลับนอนกับเขาได้ แต่ถ้าภรรยาเขาตามหวงหึง เธออย่าไปทำนะ! มันเป็นบาป เธอต้องเป็นโสเภณีที่ดี
โสเภณีก็คิด
- เราจะเป็นโสเภณีทีดีได้ยังไงหนอ ไอ้ผู้ชายมันก็บอกว่าไม่มีเมียทั้งนั้นเลย แต่จริง ๆ แล้วมันมีเมียทั้งนั้น มันโกหกเรา ถ้าอย่างนั้นเราก็ต้องเป็นบาป เพราะเราผิดศีลข้อกาเมฯ เสียแล้ว งั้นก็อย่าเป็นโสเภณีดีกว่า ไม่งั้นก็ต้องบาปอยู่นั่นเอง คิดแล้วก็เลยเลิกดีกว่า
- โสเภณีบางคนฟังธรรมของพระพุทธเจ้าก็บรรลุโสดาบันก็มี ดีกว่าคนที่ไม่เป็นโสเภณีเสียอีก เพราะมีปัญญา
- ผลจากการที่พระพุทธเจ้าไม่ขัดคอนั่นเอง คล้อยตามโสเภณี จนโสเภณีนั้น เกิดความเมตตา เกิดความเคารพรักพระพุทธเจ้าว่ามี เมตตาต่อตน จึงได้ปฏิบัติธรรมจนบรรลุธรรม
มีคนถามพระพุทธเจ้าว่า
พระองค์เป็นคนไม่ลุกรับใครเลย
พระองค์เป็นคนมีทิฏฐิไม่ลุกรับใคร ไม่ต้อนรับใคร จริงไหม?
- พระองค์บอก จริง เราไม่ลุกรับใครเลย เพราะเราไม่เห็นว่า ใครมีคุณธรรม พอที่จะเราจะลุกรับเลย ไม่มีความรู้ที่จะเป็นผู้สละกิเลสได้เราจะลุกรับเฉพาะผู้ที่มีคุณธรรมเหนือเราเท่านั้น แต่เราก็มองไม่เห็นเลยผู้มีมา แม้แต่ผู้เฒ่าผู้แก่ก็ไม่รู้อะไร เขายังสั่งสอนอะไรเราไม่ได้เลย
เออจริง! เราเข้าใจพระพุทธเจ้าผิด
พระพุทธเจ้าเป็นคนรังเกียจใช่ไหม...ตัดเยื่อใยต่อรูป เสียง กลิ่น รส!
- พระองค์ก็บอก ใช่! เราไม่มีเบื่อใยต่อรูป เสียง กลิ่น รส เพราะเราเห็นว่าโทษมันมาก ถ้าเราไปมีเยื่อแล้ว เราก็มีแต่โทษทุกข์ เราจึงตัดออก ฆ่าออก ทั้งออก เราไม่ได้รับเกียจหรอก แต่เราไม่ต้องการที่จะให้มันเป็นทุกข์กับเรา
นี่คำสอนของพระพุทธเจ้า
พระองค์จะคล้อยตา แล้วค่อยให้เหตุผลทีหลัง
จาก หนังสือทำอย่างไรใจเป็นหนึ่ง .หลวงพ่อสนอง กตปุญโญ
วัดสังฆทาน 100/1 หมู่ 3 ต.บางไผ่ อ.เมือง จ.นนทบุรี
Bookmarks