กำลังแสดงผล 1 ถึง 4 จากทั้งหมด 4

หัวข้อ: ใช้ชีวิตอย่างไรให้มีสุข ในยุคเศรษฐกิจฝืด

  1. #1
    ท่องเวบ สัญลักษณ์ของ pui.lab
    วันที่สมัคร
    Jul 2006
    ที่อยู่
    โสดไม่มีใครเอา หรือว่าเราไม่เอาใคร
    กระทู้
    8,954
    บล็อก
    9

    ใช้ชีวิตอย่างไรให้มีสุข ในยุคเศรษฐกิจฝืด

    ถึงเศรษฐกิจจะตกสะเก็ด แต่ชีวิตก็มีความสุขได้ ถ้ารู้จักคิดบวกเพื่อชีวิตบวก!! ในงานเสวนาธรรมเรื่อง “ศิลป์และธรรม สุนทรียะแห่งชีวิต” (คิดบวก...ชีวิตบวก) โดยพระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี ที่ดับเบิ้ล เอ บุ๊ค ทาวเวอร์ เมื่อเร็วๆนี้ ได้ให้แง่คิดเรื่องการใช้ชีวิตอย่างไรให้มีสุข โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของการคิดดีทำดี

    “ท่าน ว.วชิรเมธี” เปิดฉากการเสวนาว่า สิ่งที่อยู่กับเราตลอดเวลาคือความคิด ชีวิตของคนเราเป็นเงาสะท้อนของความคิด เราคิดอะไร ชีวิตเราก็จะปรากฏมาอย่างนั้น ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเรามีทั้งดีและไม่ดี แต่มันอยู่ ที่แนวความคิดของเราว่า เราจะเอาสิ่งที่อยู่รอบตัวเรา มาทำให้เรามีกำลังใจที่จะต่อสู้กับเรื่องราวต่างๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเราอย่างไร เวลาเจองานหนัก ให้บอกกับตัวเองว่า นี่คือโอกาสในการเตรียมพร้อมสู่มืออาชีพ เวลาเจอปัญหาซับซ้อน ให้บอกกับตัวเองว่า นี่คือบทเรียนที่จะสร้างปัญญาได้อย่างวิเศษ เวลาเจอทุกข์หนัก ให้บอกตัวเองว่า นี่คือแบบฝึกหัดที่ทำให้เกิดทักษะในการดำรงชีวิต

    การคิดบวกจะได้ผลหรือไม่ได้ผล ต้องดูว่า มีผลต่อความเปลี่ยนแปลงในชีวิตของเราหรือไม่ “ท่าน ว.วชิรเมธี” ขยายความว่า การคิดบวกมี 2 ลักษณะคือ เป็นการเปลี่ยนแปลงในระดับความคิดอย่างเดียว คือคิดบวกแล้วทำให้ชื่นอกชื่นใจ ทำให้ได้ปัญญา หรือคิดบวกแล้ว ทำให้ชีวิตของเราเปลี่ยนแปลงจริงๆ เช่น ในยุคเศรษฐกิจฝืดเคืองอย่างนี้ เราต้องคิดบวก คือคิดที่จะอยู่ให้ได้ จะไปประท้วงให้น้ำมันลดลงได้หรือไม่ คำตอบคือคงไม่ได้ ในเมื่อลดไม่ได้ ฉันจะลดเองคือ ลดความต้องการบริโภคให้น้อยลง ที่เราทุกข์กันอยู่ทุกวันนี้เพราะบริโภคมาก และมีเหตุปัจจัยหนึ่งที่ทุกข์คือ “โรคจมไม่ลง” คือเคยใช้ชีวิตอย่างหรูหราฟุ่มเฟือย อย่างมหาเศรษฐีโลกทั้งหลาย ไปไหนต้องนั่งรถราคาแพงๆ ค่าใช้จ่ายก็สูงขึ้น แต่เราจมไม่ลง ไม่อยากให้ใครรู้ว่าเรากำลังแย่เราก็จ่ายแพงขึ้น เพื่อประคับประคองตัวฉันให้โดดเด่นอยู่ในวงสังคม สุดท้ายไม่ใช่แค่จมไม่ลง มันล้มเลย

    หากจะอยู่ให้รอดในภาวะเศรษฐกิจฝืดเคืองเช่นนี้ “ท่าน ว.วชิรเมธี” บอกว่า ต้องเปลี่ยนวิธีบริโภคจากที่เคยตามใจตัวเอง มาเป็นบริโภคตามความจำเป็น ถ้าวิ่งตามความอยาก ไม่ว่าวันไหนๆเราก็จะทุกข์ เพราะความอยากไม่เคยมีขีดจำกัด กินเท่าที่จำเป็น ใช้เท่าที่จำเป็น ถ้าอยู่ในโลกของความเป็นจริง ไม่ต้องจ่ายแพงเพื่อรักษาหน้าตา ทำตัวเป็นคนธรรมดาๆ ก็ไม่ต้องเสียเงินรักษาภาพพจน์ และจะมีความสุขได้ แม้ในยุคข้าวยากหมากแพง.


    โค้ด PHP:
    http://www.thairath.co.th/news.php?section=society&content=97951 
    บ้านมหาดอทคอม เว็บไซต์ส่งเสริม ศิลปะ วัฒนธรรมไทย ศิลปิน ความรู้ออนไลน์
    st1: มิตรภาพและรอยยิ้ม กับดีเจคนไกลบ้าน st1:

  2. #2
    คิดในแง่ดี คิดในแง่บวก เป็นต้นว่าเสียงจ่มของอ้ายพลนี่กะดีนะ
    ถ้าอ้ายบ่จ่มเด็กน้อยกะบ่นอนจักที....อิอิอิ เล่นเน็ตโดน
    เสียค่าไฟแพงนำเน๊าะ...งั้นเสียงจ่มต้องมองในแง่บวกกะดีคือกัน ...::)::)::)

  3. #3
    หนุ่มธรรมสิริ
    Guest
    ผมกะมักอยู่ครับ แบบพอเพียง กับเพียงพอน่ะครับ อยู่แบบสำบาย ๆ อยู่ง่าย ๆ กินง่าย ๆ ใช้ชีวิตง่าย ๆ ในยุคเศรษฐกิจฝืด ๆ กะสิอยู่ได้สบายครับ..

  4. #4
    ร่วมถ่ายทอดความรู้สู่สังคม สัญลักษณ์ของ หลานพระรถ
    วันที่สมัคร
    Aug 2008
    ที่อยู่
    เมืองพระรถธานี, ชลบุรี
    กระทู้
    343
    ใช่แล้วคะ หากเรารู้จักพออยู่ พอกิน ก็จะไม่ลำบากมีหนี้สิน จะเห็นได้ว่าหลักสูตรการเรียนการสอนส่วนใหญ่ผู้ที่เรียนจบก็จะทำงานเป็นลูกจ้างรัฐบาลบ้าง ลูกจ้างบริษัทเอกชนบ้าง แต่ไม่เห็นมีหลักสูตรไหนที่สอนให้คนไทยรู้จักวิธีการจัดการกับพื้นที่ทำมาหากินบนผืนแผ่นดินไทยบ้าง...แนวพระราชดำริเศรษฐกิจพอเพียง น่าจะได้รับการทำอย่างจริงจังซะที :)

กฎการส่งข้อความ

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •