กำลังแสดงผล 1 ถึง 5 จากทั้งหมด 5

หัวข้อ: ประวัติพระเทพเจติยาจารย์ (หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร)เจ้าอาวาสวัดธรรมมงคล เถาบุญญนนท์วิหาร

Hybrid View

คำตอบที่แล้วมา คำตอบที่แล้วมา   คำตอบถัดไป คำตอบถัดไป
  1. #1
    แบ่งปันความรู้และประสบการณ์ สัญลักษณ์ของ บ่าวแพนน้อย
    วันที่สมัคร
    May 2008
    กระทู้
    31

    ดูวีดีโอ YouTube ออนไลน์ ประวัติพระเทพเจติยาจารย์ (หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร)เจ้าอาวาสวัดธรรมมงคล เถาบุญญนนท์วิหาร

    ประวัติพระเทพเจติยาจารย์ (หลวงพ่อวิริยังค์   สิรินฺธโร)เจ้าอาวาสวัดธรรมมงคล เถาบุญญนนท์วิหาร

    ชาติภูมิ

    ปัจจุบัน อายุ 88 ปี พรรษา 67
    สถานะเดิม ชื่อ วิริยังค์ นามสกุล บุญฑีย์กุล
    เกิดเมื่อ วันศุกร์ที่ 7 มกราคม 2463 ปีวอก แรม 13 ค่ำ เดือน 1 จังหวัดนครราชสีมา
    บิดา ชื่อ ขุนเพ็ญภาษชนารมย์์ นายสถานีรถไฟปากเพรียวย้ายมาตั้งหลักฐานที่บ้านใหม่สำโรง อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา
    มารดา ชื่อ นางมั่น บุญฑีย์กุล (อุบาสิกามั่น ถึงแก่กรรม พ.ศ.2520)

    ลำดับพี่น้อง จำนวนพี่น้อง 7 คน ท่านเป็นลูกคนที่ 5 คือ
    1. ด.ญ.กิมลั้ง บุญฑีย์กุล (ชูเวศ)
    2. ด.ช.ฑีฆายุ บุญฑีย์กุล
    3. ด.ช. สุชิตัง บุญฑีย์กุล
    4. ด.ช.สัจจัง บุญฑีย์กุล
    5. ด.ช.วิริยังค์ บุญฑีย์กุล (พระเทพเจติยาจารย์)
    6. ด.ช.ไชยมนู บุญฑีย์กุล
    7. ด.ญ.สายมณี บุญฑีย์กุล (ศรีทองสุข)

    บรรพชา เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2478 ( อายุ 16 ปี)
    ณ วัดสุทธจินดา ต.โพธิ์กลาง อ.เมือง จ.นครราชสีมา โดยพระธรรมฐิติญาณ เป็นพระอุปัชฌาย์
    ประวัติพระเทพเจติยาจารย์ (หลวงพ่อวิริยังค์   สิรินฺธโร)เจ้าอาวาสวัดธรรมมงคล เถาบุญญนนท์วิหาร

    ก่อนบวช
    พระเทพเจติยาจารย์ เดิมชื่อ วิริยังค์ บุยฑีย์กุล เป็นบุตรขุนเพ็ญภาษชนารมย์ กับนางมั่น บุญฑีย์กุล เกิดเมื่อวันศุกร์ที่ 7 มกราคม 2463 ณ สถานีรถไฟปากเพรียว จังหวัดสระบุรี มีพี่น้อง.7..คน วันหนึ่ง ขณะที่ท่าน มีอายุประมาณ 13 ปี เพื่อนผู้หญิงคนหนึ่ง ชวนให้ไปวัดเป็นเพื่อน ขณะที่รอเพื่อนไป ต่อมนต์(ท่องบทสวดมนต์) กับพระอาจารย์กงมา ท่านก็รออยู่ด้วยความเบื่อหน่ายเพราะไปตั้งแต่ 2 ทุ่มกลับเที่ยงคืน จะกลับบ้านเองก็ไม่ได้ เพราะเส้นทางเปลี่ยวและกลัวผี ได้แต่คิดอยู่ในใจว่า "ตั้งแต่นี้ต่อไปไม่มาอีกแล้ว ๆ ๆ " ไม่ช้าก็เกิดความสงบขึ้น ตัวหายไปเลย เบาไปหมด เห็นตัวเอง มี 2 ร่าง ร่างหนึ่งเดินลงศาลาไปยืนอยู่ที่ลานวัด มีลมชนิดหนึ่ง พัดหวิวเข้าสู่ใจ ้รู้สึกเย็นสบายเป็นสุขอย่างยิ่ง ถึงกับอุทานออกมาเองว่า "คุณของพระพุทธศาสนา มีถึงเพียงนี้เทียวหรือ" แล้วเดินกลับไปที่ร่างกลับเข้าตัว พอดีเป็นเวลาเลิกต่อมนต์ จึงเล่าให้กับ พระอาจารย์กงมาฟัง พระอาจารย์ก็ว่า"เด็กนี่เรายังไม่ได้สอน สมาธิให้เลยทำไม จึงเกิดเร็วนัก " ตั้งแต่นั้นมาก็จึงเรียนรู้เกี่ยวกับการทำสมาธิ อยู่มาวันหนึ่งท่าน ทำงานหนักเกินตัวจึงล้มป่วยเป็นอัมพาต บิดาพยามหาหมอมารักษา แต่ก็รักษาไม่ได้ แพทย์แผนปัจจุบันบอกว่า หมดหวังในการรักษา ท่านได้แต่นอนอธิษฐานอยู่ในใจว่า " ถ้ามีผู้ใดมารักษาให้หาย จากอัมพาตได้ จะอุทิศตน เพื่อพระพุทธศาสนาทั้งสิ้น " ไม่นานก็ปรากฎว่ามีชีปะขาวหนวดรุงรังตนหนึ่ง มาถามบิดาของท่านว่า "จะรักษาลูกให้เอาไหม" บิดาก็บอกว่า "เอา" ชีปะขาวก็เดินมาหาท่านซึ่งนอนอยู่ พร้อมทั้งกระซิบถามว่า ูอธิษฐานดังนั้นจริงไหม ท่านก็ตอบว่าจริง จึงให้พูดให้ได้ยินดัง ๆ หน่อย ท่านก็พูดให้ฟัง ชีปะขาวก็เอาไพรมา เคี้ยว ๆ แล้วก็ พ่นใส่ตัวของท่านจนเหลืองไปหมด แล้วก็จากไป เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ปรากฎว่าท่านรู้สึกว่าจะ กระดิกตัวได้ ทดลองลุก ขึ้นเดินก็ทำได้เป็นที่อัศจรรย์ใจ 7 โมงเช้า ปรากฏว่าชีปะขาว มายืนหลับตาบิณฑบาตอยู่ ที่ประตูบ้าน ท่านจึงนำอาหารจะไปใส่บาตร ชีปะขาว กลับขอให้ท่านพูดถึงคำ อธิษฐานของท่านให้ฟัง เมื่อพูดแล้ว จึงยอมรับบาตร แล้วบอกให้ท่านไปหาที่ ใต้ต้นมะขาม วัดสว่างอารมณ์ เมื่อไปถึงชีปะขาวก็ให้พูดคำอธิษฐาน ให้ฟังอีก แล้วก็พาเดินไปหลังวัด คว้าเอา มีดอันหนึ่งออกไปตัดหางควาย มาชูให้ดู แล้วก็ต่อหางคืนไปใหม่ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พร้อมกับถาม ว่า "ลุงเก่งไหม" ท่านก็ตอบว่า "เก่ง" ลุงจะสอนคาถาให้ แต่ต้องท่องทุกวัน เป็นเวลา 10 ปีจึงใช้ได้ ท่านก็ได้เรียนคาถานั้น แล้วก็บอกว่าพรุ่งนี้ให้ เตรียมใส่บาตร วันรุ่งขึ้นปรากฎว่า ไม่พบ ตาชีปะขาวแล้ว ตั้งแต่นั้นมาท่านก็ไม่ เคยพบกับตาชีปะขาวอีกเลย
    ในร่มกาวพัสตร์

    เมื่ออายุประมาณ 15 ปีพ.ศ. 2477 ก็ได้บวชเป็นผ้าขาว บรรพชาเมื่อ 22 พฤษภาคม 2463 ณ วัดสุทธจินดา ต.โพธิ์กลาง อ.เมือง จ.นครราชสีมา โดยพระธรรมฐิติญาณ เป็นพระอุปัชฌาย์ หลังจากบรรพชาได้ 10 วัน ก็ตามพระอาจารย์กงมาออกธุดงค์ ตามป่าเขา ลำเนาไพร เพื่อแสวงหาที่วิเวกเมื่อพบที่สงบ ก็จะหยุดอยู่ทำความเพียร แม้บางครั้งอดอาหารกันอยู่หลายวัน บางครั้งเจอสัตว์ร้าย เจออันตราย หรือหนทางอันยาวไกล

    เช่นในบางวันเดินธุดงค์ข้ามเขาเกือบ 50 กิโลเมตร ก็ไม่ย่อท้อ โดยถือคติที่ว่ารักความเพียร รักธรรมะมากกว่าชีวิต ครั้งหนึ่งเมื่อออกจากดงพญาเย็น พบโจรกลุ่ม หนึ่งมีอาวุธครบมือมาล้อมไว้ พระอาจารย์กงมาได้เทศน์ สั่งสอนโจร มีอยู่ตอนหนึ่งเทศน์ว่า " พวกเธอเอ๋ย แม้พวกเธอจะมาหาทรัพย์ ตลอดถึง การผิดศีลของพวกเธอนั้น ก็เพื่อเลี้ยงชีวิตนี้เท่านั้น แต่ชีวิตนี้ก็ไม่ใช่ของ พวกเธอเลย มันจะสิ้นกัน ไม่รู้วันไหน เป็นเช่นนี้ทุกคน ถึงพวกเธอ จะฆ่าไม่ฆ่าเขาก็ตาย เธอก็เหมือนกัน มีความดีเท่านั้นที่ใคร ๆ ฆ่าไม่ตาย อย่างเรานี้จะตายเมื่อไหร่ก็ไม่อนาทรร้อนใจ เพราะความดีเราทำมามากแล้ว " ปรากฏว่าพวกโจรวางมีด วางปืนทั้งหมด น้อมตัวลงกราบพระอาจารย์กงมาอย่าง นอบน้อม หัวหน้าโจรมอบตัว เป็นศิษย์ และได้บวชเป็น ตาผ้าขาวถือศีล 8 เดินธุดงค์ไปด้วยกัน จนกระทั่งหมดลมหายใจ ในขณะทำสมาธิ

    ประวัติพระเทพเจติยาจารย์ (หลวงพ่อวิริยังค์   สิรินฺธโร)เจ้าอาวาสวัดธรรมมงคล เถาบุญญนนท์วิหาร

    ในวันที่ 20 พฤษภาคม 2484 ท่านมีอายุ 21 ปี ได้อุปสมบท ณ วัดทรายงาม บ้านหนองบัว อ.เมือง จ.จันทบุรี โดยพระปัญญาพิศาลเถระ(หนู) เจ้าอาวาสวัดปทุมวนาราม กรุงเทพฯ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์กงมาจิรปุญโญเป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระมหาทองสุข สุจิตโต เป็นพระอนุสาวนาาจารย์ หลวงพ่อได้เดินธุดงค์ติดตามพระอาจารย์กงมาไปในที่ต่าง ๆ เป็นเวลา 8 ปี วันหนึ่ง พระอาจารย์กงมาก็พาท่านเดินธุดงค์จากจังหวัดจันทรบุรีไปจังหวัดสกลนคร เพื่อไปพบพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต หลวงพ่อวิริยังค์ได้รับเลือกให้เป็นอุปัฎฐากอยู่ 4 ปี ได้เดินธุดงค์ร่วมกับพระอาจารย์มั่น เรียนธรรมะ อันลึกซึ้ง ได้จดคำสอนของหลวงปู่มั่นบางตอนไว้ (ปกติท่านห้ามผู้ใดจดเด็ดขาด เมื่ออ่านให้ท่านฟังภายหลังท่าน กลับรับรองว่าใช้ได้) ต่อมาท่านได้เผยแพร่คำสอนนี้แก่สาธารณะชน ในหนังสือที่ชื่อว่า "มุตโตทัย"

    การศึกษา

    (อายุ 15 ปี) พ.ศ. 2477 ได้บวชเป็นชีปะขาว การศึกษาเนื่องด้วยได้บวช ตั้งแต่อายุยังน้อย จบชั้น ป.4 เมื่อบรรพชาแล้วเรียนจบ น.ธ.ตรี นอกจากนั้นเป็นเวลาปฏิบัติกรรมฐาน เดินธุดงค์ตลอดระยะเวลาบรรพชา และอุปสมบท

    อุปสมบท

    เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2484 ขณะอายุ 21 ปี ณ วัดทรายงาม
    (อุทกสีมากลางทะเล) บ้านหนองบัว อ.เมือง จ.จันทบุรี
    โดยพระปัญญาพิศาลเถระ (หนู)
    เจ้าอาวาสวัดปทุมวนาราม กรุงเทพฯ เป็นพระอุปัชฌาย์
    พระอาจารย์กงมา จิรปุญฺโญ เป็นพระกรรมวาจาจารย์
    พระมหาทองสุข สุจิตฺโต เป็นประอนุสาวนาจารย์

    สมณศักดิ์

    พ.ศ.2507 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นเอกที่ พระครูญาณวิริยะ
    พ.ศ.2510 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ พระญาณวิริยาจารย์
    พ.ศ.2535 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นราชที่ พระราชธรรมเจติยาจารย์
    พ.ศ.2545 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นเทพที่ พระเทพเจติยาจารย์

    เกียรติคุณ

    ปริญญากิตติมศักดิ์
    พ.ศ. 2538 ปริญญาพัฒนบริหารศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ ด้านบริหารการพัฒนา จากสถาบันพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)
    พ.ศ. 2545 ปริญญาครุศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาบริหารการศึกษา สถาบันราชภัฏสวนสุนันทา
    พ.ศ. 2545 ปริญญาศาสนศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาการศึกษานอก ระบบ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย
    พ.ศ. 2550 ปริญญาศิลปศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จาก มหาวิทยาลัยโยนก จังหวัดลำปาง

    โล่รางวัล

    พ.ศ. 2540 ได้รับรางวัล มูลนิธิสมาน คุณหญิงเบญจา แสงมะลิ สาขาพระสงฆ์
    พ.ศ. 2541 ได้รับรางวัลเชิดชูเกียรติบุคคลดีเด่นของกรุงเทพมหานคร เพชรกรุงเทพสาขาศิลปวัฒนธรรม ศาสนาและการศึกษา จากกรุงเทพมหานคร

    ผลงานของพระเทพเจติยาจารย์

    เนื่องด้วยพระเทพเจติยาจารย์ (หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร) เจ้าอาวาสวัดธรรมมงคลมีความประสงค์จะพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนชาวไทยและชาวต่างประเทศ ท่านได้พัฒนาถาวรวัตถุและให้การศึกษาทุก ๆ ด้านเห็นเป็นที่ประจักษ์ ดังนี้

    สร้างวัด 11 แห่งในประเทศไทย
    สร้างวัดไทยในประเทศแคนนาดา 7 แห่ง
    สร้างวิทยาลัยสงฆ์ 2 แห่ง
    สร้างสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ที่จังหวัดนครราชสีมา
    สร้างศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก 3,000 กว่าแห่งทั่วประเทศ โดยมีเป้าหมายที่ 7,000 แห่ง
    สร้างโรงพยาบาลจอมทอง
    สร้างที่ว่าการอำเภอจอมทอง
    สถาบันประถมศึกษาจอมทอง
    สร้างพระมหาเจดีย์ที่สูงที่สุดในประเทศไทย วัดธรรมมงคล
    สร้างพระหยกที่ใหญ่ที่สุดในโลก วัดธรรมมงคล
    สร้างสถาบันพลังจิตตานุภาพในประเทศไทยและประเทศแคนนาดา ด้วยเวลาเพียง 8 ปี
    สถาบันชนาพัฒน์ เป็นสถาบันพัฒนานักออกแบบชาวไทย ให้เป็นที่ยอมรับระดับนานาชาติ

    การสร้างวัดในประเทศไทย

    วัดที่ 1 พ.ศ. 2486 สร้างวัดบ้านห้วยแคน ต.หนองเทียน อ.เมือง จ.สกลนคร ขณะนั้นอายุได้ 24 ปี
    วัดที่ 2 พ.ศ. 2487 สร้างวัดวิริพลาราม บ้านเต่างอย อ.เมือง จ.สกลนคร
    วัดที่ 3 พ.ศ. 2489-91 สร้างวัดมณีคีรีวงศ์ (กงรังษี) จ.จันทบุรี มีกุฏิ ศาลา หอระฆัง ฯลฯ
    วัดที่ 4 พ.ศ. 2491-95 สร้างวัดดำรงธรรมาราม อ.ขลุง จ.จันทบุรี ให้เป็นที่ธุดงค์วิปัสสนากัมมัฏฐาน
    วัดที่ 5 พ.ศ. 2493 สร้างวัดสถาพรพัฒนา (วัดหนองชิ่ม) ต.หนองชิ่ม อ.แหลมสิงห์ จ.จันทบุรี


    วัดที่ 6 พ.ศ. 2506 สร้าง วัดธรรมมมงคล ถนนสุขุมวิท 101 พระโขนง กรุงเทพฯ เป็นวัดแรกในกรุงเทพฯ พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระบรมราชินีนาถ เสด็จทรงหล่อพระประธานเสร็จตัดลูกนิมิต และเสด็จวางศิลาฤกษ์พระมหาเจดีย์ เนื้อที่ 32 ไร่ พระพุทธรูปหยกสีเขียวใหญ่ที่สุดในโลกเป็น ปฏิมากรรมที่มีความอัศจรรย์อย่างยิ่งแบบทันสมัย ศาลาพระหยกสวยงาม พระอวโลกิเตศวรกวนอิมหยก สีเขียวอันเดียวกับ พระหยก ถ้ำวิปัสสนาบรรจุได้กว่า 200 คน มีสวนป่าไม้ดอก ไม้ใบ ที่กว่า 4 ไร่ สระน้ำรื่นรมย์ เป็นสถานที่ฝึกสอนวิปัสสนา กุฏิถาวรหลังใหญ่ 2 ชั้น อีก 12 หลัง ศาลาการเปรียญ ศาลาเมรุฌาปนสถาน อุโบสถ และทีสำคัญที่สุดคือ พระมหาเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุสวยสด งดงาม ตามศิลปไทย วิจิตรตระการตาหาชมได้ยาก สิ้นงบประมาณร่วมร้อยล้านบาทมี พระภิกษุสามเณรพำนักอยู่ กว่า 400 รูปและมี ร.ร.อนุบาลธรรมศาลา อบรมสั่งสอนเด็กเล็ก


    วัดที่ 7 พ.ศ. 2511 สร้างวัดหนองกร่าง วิทยาลัยสงฆ์กำแพงแสน ต.ทุ่งลูกนก อ.กำแพงแสน จ.นครปฐมมีกุฏิ 80 หลัง ศาลาการเปรียญ อาคารเรียน 3 หลัง อุโบสถ 2 ชั้น มีพระภิกษุสงฆ์ ทั่วราชอาณาจักรศึกษา อยู่ปัจจุบัน 200 รูป
    วัดที่ 8 พ.ศ. 2512 สร้างวัดผ่องพลอยวิริยาราม ซอยลาซาล สุขุมวิท 105 พระโขนง กรุงเทพฯ เนื้อที่ 10 ไร่ มีกุฏิ บำเพ็ญภาวนา 60 หลัง ศาลาปฏิบัติธรรม อุโบสถ หอระฆัง และอื่น ๆ
    วัดที่ 9 พ.ศ. 2512 สร้างวัดสิริกมลาวาส (วัดใหม่เสนานิคม) ซ.เสนานิคม 1 ถ.พหลโยธิน ลาดพร้าว กรุงเทพฯ มีกุฏิ 40 หลัง ศาลาปฏิบัติธรรม ร.ร.ปริยัติธรรม อุโบสถ มีพระสงฆ์ 100 รูป
    วัดที่ 10 พ.ศ. 2513 สร้างวัดอมาตยาราม จ.ปราจีนบุรี เนื้อที่ 60 ไร่ มีศาลา กุฏิ อุโบสถครบบริบูรณ์
    วัดที่ 11 พ.ศ. 2513 สร้างวิทยาลัยสงฆ์กำแพงแสน สาขาน้ำตกแม่กลาง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ เพื่อการปฏิบัติธรรมให้บรรลุเป้าหมายในทางปฏิบัติบำเพ็ญวิปัสสนา ชั้นสูงเหมาะกับภูมิประเทศแถบนี้ ปัจจุบันนี้ (พ.ศ. 2530-2534) พระญาณวิริยาจารย์จะปฏิบัติธรรมจำพรรษาอยู่ที่น้ำตกแม่กลางนี้ และฝึกพลังจิตให้สว่างไสวแล้วนำไปโปรดญาติโยมต่อไป
    วัดที่ 12 พ.ศ. 2514 สร้างวิทยาลัยสงฆ์วังน้อย จ.อยุธยา (วชิราลงกรณ์วิทยาลัย) เนื้อที่ 108 ไร่ มีพระภิกษุสามเณร 300 รูป ศึกษาเล่าเรียนอยู่ในปัจจุบัน
    วัดที่ 13 พ.ศ. 2516 สร้างวัดแก้วพิทักษ์เจริญธรรม ซ.อุดมสุข สุขุมวิท 103 พระโขนง กรุงเทพฯ มีกุฏิ โรงครัว บ่อน้ำ อุโบสถ ตามลำดับ

    การสร้างวัดในต่างประเทศ

    วัดที่ 14 พ.ศ. 2535 วัดญาณวิริยาเทมเปิ้ล 1 เมืองแวนคูเวอร์ รัฐบริทิชโคลัมเบีย ประเทศแคนนาดา
    วัดที่ 15 พ.ศ. 2536 วัดญาณวิริยาเทมเปิ้ล 2 เมืองโตตรอนโต้ ประเทศแคนนาดา
    วัดที่ 16 พ.ศ. 2538 วัดธรรมวิริยาราม 1 ออตตาวา (เมืองหลวง) ประเทศแคนนาดา
    วัดที่ 17 พ.ศ. 2540 วัดธรรมวิริยาราม 2 น้ำตกไนแองการ่า ออนโตริโอ ประเทศแคนนาดา
    วัดที่ 18 พ.ศ. 2541 วัดธรรมวิริยาราม 3 เมืองแอตแมนตัน ประเทศแคนนาดา
    วัดที่ 19 พ.ศ. 2542 วัดธรรมวิริยาราม 4 เมืองแคลการี ประเทศแคนนาดา

    คุณสมบัติของพระเทพเจติยาจารย์ที่สมควรได้รับการยกย่อง

    เป็นผู้ทรงคุณวุฒิ มีคุณธรรมและจริยธรรมเป็นที่ยอมรับของสังคม
    พระเทพเจติยาจารย์ ท่านเป็นผู้ทรงวุฒิ มีคุณธรรมและจริยธรรม เป็นที่ยอมรับของสังคมทั้งในประเทศและต่างประเทศ ดังจะเห็นได้จากผลจากการดำริของท่านทุก ๆ เรื่องจะเปี่ยมไปด้วยคุณธรรมและจริยธรรม

    1.1 ความเป็นผู้ทรงคุณวุฒิเป็นที่ยอมรับของสังคม

    สร้างหลักสูตรครูสมาธิ โดยเน้นทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติอย่างมี
    หลักเกณฑ์ อันเป็น แนวทางสายกลางทำให้เกิดความเป็นไปได้แก่บุคคลทุกเพศทุกวัย
    เขียนหนังสือหลักสูตรครูสมาธิ 3 เล่ม เพื่อใช้ประกอบการเรียนการสอน และหากใครต้องการศึกษาด้วยตนเองก็สามารถกระทำได้
    สร้างระบบการบริหารหลักสูตรและการเรียนการสอนเต็มรูปแบบ ยึดถือเป็นระบบเดียวกันในการไปสอนในที่ต่าง ๆ
    จัดการเรียนการสอนหลักสูตร ครูสมาธิในประเทศแคนนาดา
    เป็นผู้สอนหลักสูตรครูสมาธิแก่ชาวแคนนาดา
    1.2 ความเป็นผู้มีคุณธรรมและจริยธรรมเป็นที่ยอมรับของสังคม

    ท่านได้เน้นหนักให้บำเพ็ญสมาธิภาวนาแก่พระภิกษุสามเณร ที่อยู่ภายใต้การดูแลของท่าน จำนวนมาก ทำให้บุคคลเหล่านั้นได้รับประโยชน์อย่างยิ่ง เนื่องด้วยท่านเป็นและปฏิบัติกัมมัฏฐาน ซึ่งได้บำเพ็ญสมาธิในเบื้องต้นแห่งชีวิตความเป็นพระภิกษุสามเณร โดยการปฏิบัติครั้งแรกอยู่กับ พระอาจารย์กงมา จิรปุญฺโญ (ศิษย์เอกพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตะเถระ) เป็นเวลาถึง 8 ปี และ อยู่ปฏิบัติกัมมัฏฐานกับพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตะเถระ เป็นเวลา 4 ปี ดังนั้นท่านฯ จึงมีความ ชำนาญในการสอนพระกัมมัฏฐานเป็นอย่างยิ่ง เป็นที่ซาบซึ้งในเมื่อได้ฟังธรรมเทศนา ตลอดถึงผลแห่งการปฏิบัติที่ได้รับ ก็เป็นที่ยอมรับจาก บรรดาศิษย์ทั้งหลายสำหรับปัจจัยใน การสร้างวัด และบูรณวัดนั้นท่านมิให้ไปเรี่ยไรที่ไหนเพียงตั้งตู้บริจาคไว้ที่ศาลาวัดแห่งเดียวเท่านั้น จึงเป็นการ แสดงถึงศรัทธาอันยิ่งใหญ่ของชาวพุทธที่มีต่อตัวท่านและวัดธรรมมงคล ท่านฯ ได้ให้พระภิกษุ สามเณรที่อยู่ภายใต้การ ปกครองของท่านได้ร่ำเรียนเขียนอ่านตาม หลักวิชาการด้านพระพุทธศาสนา และทางวิชาสามัญตลอดถึงภาษาต่างประเทศ โดยตั้งโรงเรียน พระปริยัติธรรมและ โรงเรียนวิชาสามัญให้พระภิกษุสามเณรทั้งหลาย ได้ร่ำเรียนโดย ไม่มีขอบ เขตที่จำกัด ให้มีความรู้กว้างขวาง เข้าใจเหตุและผลเป็นความรู้ที่ใช้การได้ พระภิกษุสามเณร ที่มาศึกษาอยู่ในแวดวงของท่านฯ จำนวนหลายพันรูปได้ซึ่ง ความรู้เป็น ประโยชน์แก่ตนใน หลายกรณีทั้งเป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นอีกมาก ทุก ๆ รูปเหล่านี้ต่างระลึกถึงคุณาคุณของท่านฯ อย่างมิรู้ลืมและอย่างจริงใจ บัดนี้ก็ปรากฎว่ามีผู้เรียนสำเร็จผลช่วยงานพระพุทธศาสนา ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศเป็นจำนวนมาก

    2. เป็นผู้มีความเชี่ยวชาญพิเศษในวิชาชีพระดับดีเด่นในสาขาวิชาการบริหารการศึกษา


    พระเทพเจติยาจารย์ (หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร) เจ้าอาวาสวัดธรรมมงคล เป็นผู้ที่ประสบ ความสำเร็จในการบริหารการศึกษาทั้งการศึกษาในระบบโรงเรียน การศึกษานอกระบบ โรงเรียนและการศึกษาตามอัธยาศัย ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับต่างประเทศ ด้วยเหตุที่ ท่านได้เป็นผู้ที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลมุ่งพัฒนาคนให้เป็นผู้ที่มีคุณธรรม จริยธรรม ได้รับ การศึกษาทั้งทางโลกและทางธรรมอย่างทั่วถึง และท่านยังมองการณ์ไกลว่าปัจจุบันนี้การ บริหารจัดการวัดต่าง ๆ ในประเทศไทยไม่มีประสิทธิภาพเพราะเจ้าอาวาสรู้แต่ทางธรรม ท่านจึงได้มีดำริเตรียมพระสงฆ์เพื่อที่จะไปเป็นเจ้าอาวาสวัดต่าง ๆ ให้มีทางด้านการบริหารจัดการ โดยเฉพาะทางการบริหารการศึกษา ทั้งนี้เพราะท่านเล็งเห็นว่า วัดควรเป็นสถาบันการศึกษา ที่สามารถจัดการศึกษาด้านต่าง ๆ ได้อย่างดีและทั่วถึง ถ้าเจ้าอาวาสรู้จักการบริหารและการ จัดการที่ดี ชึ่งผลงานของท่านสรุปรวบรวมได้ดังนี้

    2.1 การบริหารอาคารสถานที่


    1) สถานที่วัดธรรมมงคล สุขุมวิท 101 พระโขนง กรุงเทพฯ มีเนื้อที่ 32 ไร่ สิ่งก่อสร้างภายในวัดทุกสถานที่ท่านสามารถจัดสรรทรัพยากรให้ใช้ประโยชน์ได้อย่งคุ้มค่า

    และมีประสิทธิภาพสูงสุดดังนี้

    พระมหาเจดีย์ สูงที่สุดในประเทศไทย จัดได้ว่าการจัดการศึกษาทุกรูปแบบได้จัดอยู่ในสถานที่แห่งนี้แก่
    ขั้นที่ 1 สถาบันพลังจิตตานุภาพ
    ขั้นที่ 2 วิหารหลวงพ่อดำ
    ขั้นที่ 3 ห้องสมุด
    ขั้นที่ 4 ห้องเรียนโรงเรียนปริยัติธรรม
    ขั้นที่ 5 ห้องเรียนโรงเรียนปริยัติธรรม
    ขั้นที่ 6 สำนักงานโรงเรียนปริยัติธรรม
    ขั้นที่ 7 สำนักงานศูนย์ให้การศึกษาวัดธรรมมงคล สถาบบันราชภัฎสวนสุนันทา,
    ห้องสมุด และห้องเรียนสถาบันราชภัฎสวนสุนันทา 3 ห้อง
    ขั้นที่ 8 ห้องเรียนสถาบันราชภัฎสวนสุนันทา 2 ห้อง
    ขั้นที่ 9 พิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับพุทธศาสนา
    ขั้นที่ 10 พิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับพุทธศาสนา
    ขั้นที่ 11 พิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับพุทธศาสนา
    ขั้นที่ 12 พิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับพุทธศาสนา
    ขั้นที่ 13 พิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับพุทธศาสนา
    ขั้นที่ 14 ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ

    ศาลาพระหยก
    ขั้นที่ 1 ที่จอดรถ
    ขั้นที่ 2 ที่บรรจุอัฐิ
    ขั้นที่ 3 ประดิษฐสถานพระพุทธรูปหยกและพระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิมหยก

    ถ้ำวิปัสสนาสมาธิ
    เนื่องจากการฝึกสมาธิให้ได้ผลดีจำเป็นต้องมีสถานที่และบรรยากาศท่านจึงได้สร้างถ้ำเพื่อจำลอง

    สถานที่ในป่าสำหรับผู้ต้องการฝึกสมาธิการดำเนินการพัฒนาสิ่งก่อสร้าง
    สิ่งก่อสร้างล้วนแต่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งท่านได้รับความร่วมมือร่วมใจจากพุทธศาสนิกชนตั้งแต่เริ่ม

    โครงการเป็นอันมาก ได้แก่ ปี พ.ศ. 2519 ลูกเสือชาวบ้าน จำนวน 400 กว่าคน ได้ร่วมกันสร้าง โรงเรียนอนุบาลธรรมศาลา ที่วัดธรรมมงคลและในปีเดียวกันนี้ ท่านได้รับความร่วมมือจาก
    ประชาชนในการสร้างพระมหาเจดีย์ เป็นปูชนียสถานที่มีประชาชนมากราบไหว้บูชาทุก ๆ วัน จำนวนมาก เป็นที่รวมซึ่งศิลปวัฒนธรรมมีวัตถุประสงค์ทาง ด้านการจัดการ ศึกษาสำหรับพระสงฆ์ และฆราวาส เช่น เป็นสถาบันพลังจิตตานุภาพเพื่อสนองการฝึกสมาธิ โรงเรียนปริยัติธรรม ระดับมัธยมต้น –มัธยมปลาย ศูนย์ให้การศึกษาวัดธรรมมงคล สถาบันราชภัฏสวนสุนันทา และยังได้สร้างสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) จังหวัดนครราชสีมา การดำเนิน การพัฒนาทางด้านจิตใจนั้น ท่านฯได้วางรากฐานการปฏิบัติอันเป็นแนวทางเช่นกับพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตะเถระ คือแนวทางสายกรรมฐานอันเป็นที่เชื่อถือแก่ประชาชนทุก ๆ ชั้น โดยเฉพาะวัดธรรมมงคลนี้เป็นศูนย์กลางการปฏิบัติที่ยิ่งใหญ่มาก โดยมีพระภิกษุสามเณรถึงกว่า 500 รูป มีประชาชนฟังธรรมจำศีลวันพระกว่า 500 คน มีเด็กอยู่ในอุปการะ 500 คน เป็นแหล่งกลาง กรุงเทพมหานคร นอกจากนั้น เป็นศูนย์กลางของการพัฒนาเด็ก (เยาวชนของชาติ) โดยจัดดำเนิน การช่วยเหลือสร้างสถานศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก เช่นที่จังหวัดเชียงใหม่ อ.จอมทอง สร้าง 13 แห่ง , ที่ อ.ดอยเต่า 3 แห่ง , ที่ อ .สารภี 1 แห่ง จังหวัดลำพูน ที่ อ.ป่าซาง 12 แห่ง , ที่ อ.ศรีเชียงใหม่ จ.อุบลราชธานี 13 แห่ง, ที่ อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม 10 แห่ง, ที่ จ.ร้อยเอ็ด, จ.สกลนคร และจังหวัดสมุทรปราการ ทั้งหมดเป็นเงินกว่า 10 ล้านบาท

    นอกจากนี้ได้ให้โภชนาการอาหารเสริมแก่เด็กเล็กก่อนวัยเรียน อ.จอมทอง จำนวน 2,000 คน, อ.ดอยเต่ามี 800 คน, อ.ป่าซาง จำนวน 1,800 คน, อ.ศรีเชียงใหม่ จำนวน 2,000 คน ทั้งนี้มีวัดธรรมมงคลเป็นศูนย์กลาง เพื่อนำเงินและสิ่งของ

    ไปช่วยเหลือดำเนินการ และท่านยังได้ช่วยสร้างโรงพยาบาล ให้แก่รัฐบาลโดยสร้างอาคารผู้ป่วยใน ผู้ป่วยนอก 3 ชั้น ขนาด 60 เตียง สิ้นเงินกว่า 22 ล้านบาท เพื่อเป็นประโยชน์แก่ประชาชนใน ท้องถิ่นอำเภอจอมทอง รวมทั้งช่วยเหลือสร้างที่ว่าการอำเภอจอมทอง

    สำนักงานการประถมศึกษาจอมทองและได้สร้าง อาคารกว้าง 18 เมตร ยาว 81 เมตร 3 ชั้น เป็นอาคารทันสมัย เป็นหอพักที่ฝึกงานห้องเรียนพร้อมบริบูรณ์เป็นเงินกว่า 30 ล้านบาท เพื่อให้แก่สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)

    ทั้งหมดนี้ ท่านได้อุทิศชีวิตของท่านเพื่อบำเพ็ญประโยชน์แก่ตนและบุคคลผู้อื่น โดยการเสียสละ อย่างสูง มิเห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อยแต่ประการใด หากท่านมิได้เสียสละอย่างยิ่งยวดแล้ว ผลงาน จะปรากฏแก่ สายตาของประชาชนเช่นนี้ย่อมเกิดขึ้นไม่ได้ แต่ด้วยความตั้งมั่นที่จะช่วยงาน พระพุทธศาสนาให้เจริญ รุ่งเรืองแก่พระพุทธศาสนา ดังนั้นจึงเป็นที่เคารพนับถือของประชาชน เป็นอย่างสูงในขณะนี้พุทธบริษัท ทั้งหลายต่างพากันชื่นชมในงานที่เป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติ และศาสนาอย่างหาประมาณมิได้

  2. #2
    ดูแลตรวจสอบเนื้อหา สัญลักษณ์ของ ฝนหลวง
    วันที่สมัคร
    Feb 2008
    กระทู้
    1,235
    ฮู้ลึกเลยบ่อบ่าวแพนน้อย

  3. #3
    ร่วมถ่ายทอดความรู้สู่สังคม สัญลักษณ์ของ สาวเมืองกะสิน
    วันที่สมัคร
    Sep 2007
    กระทู้
    584
    ว่าแล้วว่าคุ้นๆๆ บัดได่แท้เฮากะเป็นลูกศิษย์สำนักเดียวกันอีหลีเน๊าะเฮาบ่าวแพนน้อย ขอบคุณหลายๆเด้อที่ยังจำกันได่ แล้วเข้าทักทายกัน เฒ่าแล้วนึกว่าสิบ่มีคนจำได่ซะแล้ว กะยังจำกันได่อยู่เน๊าะดีใจหลายๆๆเด้อนี่:)

    เว้าแล้วกะคิดฮอดหลวงพ่อใหญ่เฮาเน๊าะ เพิ่นไปเผยแพร่งานศาสนาอยู่ตั้งเมืองแคนาดา ยามเพิ่นไปกะคิดฮอด ยามเพิ่นมากะบ่อยากให้เพิ่นไปอยากอยู่เมืองไทยโดนๆ แต่กะเป็นไปบ่ได่ เพราะว่าหลวงพ่อเฮาเพิ่นมีงานต้องทำหลายอย่างซึ่งสำคัญๆๆทั้งนั้น

    ขออนุโมทนานำหลายๆเด้อ ที่เอาประวัติและคุณงามความดีของหลวงพ่อใหญ่เฮามาเผยแผ่ สาธุๆๆๆอนุโมทามิ :):):):)

  4. #4
    แบ่งปันความรู้และประสบการณ์ สัญลักษณ์ของ บ่าวแพนน้อย
    วันที่สมัคร
    May 2008
    กระทู้
    31
    กระผมกะยังคิดฮอดอาจารย์สาวเมืองกะสินอยู่เด้อครับทำงานกระหยุ่งหลายขอให้อาจารย์จงมีความสุขความเจริญเด้อชาวบ้านมหาไทยเฮาสู้คู่สู้คนสาธุๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
    ::)::)::)

  5. #5
    ร่วมถ่ายทอดความรู้สู่สังคม สัญลักษณ์ของ สาวเมืองกะสิน
    วันที่สมัคร
    Sep 2007
    กระทู้
    584
    เข้ามาอ่านประวัติหลวงพ่อใหญ่ยามได๋ กะภุมิใจยามนั่น ในคุณความดีของเพิ่น ยิ่งได่ฟังธรรมะ และกะได่รับใช้ใกล้ชิด ยิ่งได่รู้ว่า หลวงพ่อใหญ่ เพิ่นเป็นคนที่มีวิสัยทัศน์แล้วกะมุมมองที่ยาวไกลมากๆๆๆๆ เกินกว่าคนธรรมดาอย่างเฮาสิมองเห็นได่ ต้องได่ฟังเพิ่นเว้าจากปากเอง แล้วจะยิ่งฮักและศรัทธาเพิ่น

    กะขอเชิญชวนญาติทางธรรมทั้งหลายที่สนใจอยากจะฟังธรรมะหลวงพ่อ ไปกราบเพิ่นสักครั้ง ที่วัดธรรมมงคลเด้อ ช่วงก่อนเข้าพรรษาหลวงพ่อสิกลับมาเมืองไทยทุกปี ที่ศาลา 84 ปี วัดธรรมมงคล สุขุมวิท 101 หลวงพ่อลงศาลาตอนเช้า 6.00-8.00น.จ้า

    กะขอสาธุแล้วกะขอบบุญขอบคุณบ่าวแพนน้อยหลายๆเด้อที่ให้พรมา ครูน้อมรับด้วยใจอนุโมทนาสาธุค่ะ :):):)สาธุๆๆ

กฎการส่งข้อความ

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •