แม่..แม่..แม่.."แม่"เมื่อหวัง ตั้งใจ จะได้ลูก
จิตพันธ์ผูก เทพเจ้า เฝ้าวอนขอ
คอยถามฤกษ์ ฤดูนี้ ปีใดหนอ
หวังได้หน่อ คือลูก ถูกฤกษ์ยาม ฯ
****************
ครั้นระดู เอิบอาบ แม่ซาบซ่าน
สมุฏฐาน ครรภ์ตั้ง ดังสอบถาม
แม่แพ้ท้อง ครองทุกข์ โรคคุกคาม
แต่ใจงาม เพราะความรัก ภักดิ์ลูกน้อย ฯ
*******************
แม่อุ้มครรภ์ วันแล้ว ก็วันเล่า
กำหนดเก้า เดือนกว่า หาท้อถอย
พอลูกคลอด ปลอดภัย สมใจคอย
แม่จึงพลอย เริ่มต้น เป็น"ชนนี" ฯ
*****************
ยามทารก ตกใจร้อง ไห้จ้า
แม่จะมา จุ๊บกระหม่อม จอมเกศี
ให้ดื่มนม สมนาม "โตเสนตี"
ผู้ปรานี ปลอบขวัญ ให้มั่นใจ ฯ
***************
คราวลมแรง แสงแดด แผดเผากล้า
เด็กจะรู้ เดียงสา ก็หาไม่
แม่เท่านั้น หวั่นระวัง ไม่ห่างไกล
จึงเรียกได้ ไม่ลำเอียง "ผู้เลี้ยงดู" ฯ
*****************
ทรัพย์ของแม่ และพ่อ ต่อกันเข้า
แม่จะเฝ้า คุ้มครอง ปกป้องอยู่
ด้วยใจหวัง ฝังปลูก ลูกเชิดชู
ให้ก่อกู้ สกุลวงศ์ ดำรงนาน ฯ
**************
แม่ลำบาก ยากเข็ญ จนเย็นค่ำ
ทุกวันพร่ำ ให้สำเนียก คอยเรียกขาน
อย่างนี้ลูก อย่างโน้นลูก เกือบทุกกาล
ไม่รำคาญ หรือระคาย หรือหน่ายรัก ฯ
********************
พอลูกเติบ โตใหญ่ วัยแรกรุ่น
เที่ยวหมกมุ่น มักชู้ สู่สมัคร
ทุกยามเย็น ไม่เห็นมา ล่าช้านัก
แม่ก็ชัก เดือดร้อน ก่อนใครใคร ฯ
****************
เพราะฉะนั้น บัณฑิต คิดคุณแม่
ทุกวันแล ควรสักการ ท่านยิ่งใหญ่
ด้วยเสื้อผ้า,อาหาร,การลูบไล้
อาบน้ำให้,ให้ล้างเท้า,ให้เข้านอน ฯ

.................................




กลอนบรรจงแห่งองค์ธรรมาทร
บรรยายวอน ให้ถึงซึ่งคุณแม่
รจนา ร่ายละองก์ ชัดแจ้งแท้
ล้วนแล้วแต่ จ่างแจ่ม แช่มฤดี น

อันสองกรดุจ รัตนปราการ
ให้เบิกบาน ในอุระอันเป็นศรี
กลั่นน้ำทิพย์ ดำรงคงชีวี
นารถฤดี ปกป้อง นฤภัย ฯ

เปรียบเช่น ฉัตรปกเกศ เศวตรผ่อง
ป้องมัวหมอง ให้บุตร พิสุทธิ์ใส
ทัศนาเนตรนุช ล้วนเยี่ยงนัย
แห่งท้าวไท้ บดินทร์ปิ่นองค์พรหม ฯ

ประทานชีพ ชุมชุบ สรรพสิ่ง
ให้แด่มิ่ง บุตรนั้น สรรค์งามสม
กอดกวัด รัดเหนี่ยว ด้วยเกลียวกลม
นารถ พร่างพรม โปรยทิพย์ วาจา ฯ

ให้แด่บุตร สุดหวง ดั่งดวงจินต์
ด้วยมิสิ้น ในรส สิเน่หา
ดั่งประสาน สายใย ในนภา
โอบฟ้า โอบดิน หมดสิ้นโศกครวญ ฯ

ยามเสียงแว่วแจ่วเจื้อย ละเลื่อยลิ่ว
ยามบุตรหิว คอยป้อน ผ่อนกำสวร
ด้วยแนบชิด เอกองค์ อนงค์นวล
มิให้หวน ร่ำไห้ หทัยตรม ฯ

โอ้ว่าเจ้าดวงเนตร ฤทัยแม่
อย่าเซ็งแซ่ แม่ทุกข์สุขมิสม
ยามเจ้าทุกข์ แม่นับทุกข์ ทวีตรม
บันนี้ห่ม อุ่นอิ่ม พริบพริ้มพราว ฯ

หลับตาเจ้าลงเถิด แม่จะกล่อม
จึ่งค่อยค้อม ลงลูบจูบ คลายหนาว
เปรียบลูกน้อย ลอยล่อง ท่องสกาว
ดุจเมฆขาว โอบอุ่น ไว้หนุนกายฯ

เอ่ เอ เอ้....หลับเถิดเสียลูกรัก
สอดสลัก อักษ์เอื้อย ให้เหนื่อยหาย
พริ้ม พริ้ม พร่าง ร่ายน้อย ค่อยผ่อนคลาย
หลับในสายเสียงเสนาะ ไพเราะพลัน ฯ

ครั้นกาลล่วง หน่วงภพ จบราตรี
ดวงมณีองค์พรหม ก็ผ่านผัน
กลายสวยสด พะพิจแพร้ว แวววรรณ
กลับแปรผัน แก่เฒ่า เข้าชรา ฯ

หากแต่ดวงหฤทัย ใช่แปรเปลี่ยน
มิหมุนเวียน ดุจดัง เช่นสังขาร์
แม้เรือนร่าง ผันผลัด อนิจจา
นัยนา ดุจเดียว มิเกี่ยวใด ฯ

หากเราท่าน กลับผันแปร กระแสโลก
ทุกข์ สุข โศกวิโยค ตรม โถมไฉน
มาตุลา ยังคงมั่น ในหทัย
เราท่าน ใยผันแปร ไม่แน่นอน ฯ

บ้างหลงลืม อกอุ่น นอนหนุนตัก
บ้างก็รัก ติดบ่วง ลวงสุดถอน
บ้างมิเฝ้า เข้าห่วงหา ซ้ำพาจร
บ้างก็รอน ดวงจิต ให้คิดตรม ฯ

ลูกขอ กราบบาทแม่ ผู้ครองภพ
ลูกขอ นบทุกคืนวัน ที่อุ้มสม
ลูกรำลึก คุณแม่ แต่ปรารมภ์
ลูกชื่นชม ภิรมย์ภักดิ์ จากดวงมาน ฯ

ลูกจะเฝ้า ถนอมพระคุณแม่
ลูกจะเฝ้า ดูแลดั่งมั่นหมาย
ลูกจะเฝ้า แทนคุณจนชีพวาย
ลูกจะเฝ้า นิรภัย ผู้มารดร ฯ

จะขอน้อมองค์ธรรมที่ค้ำฟ้า
แห่งมหาตถาคต กำหนดสอน
ไว้รองบาทมาตุลา นำพาจร
ผ่านพิภพ พุทธันดร ด้วยองค์ธรรม ฯ


ขออำนาจเอกองค์ อนงค์นารถ
จงพรายพาด ทุกโยคา ด้วยฉายฉ่ำ
เจริญต่อ กำหนดครบจบ น้อมนำ
เจริญสู่ พุทธธรรมนำ สุขเทอญ ฯ
แม่..แม่..แม่..แม่..แม่.....
ที่มาจำบ่ได้