ต่อจากตอนที่แล้ว
ดินสีอรุณ
นิทานธรรมบท สำนวนอีสาน
ตอนที่ ๑๐
เที่ยวไพรสณฑ์
บัดนี้ ทำเป็นส่าว สาวบทกลอนจ้อนเข้าข่าย
เว้าบ่อนชายทุกข์ไฮ้ ได้ไกลบ้านดุ่งเดิน
ลาวสิเข้าโคกเญิ้น ห้วยฮ่อมและภูผา
เทียววนาไพรสณฑ์ หม่องสัตว์สาเนาว์ยั้ง
เล็งใส่วังเวินน้ำ ตามพระยาเพิ่นสั่ง
หวังดอกบัวอยู่หั่น ตะวันจ้าแล้วย่างเดิน
ยินทหารเขาเอิ้น ชี้บอกหนทางไกล
ทั้งหัวใจโทรมทรุด ได้อิดโรยหิ้วล้า
ชาวประชาลือจ้น เคยเห็นนาคกินคน อยู่วังน้ำบัวใหญ่
ไผผู้ตกล่วงเข้า หากกินเจ้าบ่เหลือ
ตายกูตายแล้วบัดนี้ เมียยังหนุ่มสิตายป๋า แลหนอ..
พระราชาเพิ่นบังคับ ทรงจับคอครั้นขืนดื้อ
ถือไปตายดาบหน้า มอบชีวาให้ฟ้าเบิ่ง
เถิ่งบ่อนน้ำบุ้นแล้ว เฮาคงฮู้เรื่องกัน
บาได้ลงจากชั้น คุ้มข่วงเข้าไพรสัณฑ์
เห็นภูพันก่ายเกย สอดสลับดงกว้าง
ฮอดเขาหลวง เห็นหมูกวางฟานเก้ง กระเล็นหมีชะนีบ่าง
ฝูงลิงค้างโหนห้อย กระแตน้อยผ่อโกน
ฟังเสียงแตกจ้นๆ หมาจอกไล่กัดกัน
หางหูซันเห่าหอน ก้องดอนดงไม้
โตใด๋ใหญ่ผั่นไล่คุมกัดถื้น
โตน้อยล้มทั้งยืน ครึกครื่นบัดเหลียวส่อง
บาเบิกตาเมียงมอง มาคือคนแท้ว่า หมาเอ้ย.. กะซ่างเป็น
คิดไปมาดั่งเช่น ใจหมู่มวลมนุษย์
ถืกโลโภโทโสฉุด เลยแย่งกันขันท้า
มีกำลังเลยเข่นฆ่า ผู้ที่ด้อยวาสนา กะเลยแย่ไปทุกด้าน
อภัยเด้อทุกท่าน บัดหลานน้อยเว้าเปรียบเปรย
พ้นจากดงแล้วพ้อดอนหินเก้ย กองก่ายเป็นภูผา
งามๆ ตาศิลาขาว ระยิบพราวแสงต้อง
เสียงหองๆ อยู่ปลายไม้ แม่นรีดริ่งเรไร ทั้งแมงง่วงฮ้องส่ง
พ้นจากดงหินซั้น แล้วหันเข้าป่าไทร
พร้อมกับดงหมากไม้ หมี่มวงพวงผลา
สกุณาแนวนก จอแจกันเป็นคู่
จู้จุกกรู.. นกเขาฮ้อง นกขุนทองเว้าออดแอ่ว
“ไปใสน้อ” นกแก้ว ได้จาเอิ้นข่าวถาม
“ว่าสิไปหนองน้ำ อยู่ก้ำฝ่ายจ้ายดง พุ้นแหล่ว จุดประสงค์คือบัว..”
บ่าวบาได้ขานต้าน
คิดรำพันเห็นดวงหน้า เจ้าผู้ศรีภรรยา สิคอยท่าอยู่บ้านเก่า เด้น้อ..
คำที่เคยปากเว้า สองเฮาต้านอ่านดู
เหลียวเห็นนกอีจู้ จิบจาบขาบไซหงอน
น่าออนซอนสาลิกา ซอยกันหาผลาไม้
สวยพองาย บายังไปบ่ถึงหม่อง
เหลียวบ่เห็นฝั่งหนอง อยากโฮฮ้องคอบว่าเหมื่อย
ย่างกะย่างเรื่อยๆ บ่มีได้พักเซา
ท้องฮ้องโหยหิวข้าว บาบ่าวลมสิจับ ยายเอ้ย..
ย้านแต่กลับถึงเมือง ค่ำคืนสิเวรต้อง
ขาทั้งสองฟ้าวยกบืนไปหน้า ย้อนเวลาบ่ท่าอยู่
จั่งว่านกเอ้ยหนอ...เจ้าผู้เขาขันคู
น่าอิดูตนข้า กายาล้าอยากพักเซา
บาซอกหาปั้นข้าว เมียสาวลาวจัดส่ง โยมเอ้ย..
ซอกเบิ่งถงเป้ฮ้าง หวังกินข้าวพักแฮง
ฟ้าเอ้ยน้อ.. ฟ้าฮ้องแล้ง โลดแห้งไงเป็นผง
บัดเห็นถงข้าวเหนี่ยว ทางน้ำตาพลันไหลย้อย
จั่งว่าเขียวเอ้ยน้อ.. เจ้าผู้เขียวใบอ้อย
ข้าได้พลอยพลัดถิ่น ว่าสิกินข้าวปั้น โลดตันอื้อหว่างคอ
จักแม่นกรรมหยังน้อ.. บ่อยากก่อหากจำสาน เด้น้อ..
บ่อยากจากนงคราญ พระยามารผั่นมาม้าง
หรือบ่เคยแปลงสร้าง กุศลทานตั้งแต่ก่อน
จึงเกิดมาเดือดฮ้อน ฮนไฮ้อยู่บ่เซา
ตอนนี้ บาสิหยุดกินข้าว เซาเหมื่อยเบิ่งจักหน
ก่อนสิทนกัดกลืน บืนไปให้ถึงน้ำ
กินจักคำพอบ่ให้ท้องแห้ง
กินให้พอมีแฮงบัดเที่ยวดั้นเดินดง
ขอสรุปเรื่องลง ตอนบ่าวบาเซาพักฮ้อน
ศรัทธาเจ้า ให้จื่อจำละน่า กะโยมเอ้ย ฯ
เว้ากับพี่น้อง :-
เฮียมกำลังเรียนวิธีการเขียน ตามสูตรอาจารย์ศรีสะท้าน แต่ว่าบ่ทันชำนาญ
สำหรับ ดินสีอรุณ ตอนนี้ เผื่อให้เป็นอันเดียวกันกับตอนอื่นๆ
(อย่างที่เขาว่าเป็นเอกภาพ)
จึงขอเขียนไปตามวาทที่เคยเขียนมาแล้ว
เผยแผ่ครั้งแรกที่นี่
ศรีเวฬุคามมุนี
sriwaylukammunee@hotmail.com
๑๘ ก.ย ๒๕๕๑
Bookmarks