หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 3 หน้า 123 หน้าสุดท้ายหน้าสุดท้าย
กำลังแสดงผล 1 ถึง 10 จากทั้งหมด 49

หัวข้อ: ดินสีอรุณ ตอน 11 - จบเรื่อง

Hybrid View

คำตอบที่แล้วมา คำตอบที่แล้วมา   คำตอบถัดไป คำตอบถัดไป
  1. #1
    แบ่งปันความรู้และประสบการณ์ สัญลักษณ์ของ ศรีเวฬุคามมุนี
    วันที่สมัคร
    Aug 2008
    กระทู้
    64

    ดินสีอรุณ ตอน 11 - จบเรื่อง

    เว้ากับผู้อ่าน :


    “ดินสีอรุณ” ปรากฏต่อสายตาผู้อ่านมาแล้ว 10 ตอน
    ดำเนินเรื่องผ่านไปแล้วเกือบครึ่ง
    แต่ละตอนผู้เขียนได้แยกโพสต่างหากจากกัน
    เป็นเหตุให้ “ดินสีอรุณ” เรื่องเดียวแต่มีหลายกระทู้


    ซึ่งกะมีประโยชน์ในแง่ว่า
    ผู้อ่านสามารถเสนอแนะในแต่ละตอนแยกจากกันโดยอิสระ
    แต่ว่ากะมีผลเสียคือมีกระทู้หลายเกินไปเบิ่งแล้วรุงรังไปหน่อย
    (หรือหนักเข้าอาจโดนข้อหาป่วนบอร์ด)


    ผู้เขียนจึงคิดว่า
    ดินสีอรุณ ตั้งแต่ตอนที่ 11 เป็นต้นไปจนถึงจบเรื่อง
    สิทยอยลงรวมอยู่ในกระทู้เดียวกันคือกระทู้นี้


  2. #2
    รับทราบคับ สิรอติดตามเด้อคับ ขอเป็นกำลังใจให้คับ8):g:g
    ...เปรียบแม่เช่น โคมทองของชีวิต

    ช่วยชี้ทิศ ช่วยนำทาง ช่วยสร้างสรรค์

    ให้ความรัก ให้ความรู้ ชูชีวัน

    ลูกจึงมั่นกตัญญูบูชาคุณ..........เพื่อแม่ แพ้บ่ได้

  3. #3
    ดูแลตรวจสอบเนื้อหา สัญลักษณ์ของ แหลวแดง
    วันที่สมัคร
    Mar 2008
    กระทู้
    1,912
    ขอบคุณคับอาจารย์ ตั้งตารอด้วยความระทึกในหทัยคับ :g:g:g

  4. #4
    Maximum learning
    ศิลปิน นักเขียน
    สัญลักษณ์ของ khonsurin
    วันที่สมัคร
    Apr 2008
    ที่อยู่
    ท่าตูม สุรินทร์
    กระทู้
    8,063
    บล็อก
    197
    ขอบคุณมากค่ะ ทำไมอาจารย์เก่งจังเลย ศึกษาแล้วยิ่งรู้สึกยิ่งใหญ่มากค่ะ

  5. #5
    ร่วมถ่ายทอดความรู้สู่สังคม สัญลักษณ์ของ พิณอิสระ
    วันที่สมัคร
    Sep 2008
    ที่อยู่
    ขอนแก่น อุดรธานี และสุรินทร์
    กระทู้
    503

    ตื่มสมภารข่าน้อย

    มักคัก แห่งเคี่ยวเข้า แฮ่งม่วนไปหน้า มนต์ข่าน้อยมนต์ต่อตื่มสมภารข่าน้อย ขอตื่มสมภารเด้อข้าน้อย จากใจอีหลีเด้อท่านเด้อ

  6. #6
    แบ่งปันความรู้และประสบการณ์ สัญลักษณ์ของ ศรีเวฬุคามมุนี
    วันที่สมัคร
    Aug 2008
    กระทู้
    64

    ดินสีอรุณ ตอน 15

    ต่อจากตอนที่แล้ว

    ดินสีอรุณ
    นิทานธรรมบท สำนวนอีสาน
    ตอนที่ ๑๕


    ก่อนสิ้นแสงตะวัน


    ทินกรสั่งฟ้าเมฆาย้อมสีแก่
    แลเห็นก้อนแหล่ๆ คือแพรตุ้มหน่วยไฟ
    หน่อยหนึ่งลงลับไม้ กุโฏ ไก่ขึ้นนอนฮัง
    สกุณังจอแจจอกจิบจับไม้

    เสียงใสๆ กาเหว่าฮ้อง ว่า “ตูเว้ย” เอิ้นหาคู่
    ทั้งญาครูเพิ่นลั่นฆ้องกลองแลงตึ้งโม่งดัง
    ทารกังน้อยสอยวอยได้ฮ้องฮ่ำ
    ย้อนแม่คุมอาบน้ำ ลูกคำเว้าว่าแต่หนาว

    ลมเอ้ยหนอ.. ลมพัดใบหมากพร้าว น้าวใส่ใบตองตึง
    สายันห์ถึงสมัยเย็น หน่วยตะเว็นลาแล้ว

    จากเคยแจ๋วใสเหลือมกะมามุงมัวมืด
    มิดมอดเมียนแสงต้องบ่ส่องสี

    คิดไปๆ มาๆ มวลมนุษย์ในโลกนี้เปรียบดังสุรีโย
    ปุพพันโหหากสดใสเลิศวิไลเริงร่า

    อุปมาคือวัยต้นยังตูมตังเต่งตึ่ง
    เถิงวัยปลายคล้ายคล้อยจวนม้อยเข้าทุกปี

    อันว่าชีวิตนี้ หากปิ้นเปลี่ยนเวียนวน
    บ่คงทนตายเสีย ผัวเมียเลยตายซ้ำ

    ขอเชิญทำบุญสร้าง บัดยามออกเดินทาง บุญท่อนั้นสิได้เพิ่ง
    ใจให้ใสเริงๆ ตั้งต่อธรรมพระบาทเจ้า
    ผู้เพิ่นเข้า..นิรพาน นั้นละหนาโยมเอ้ย ฯ

    ในตอนนี้
    กล่าวถึงบาคานท้าว ได้กลับต่าวคืนเมือ
    ดีใจเหลือน้ำตาไหลชื่นหทัยเริงร่า

    ฟ้าวกราบลานาคาเจ้าผู้เนาว์นอนในน้ำใหญ่
    ลาหมู่ต้นดอกไม้ อยู่ใกล้ห้วยฮุ่งหอม

    ลาจากกล้วยหน่วยก้อมติณชาติเครือวัลย์
    ทั้งหมู่มันมวลมีหมี่ไหมตำในเกี้ยว

    ลาจากเขียวใบหว้าอินถวาหอมอ่อน
    ลาจอนฟอนหมีเม่นกระเลนเต้นไต่โตน

    ลาผู้ห้อยโอ้น.. โต้น.. เหนบ่างนางชะนี
    ทั้งจำปีจำปาขาวหมู่ตาวแคมต้น

    ลาทั้งสนใบส่อยใบยอยหางกระต่าย
    ลาทั้งผือแลไหลทั้งหมู่ไก่ขันจ้า กระทาท้ากระโดกนา

    กัททลี น้ำหว้าตีนเต่าเล็บมือนาง
    อย่าได้วางไลเครือ ไปซื่นซมหมากเขือน้อย

    อยู่ดีเย้อ.. เจ้าผู้กลอยกกล้ำฝนฮำให้เจ้าป่ง
    ลาทั้งดงไม้เนิ่งเปิงเป้าเต่าดอย

    ตะเว็นลงบ่ายคล้อย บาบ่าวต่าวคืนเวียง
    ได้ยินเสียงดนตรีอยู่บุรีวังกว้าง
    พระยาหลวงคือสิทรงสำราญแท้ บัดโตแหมได้ดิ้นดั่น
    ซินของคนซ่างต่างกัน ไกลเกินกับดินฟ้า ซาตาข้าหากบ่สูง

    ชาติต่อไปมาตรมุ่ง ขอเกิดเป็นพระราชา แน่เด้อ
    อย่าได้มาทนทุกข์เที่ยวไพรในด้าว
    จั่งว่าเขียวเอ้ยหนอ.. เจ้าผู้เขียวใบพร้าว บ่พอคราวกะขูหล่น
    เขียวเอ้ย เจ้าผู้เขียนใบสนชีวิตคนนี้ยากแท้ พอปานแบ้.. พ่อใหญ่เริง
    นั่นละน่าศรัทธาเอ้ย ฯ

    บ่พอคราวกะพ้นดอนหินเก้ยข่วมป่าเข้าเมืองคน
    ข้าผู้ทนโทมทุกข์เทียวทางสิเภท์ม้าง

    เหลียวเห็นปรางค์สูงเหลื่อมสูงเทียมฟ้าหย่อนๆ
    ย่างจนขาอิดอ่อนก่อนพระสูรย์ลับฟ้าตนข้าต้องอยู่ปรางค์

    ทางใจมื่นขึ้นบ้างขาย่างยังพอทน
    ได้โกมลมวลมีดินสีอรุณพร้อม

    ถ้าเพิ่นยอมให้เข้าเฝ้าตนเฮาสิฟ้าวต่าว
    บอกเรื่องราวให้น้องฮู้ อิดูหน้าบัดห่างกัน

    เหลียวเห็นโขงเขตซั้น กำแพงหลั่นตันฝา
    นั่นแม่นวังพระราชา หากใกล้ตาเข้ามาแล้ว

    จักแม่นกรรมหยังแหล่ว หากมีแนวบ่เข้าท่า
    ทวาราหากปิดแล้ว ประตูแก้วบ่เปิดเขย

    คือสวรรค์แกล้งเย้ยแถนเหยียดดวงซาตา
    วาสนาพาเซบุญปุพเพพาล้ม

    หรือว่าพรหมเพิ่นล้อเล่น เห็นว่าเฮานี้ทุกเข็ญ เลยล้อเล่นบ่เว้นหว่าง
    ต้มให้ออกเดินทาง ลาจากปรางค์หอกว้างเลยล่วงเข้าป่าไพร

    สาธุเด้อเทพไท้ให้ไขป่องเล็งญาณ
    จากวิมานเมืองแมน มิ่งตาวติงส์ฟ้า
    ทั้งนาคานาโคแข้ ให้มาแลหลิงหล่ำ
    ธรณีนาถน้ำคนธรรพ์เจ้าให้ซ่อยแยง

    สาธุเด้อผู้ฮู้แจ้ง ขอจงโปรดเป็นสักขี
    ข้านี้มีความสัตย์ซื่อตรงบ่ล่วงลิ้น

    ได้นำดินกับบัวโป้งตามประสงค์พระยาท่าน
    แต่อ่วยโง ต่าวบ้านประตูนั้นบ่เปิดไข

    แม่นข้าขออยู่ไจ้ๆ กะใจจืดน้อทหาร
    ทวารบาลบ่ยอมเขยตายละเว้ยคราวนี้
    ตายอีหลีตายม้วย ครั้นบ่ถวยยอส่ง
    ครั้นบ่ทูลบัวโป้งพระองค์เจ้าสิฆ่าตาย

    ในตอนนั้นบากะหยับย่างย้าย ออกมาม่ายอยู่เคียมวัง
    ทั้งหาทางสิทูลบัวทูลหัวพระยาเจ้า บาเลยเอาบัวโป้งจากถงกับดินด่อน
    โยนไปทางพระบัญชร เล็งบ่อนนอนบรรทมเนิ้ง เปิงกว้างข่วงหลวง

    อภัยเด้อ..ข้านี้บ่ได้คิดล่วง องค์ท่านประธานเมือง
    โปรดอย่าเคืองพระทัยขัด ฝ่ายดำรัสให้ทรงไว้

    ครั้นบ่ไขข่อยบ่หาญขืนเข้า ขอพระองค์อย่าเหมา ว่าเฮียมนี้สิหนีท่าน
    ขอกันอยู่เหิงนาน นายทวารบ่เปิดให้ จึงจำได้ห่างหนี

    เว้าแต่เพียงท่อนี้ บาบ่าวกะลาลง
    แผ่นทะรงภูมีให้อยู่ดีเด้อจ้า

    จั่งว่าบุญเอ้ยน้อ.. บุญปุพเพภายหน้า ว่าสิคืนเคหาพระยาเจ้าผั่นปิดป่อง
    นอนใสน้อเจ้าของ ทั้งห่วงน้องนาถหล่า ภรรยาเค้าได้เก่าหมอง

    เอาละเด้อพี่น้องต้องขอเพิ่งเพิ่นญาครู
    สินอนดูเดือนดาวกลางหาวพราวฟ้า

    เพิ่นคงหลูโตนหน้าคงกรูณาให้ซ้นเพิ่ง
    ขออาศัยอยู่เพิง ใต้กุฎีมุนีเจ้าฮอดยามเซ้าจั่งสิไป

    นี้ละน้อเพิ่นว่าไว้ซุ่มพ่อใหญ่โบราณ
    เป็นภาษิตสอนหลานกล่าวการให้เห็นฮู้

    เพิ่นหากว่า
    “ครั้นหนูกัดเครือฮูกจั่งคึดเห็นคุณแมว
    ลูกแขวนข้างแขวนแอวจั่งเห็นคุณพ่อแม่”

    ครั้นบ่ทุกข์แท้ๆ บ่แวเข้าวัดไป

    ตอนนั้นชายผู้ทุกข์ไฮ้ อาศัยหมู่ซุมสงฆ์
    นอนบ่อนองค์เซาพัก วัดเชตวันพุ้น

    จั่งแม่นบุญบาท้าวนอนซมดาวหมี่ใหญ่
    นอนซมดวงดาวไก่ ทั้งดาวไถดาวแข้ ดาวแบ้หมู่กวาง

    เกาะกันอยู่ฟ้ากว้าง จักดวงดอกดาวได๋
    ช่างคือไทยเมืองแมนกล่อมแฟนเฮียงซู้

    เหลี่ยวเห็นคูดาวขั่นเป็นถี่ถันซ้อนหลั่น
    ช่างคือนางมาลีจันทร์ ถืกกุมภันฑ์แล่นต้องผยองเต้นเผ่นหนี

    คิดเห็นเด้ คิดเห็นคราวก่อนกี้ได้จาต่อเมียแพง
    ฮอดยามแลงเคยแยงดาวกระพริบพราวขาวจ้า

    บัดนี้หนอ.. บัดนี้ตนโตข้าเลยได้ไกลภรรยามานอนกลุ้มอยู่ตูบต่อ
    ขออาศัยเพิ่นหลวงพ่อพอได้หายอิดล้าอิดูหน้าฝ่ายโต

    ฟังสาก่อนอย่าฟ้าวโอ้ เผยโผ่ว่ามันยาน
    ฝ่ายนิทาน กำลังฮอนผู้แต่งกลอนกำลังเร่ง
    ผู้ตะเบ็งเส็งแหล่กะเสียงแหลไหลล่อง
    เชิญศรัทธาพี่น้องติดตามบั้น ต่อนิทานละหนาโยมเอ้ย ฯ

    บาบ่าว กลับต่าวบ้าน ทวารบาลปิดก่อน
    เลยซ่อนลี้ หนีม้มหว่างภัย

    บัวใบต้น โกมลงามยิ่ง
    บาก็จิ่ง ขว้างเข้า วังเจ้าพระยอดเมือง

    เฮืองๆ ฟ้า ดาดินสีด่อน
    บาท่อนท้าว โยนเข้าใส่ปรางค์

    ทั้งแล่นลี้ หนีขุนพลไพร่
    เล็งใส่ก้ำ อาฮามกว้าง ข่วงจัว

    ดีทั่วพร้อม ลงนอนนิทเน่ง
    เพ็งหน่วยแก้ว วอนแล้วเลานอน ฯ


    กุโฏ=ไก่
    สกุณัง=นก
    ทารกัง=เด็ก
    ปุพพันโห=เวลาเช้า
    ติณชาติ=ไม้เถา
    กัททลี=กล้วย

    โปรดติดตามตอนต่อไป
    เผยแผ่ครั้งแรกที่นี้

    ศรีเวฬุคามมุนี
    sriwaylukammunee@hotmail.com
    ๒๕ ต.ค ๒๕๕๑

  7. #7
    ดูแลตรวจสอบเนื้อหา สัญลักษณ์ของ แหลวแดง
    วันที่สมัคร
    Mar 2008
    กระทู้
    1,912
    กำลังม่วนเลยคับท่านอาจารย์ สิตั้งตารอตอนต่อไปครับผม ขอบพระคุณครับ:g:g

  8. #8
    แบ่งปันความรู้และประสบการณ์ สัญลักษณ์ของ ศรีเวฬุคามมุนี
    วันที่สมัคร
    Aug 2008
    กระทู้
    64

    ดินสีอรุณ ตอนที่ 11

    ต่อจากตอนที่แล้ว

    ดินสีอรุณ
    นิทานธรรมบท สำนวนอีสาน
    ตอนที่ ๑๑


    คนจน คนจร


    ขอสาธกยกเรื่อง เผดียงกลอนอีสานพากย์
    หากว่าผิดพลาดพลั้ง อภัยให้ผู้แสดง

    ลางตอนว่าบ่แจ้ง แปลงใส่ให้ลงเสียง
    ทั้งสำเนียงขาดเขิน หากบ่เพลินอภัยบ้าง

    บัดนี้ หันมาฟังชายผู้เดินดงดั้น ได้เดินเดียวดันดุ่ง
    มุ่งหน้าไปหนองน้ำ ได้กินข้าวพักเซา

    ออกย่างตั้งแต่เช้า ตอนนี้เที่ยงเลยเพล
    แสนลำเค็ญทนทุกข์ ได้เหมือยวินอิดล้า

    ในตอนนั้น บาเลยเปิดห่อข้าว หยิบเอามาปั้นป่อน
    พลันพ้อคนพเนจร คือลำบากยากฮ้ายแพรผ้าบ่ซักถู

    บอกผู้ฟังให้ฮู้ ว่าคนทุกข์พ้อคนจน
    อย่าสับสนเด้อยาย บัดจ่ายกลอนทอนบั้น

    ฟ้าเอ้ยหนอ..
    ฟ้าฮ้องจั้นสองคนทุกข์เลยคุยกัน แบ่งปั้นข้าวให้มิตรใหม่
    บาบ่าวแสนสุขใจ ได้ทำบุญข้าวปั้น แกงกับนั้นหากบ่มี

    เดชผลทานครั้งนี้ ขอให้เกิดอานิสงส์ แน่เด้อ..
    มโนตรงสรรพ์ใด๋ ได้ดั่งใจประสงค์ไว้

    ครั้นเว้าไปได้คิดเห็นหัวข้อ นี้ละหนอผู้ฟังท่าน
    ยามเฮาทุกข์ทรมาน ยังมีคนทุกข์กว่านั้นหลายซั้นหากต่างกัน

    คือดังเทศน์มื้อนี้นั้น บาบ่าวได้ทนทุกข์
    พลันมาเจอคนอุก อั้งกว่าโตอีกคนแล้ว
    อาศัยแถวป่าหว้า หากินหมากผลผลาบ่สู้หน้าคนเพิ่น

    น่าสงสารเหลือเกิน บาเลยแบ่งข้าวให้ใจน้อมประพฤติทาน
    แล้วเล่าเจรจาต้าน ถามบ่อนทางสิไป
    อยู่ใสน้อวังหนอง หม่องที่มีบัวโป้ง

    หลุดจากดงคงพ้อหนองน้ำ บากะเลยสั่งคำ ย่างหน้ารีบด่วน
    เว้ากันพอสมควร จำต้องลาจากจ้อย เวลาหน่อยต้องฮีบไป

    นี้แม่นคนทุกข์ไฮ้ มีไมตรีต่อกัน
    สองบาสร้างสัมพันธ์ แบ่งปันข้าวเหนียวก้อน

    ใจคนจรกับคนจนโฮมกันไว้
    มิตรภาพภายใน ข้าวเหนี่ยวปั้นผูกจ่อง
    ต่างฮักกันปองดอง ดั่งข้าวเหนียวปั้นจ้ำ บ่คือน้ำผ่าข้าวเหนียว

    บาบ่าวเลยเลาะเลี้ยว เล็งใส่หนองน้ำใส
    ย่างไวๆ สองขาซื่นอุราบัดฟังแล้ว
    เสียงแซวๆ.. พวกนกเป็ดเล่นน้ำ
    บาแยกคอเหลียวนำ เห็นนกน้อยบินเป็นคู่
    ยินเสียงแว่วเข้าหู คือน้ำโตนโสกก้องมองแล้วหากบ่ไกล

    ตอนนั้น ชายผู้ทุกข์ไฮ้ ได้ข่วมป่าถึงวังหนอง
    สมใจปองมโนนึก แล้วละน้อตอนนี้

    ในนทีวังน้ำ เขาซากันมีนาคใหญ่
    ไผล่วงเกินลืนเข้า นาโคเจ้าไล่กิน

    ข้าวเหนียวปั้นยังบ่สิ้น บาบ่าวสิทำบุญ ก่อนแหล่ว
    แล้วจึงทูลใสหัว ยกถวายภูมิเบื้อง
    ประกาศเสียงดังก้อง ยินกันไปทั่วหนอง วังน้ำเขตด่าน

    ว่าข้าน้อยขอทำทาน
    ยอข้าวเหนียวเป็นปั้น
    แล้วหันหน้าขึ้นว่ากลอน

    สาธุเด้อ.. ข้าวปั้นก้อน ผู้ติดต่อนโตงเตง
    ข้าถืกคนข่มเหง ให้ย่างมาถึงน้ำ

    บ่มีคำมีบ่แก้ว บ่มีหยังจักแนว สิทานได้ถวายท่าน
    มีแต่ข้าวเหนียวปั้น เมียปันให้ส่งใส่มือ

    ข้านี้บ่คิดดื้อ สิถือล่วงเกินครอง
    สัตว์ในหนองทุกตน ให้อยู่สุขสบายบ้าง

    ว่าแล้ววางปั้นข้าว ทั้งใจเบาปานปุ่ยนุ่น
    ย้านนาคสูญไล่ฆ่า ชีวามวยมุดมรณ์

    สาธุเด้อ.. ข้าวปั้นก้อน ข้าขอยกเป็นทาน
    เป็นอาหารเต่าปลา หมู่มัจฉาในวันนี้
    ผลามีจงส่งยู้ ไปถึงนกถึงหนู งูเงี้ยวปลาใหญ่
    ไปถึงไทเทพฟ้า เทวาไท้ให้รับบุญ

    แผ่ไปถึงสาวัตถีเมืองพุ้น ให้คนอยู่สุขีแน่เด้อ
    อย่าได้เพลอฮักเมียเขา สิเก่าศรีราคีมั่ว

    ผู้เป็นผัวขอให้ฮักเมียเค้า ผู้เป็นเมียให้นอนเนาว์เทียมข้างผัวมิ่ง
    มวลสัตว์สานาคาสิงห์ ขอให้โมทนาน้อม
    ยามข้า แต่งถวายนั่นละน่า พ่อคุณเอ้ย ฯ


    โปรดติดตามตอนต่อไป

    เผยแผ่ครั้งแรกที่นี่

    ศรีเวฬุคามมุนี
    sriwaylakammunee@hotmail.com
    ๒๖ ก.ย ๒๕๕๑

  9. #9
    ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านมหา
    มิสบ้านมหา 2012
    สัญลักษณ์ของ ติ๊กต็อค
    วันที่สมัคร
    Mar 2007
    กระทู้
    2,065
    บล็อก
    3

    .
    .
    ให่ ...นำผญาธรรมอาจารย์จักบาดก่อน --------
    :heart: ไทอุบล คนเมืองนักปราชญ์:heart:

    http://up.how2phin.com/pictures/a46ce89bb69277bd7b1a2f0912d7cb05.gif

  10. #10
    ถึงสิทุกข์ยากปานได๋พ้อคนที่มีทุกข์กว่ากะยังซอยเหลือกัน ถือเป็นผู้มีจิตใจอันประเสริจเนาะ8):g:g:g
    ...เปรียบแม่เช่น โคมทองของชีวิต

    ช่วยชี้ทิศ ช่วยนำทาง ช่วยสร้างสรรค์

    ให้ความรัก ให้ความรู้ ชูชีวัน

    ลูกจึงมั่นกตัญญูบูชาคุณ..........เพื่อแม่ แพ้บ่ได้

หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 3 หน้า 123 หน้าสุดท้ายหน้าสุดท้าย

Tags for this Thread

กฎการส่งข้อความ

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •