กำลังแสดงผล 1 ถึง 6 จากทั้งหมด 6

หัวข้อ: เรื่องชีวิต....เศร้า..ซึ้ง

  1. #1
    ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านมหา
    Mr.Reception
    สัญลักษณ์ของ คนตระการ...
    วันที่สมัคร
    Feb 2008
    กระทู้
    4,209

    เรื่องชีวิต....เศร้า..ซึ้ง

    อ่านเล่นๆครับถ้าว่างยาวแน่ยู่ เรื่องชีวิต....เศร้า..ซึ้งเรื่องชีวิต....เศร้า..ซึ้งอ่านให้จบและจะรู้ชีวิตของคน 2 คน (ยิ่งใหญ่)
    ผมอ่านหลายครั้งแล้วครับอ่านยามได๋กะใจบ่อแข็งพอ



    ฉันเกิดในหมู่บ้านบนภูเขาที่ห่างไกลผู้คน

    แต่ละวันพ่อแม่ของฉันต้องพรวนดินในไร่ท่ามกลางแดดที่ร้อนระอุ

    ฉันมีน้องชายอยู่หนึ่งคน อายุน้อยกว่าฉัน 3 ปี

    วันหนึ่งฉันขโมยเงินของพ่อเพื่อไปซื้อผ้าเช็ดหน้าที่เพื่อนๆ

    ของฉันมีกัน

    จากนั้นพ่อก็รู้เรื่อง

    พ่อให้ฉันกับน้องคุกเข่าหันหน้าเข้าหากำแพง

    โดยที่ในมือพ่อมีก้านไม่ไผ่อยู่หนึ่งก้าน

    "ใครขโมยเงินไป" พ่อตวาด

    ฉันกลัวมาก ไม่กล้าพูดอะไรออกไป น้องชายฉันก็เช่นกัน

    พ่อจึงเอ่ยขึ้นว่า

    " ก็ได้ ในเมื่อไม่มีคนรับสารภาพก็ต้องโดนลงโทษทั้งคู่นั่นล่ะ"

    พ่อชูก้านไม้ไผ่ในมือขึ้น

    ทันใดนั้น น้องชายของฉันก็ลุกขึ้นคว้าข้อมือของพ่อไว้....แล้วพูดว่า

    " ผมขโมยเองครับ"

    ก้านไม้ไผ่ก้านนั้นได้กระหน่ำลงบนหลังของน้องของฉันอย่างต่อเนื่อง

    พ่อโกรธมาก พ่อตีน้องของฉันไม่หยุด

    จนพ่อหอบด้วยความเหนื่อย

    พ่อนั่งลงบนเก้าอี้

    และด่าว่าน้องชายของฉัน

    " ของคนในบ้านแกเอง แกยังขโมยได้ต่อไปแกจะทำชั่วอะไรอีก

    แกน่าจะโดนตีให้ตาย ไอ้หัวขโมย"

    คืนนั้น ฉันกับแม่กอดน้องชายของฉันไว้

    หลังของน้องมีแผลเต็มไปหมด

    แต่เขาไม่ได้ร้องไห้แม้แต่น้อย

    กลางดึกคืนนั้น ฉันนอนร้องไห้เสียงดัง และนานมาก

    น้องเอามือเล็กๆ ของเขามาปิดปากฉันไว้ แล้วพูดว่า

    " พี่ครับ ไม่ต้องร้องไห้นะมันผ่านไปแล้ว"

    ยังไงฉันก็อดที่จะเกลียดตัวเองไม่ได้

    ที่ไม่มีความกล้าจะบอกความจริงกับพ่อ



    หลายปีผ่านไป

    แต่เหมือนกับว่าเหตุการณ์มันเพิ่งเกิดเมื่อวานนี้เอง

    ฉันไม่อาจลืมคำพูดของน้องชายตอนที่เขาปกป้องฉันได้เลย

    ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 8ปี ส่วนฉันอายุ 11 ปี...

    เมื่อตอนที่น้องชายของฉันใกล้จบ ม.ต้น

    เขาได้รับการตอบรับจากโรงเรียน

    ม.ปลาย ว่าเขาสอบได้ ในขณะที่ฉันซึ่งใกล้จบ ม.ปลาย

    ก็ได้รับการตอบรับจากมหาวิทยาลัยของจังหวัดเช่นกัน

    คืนนั้น พ่อได้นั่งสูบบุหรี่อยู่ที่สวนหลังบ้าน

    ฉันแอบได้ยินพ่อพูดว่า

    " ลูกเราทั้งคู่เรียนดีเรียนดีมากนะ"

    แม่ซึ่งนั่งเช็ดน้ำตาอยู่ข้างๆ พ่อ ได้พูดว่า

    " แล้วเราจะส่งเสียลูกทั้งคู่ได้อย่างไรในเมื่อเราก็ไม่ค่อยมีเงิน"

    ทันใดนั้น น้องชายของฉันได้เดินเข้าไปหาพ่อ แล้วพูดว่า

    " ผมไม่ต้องการเรียนต่อผมอ่านหนังสือมามากพอแล้ว"

    พ่อเหวี่ยงมือตบลงที่แก้มของน้องของฉันฉาดใหญ่

    " ทำไมถึงคิดโง่ๆ อย่างนี้

    ต่อให้พ่อต้องไปเป็นขอทานข้างถนน

    พ่อก็จะส่งแกทั้งคู่เรียนจนจบให้ได้"

    คืนนั้นทั้งคืน พ่อได้เดินไปตามบ้านต่างๆ

    ทั่วทั้งหมู่บ้าน....เพื่อขอยืมเงิน

    ฉันค่อยๆ เอามือประคบแก้มบวมๆ

    ของน้องชายเบาๆ และคิดว่า

    " ต้องให้น้องได้เรียนต่อไม่เช่นนั้นเขาคง
    ไม่อาจหลุดพ้นชีวิตลำบากเช่นนี้ไปได้"

    แต่ในขณะเดียวกัน

    ฉันก็ไม่อาจล้มเลิกความคิดอยากจะเรียนต่อไปได้

    ใครจะรู้ได้ .......


    วันต่อมาในตอนเช้ามืด

    น้องชายของฉันได้ออกจากบ้านไปพร้อมทั้งเสื้อผ้าติดตัวเพียงไม่กี่ชิ้น

    และถั่วเพียงเล็กน้อยเพื่อประทังความหิว

    ก่อนไปเขาได้ทิ้งข้อความไว้ใต้หมอนของฉัน

    ขณะฉันกำลังหลับ

    " พี่ครับ การจะเข้ามหาวิทยาลัยได้ ไม่ใช่ง่ายๆ นะ ....

    ผมจะไปหางานทำ...แล้วจะส่งเงินมาให้พี่"

    ฉันนั่งอยู่บนเตียง

    อ่านข้อความของน้องชายด้วยน้ำตานองหน้า .......

    ฉันร้องไห้จนเสียงแหบแห้งไป

    ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 17 ปี ส่วนฉันอายุ 20ปี .....

    ด้วยเงินที่พ่อยืมมาจากคนในหมู่บ้าน

    รวมกับเงินที่น้องชายของฉันได้รับเป็นค่าจ้างมาจากการทำงานเป็น

    กรรมกรแบกหามที่ไซท์ก่อสร้างท่าเรือ .......

    ฉันจึงสามารถเข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้จนถึงปี 3

    วันหนึ่งขณะที่ฉันกำลังอ่านหนังสืออยู่ในห้องพัก

    เพื่อนร่วมห้องของฉันได้เข้ามาบอกว่า

    "มีชาวบ้านมาหาเธอ...อยู่ข้างนอกแน่ะ"

    ทำไมชาวบ้านถึงมาหาฉันล่ะ

    ฉันเดินออกไปแล้วมองเห็นน้องชายของฉันยืนอยู่

    ตัวของเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นปูนและทรายจากงานก่อสร้าง
    ...

    ฉันถามเขาว่า

    " ทำไมไม่บอกเพื่อนพี่ไปว่าเป็นน้องชายพี่ล่ะ"

    น้องชายของฉันตอบยิ้มๆ ว่า

    "ก็ดูผมสิสกปรกมอมแมมออกอย่างนี้...
    ขืนบอกว่าเป็นน้องพี่ เพื่อนๆ

    ก้อได้หัวเราะเยาะพี่กันพอดี"

    ฉันค่อยๆ เอื้อมมืออันสั่นเทาไปปัดฝุ่นให้น้อง

    และพยายามพูดด้วยเสียงเครือๆในลำคอ

    " พี่ไม่สนใจว่าใครจะพูดยังไง

    เธอเป็นน้องของพี่ ไม่ว่าเธอจะดูเป็นอย่างไรก็ตาม"

    จากนั้น น้องของฉันได้ล้วงบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง

    เป็นกิ๊บหนีบผมรูปผีเสื้อ . เขาติดกิ๊บให้ฉัน

    แล้วพูดว่า

    "ผมเห็นสาวๆ ในเมืองเค้าติดกัน ผมเลยอยากให้พี่ติดบ้าง"

    ฉันหมดเรี่ยวแรงลงในทันใด

    ดึงน้องชายเข้ามาสวมกอดและร้องไห้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นเวลานาน

    ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 20 ปี ส่วนฉันอายุ 23 ปี .

    วันที่ฉันพาแฟนหนุ่มของฉันมาที่บ้านเป็นครั้งแรก

    ฉันสังเกตเห็นว่า

    หน้าต่างบ้านที่เคยแตกไป ได้ถูกซ่อมเรียบร้อยแล้ว

    เมื่อเข้าไปในบ้านก็เห็นว่าบ้านสะอาดขึ้นมาก

    หลังจากที่แฟนของฉันกลับไป ฉันพูดกับแม่ว่า

    "แม่ไม่ต้องเสียเงินเพื่อทำความสะอาดบ้านกับซ่อมกระจก

    เพียงเพราะหนูจะพาแฟนมาที่บ้านหรอกนะคะ"

    แม่ยิ้ม แล้วพูดว่า

    " แม่ไม่ได้จ้างหรอก...น้องชายลูกต่างหาก

    วันนี้เค้าขอเลิกงานเร็วเพื่อกลับมาทำความสะอาดบ้าน

    ลูกยังไม่เห็นมือน้องหรอกเหรอ

    น้องโดนกระจกบาดตอนกำลังเปลี่ยนกระจกบานใหม่น่ะ"

    ฉันรีบเข้าไปหาน้องที่ห้องนอนของเขา

    ฉันรู้สึกเหมือนถูกเข็มนับร้อยเล่มทิ่มลงกลาง
    ใจเมื่อได้เห็นบาดแผลบนมือ

    ฉันจับมือน้องเอาไว้อย่างเบามือที่สุด " เจ็บมากไหม"

    ฉันถาม

    " ไม่เจ็บสักหน่อย พี่ก็รู้นี่ผมทำงานก่อสร้างนะ วันๆ

    มีหินตกมาใส่เท้าผมเต็มไปหมด

    แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ผมคิดเลิกทำงานหรอกนะ

    และ..."

    น้องชายของฉันยังพูดไม่จบประโยค แต่ก็ต้องหยุดพูด

    เพราะฉันหันหน้าหนีเขา

    น้ำตาไหลอาบหน้าของฉันอีกครั้ง

    "เพราะพี่เป็นพี่สาวของผมนี่ครับ"

    ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 23 ปี ส่วนฉันอายุ 26 ปี...

    หลังจากนั้น ฉันก็ได้แต่งงานและย้ายเข้าไปอยู่ในเมือง

    หลายครั้งที่สามีของฉันชักชวนให้พ่อแม่ของฉัน
    ย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองด้วยกัน...

    แต่ท่านทั้งสองก็ปฏิเสธ

    ท่านบอกว่า ท่านเคยย้ายออกจากหมู่บ้านครั้งหนึ่ง

    แต่เมื่อออกไปแล้ว

    ท่านไม่รู้จะทำอะไรดี

    จึงได้ย้ายกลับเข้ามาใช้ชีวิตในหมู่บ้านตามเดิม

    น้องชายของฉันก็ไม่เห็นด้วยกับการที่จะให้เขาและพ่อแม่ย้ายออกไป ...

    เขาบอกกับฉันว่า

    " พี่คอยอยู่ดูแลพ่อและแม่ของสามีพี่ทางนั้น
    เถอะผมจะดูแลพ่อและแม่ทางนี้เอง"

    สามีฉันได้ขึ้นเป็นประธานของบริษัทของ ครอบครัว

    เราทั้งคู่อยากให้น้องชายของฉันเข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการบริษัท
    ...
    แต่น้องชายของฉันก็ไม่รับตำแหน่งนี้

    เขาขอเข้าทำงานในตำแหน่งพนักงานธรรมดา

    วันหนึ่ง น้องชายของฉันต้องปีนบันไดขึ้นไปซ่อมสายเคเบิล

    และตกลงมาเพราะโดนไฟดูด

    เขาถูกรีบหามส่งโรงพยาบาล

    ฉันและสามีรีบไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล

    น้องชายของฉันขาหักต้องเข้าเฝือกที่ขา

    ... ฉันโกรธมาก จึงตวาดน้องไปว่า

    " ทำไมถึงไม่ยอมรับตำแหน่งผู้จัดการ หา!!!

    ถ้าเป็นผู้จัดการก็จะได้ไม่ต้องมาทำงานเสี่ยงๆอย่างนี้

    ดูตัวเองซิ...เจ็บเจียนตายอยู่แล้ว ทำไมถึงไม่ยอมฟังพี่บ้าง"

    คำตอบจากปากน้องของฉันรวมถึงสีหน้าเคร่งเครียด

    ยังยืนยันความคิดเดิมของเขา

    " พี่ลองคิดถึงพี่เขยสิครับ พี่เขยเพิ่งจะได้เป็นประธาน

    ส่วนผมมันการศึกษาต่ำถ้าผมได้เป็นผู้จัดการ

    คงจะมีเสียงนินทาว่าร้ายเต็มไปหมด"

    น้ำตาปริ่มดวงตาของฉันรวมทั้งสามีของฉันด้วย .....

    ฉันบอกกับน้องว่า

    "แต่ที่เธอไม่ได้เรียนต่อก็เพราะพี่..."

    "ทำไมต้องพูดถึงเรื่องที่ผ่านไปแล้วด้วยล่ะครับ"

    น้องชายของฉันจับมือฉันไว้

    ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 26 ปี ส่วนฉันอายุ 29 ปี...



    เมื่อน้องชายของฉันอายุได้ 30 ปี

    เขาได้แต่งงานกับผู้หญิงในที่ทำงานที่เดียวกัน

    ในงานแต่งงาน ประธานในงานได้ถามน้องชายของฉันว่า

    " ใครคือคนที่คุณรักที่สุดในชีวิตนี้"

    น้องชายของฉันตอบอย่างไม่ลังเล "พี่สาวของผมครับ" .....

    และเขาก็เล่าเรื่องราวที่แม้แต่ฉันยังจำไม่ได้

    "ตอนผมอยู่โรงเรียนประถม โรงเรียนอยู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง

    เราสองคนพี่น้องต้องใช้เวลาถึง 2ชม.

    เพื่อเดินไปเรียน...และเดินกลับบ้าน

    วันหนึ่งในวันที่หิมะตกหนักผมทำถุงมือหายไปข้างหนึ่ง

    พี่สาวผมจึงได้ให้ถุงมือของเธอข้างหนึ่ง

    และเธอก็ใส่ถุงมือเพียงข้างเดียวเดินเป็นระยะทางไกล

    เมื่อเรากลับถึงบ้านมือเธอบวมแดงเพราะอากาศหนาว

    เธอไม่สามารถจับช้อนทานข้าวได้ด้วยซ้ำ .......นับจากวันนั้น

    ผมสาบานกับตัวเอง

    ว่าตลอดชีวิตของผม ผมจะดูแลพี่สาวของผมให้ดี

    และจะทำดีกับเธอ"

    เสียงปรบมือดังกึกก้องไปทั่ว

    สายตาทุกคู่ของแขกเหรื่อหันมาจับจ้องที่ฉัน

    คำพูดจากปากฉันออกมาอย่างยากลำบาก .......

    " ในโลกใบนี้คนเดียวที่ฉันรู้สึกขอบคุณที่สุด คือน้องชายของฉันค่ะ"

    ในวาระที่มีความสุขที่สุดเช่นนี้

    น้ำตาได้รินไหลออกมาจากสองตาของฉันอีกครั้ง...

    จงรัก และห่วงใยคนที่คุณรักในทุกๆ

    วันในชีวิตของคุณและเขา

    คุณอาจจะคิดว่าสิ่งที่คุณทำให้ใครสักคนเป็นเพียงสิ่งเล็กๆน้อยๆ

    แต่สำหรับคนคนนั้นอาจจะมีความหมายมากอย่างคาดไม่ถึง

    .. ไม่ว่าเขาคนนั้นจะคือ

    พ่อ แม่ พี่ น้อง ญาติ คนรัก เพื่อน

    หรือแม้คนที่คุณไม่รู้จัก ก็ตาม


    จบบริบูรณ์....เรื่องชีวิต....เศร้า..ซึ้งเรื่องชีวิต....เศร้า..ซึ้งเรื่องชีวิต....เศร้า..ซึ้ง


    ปล.ปัจจุบันผู้เป็นพี่สาวอายุ 86 ปีตำรงตำแหน่ง
    เป็นผู้บริหารใหญ่บริษัทฮุนไดและในเครือกว่า 20 บริษัท

    น้องชายอายุ 83 ปีเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทเล็กๆ ที่มีชื่อเป็นภาษาเกาหลีว่า

    "ซัมซุง"

    และเรื่องราวของท่านทั้ง 2 คนกำลังถูกนำมาสร้างเป็นซี่รี่ย์
    โดยดาราเล็กๆ คนคือ ซอง เฮ เคียว และ ลี ดอง ฮุคครับ

    บู มิง ฮอง
    เล่าเรื่อง


    Source - Fw mail

    บ่อแน่ใจซิซ้ำกับผู้อื่นบ่อถ้าซ้ำขออภัยเด้อครับ

  2. #2
    สาวเมืองชล
    Guest
    แม่นยุจ้า เรื่องน่าเศร้าเนาะ

  3. #3
    ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านมหา สัญลักษณ์ของ nuzing
    วันที่สมัคร
    May 2007
    ที่อยู่
    ตกฟากอยู่อุบล เป็นคนชราบางแคแล้ว
    กระทู้
    2,260
    บล็อก
    5
    อ่านทั้งน้ำตา น้องชายที่แสนดี ขอบคุณเรื่องราวดีๆที่คนตระการสรรหามาเติมเต็ม
    บ้านมหาของเราขอบคุณมากค่ะ
    "ใจประสงค์สร้างกลางดงกะหว่าถ่ง ใจขี้คร้านกลางบ้านกะหว่าดง"

  4. #4
    Maximum learning
    ศิลปิน นักเขียน
    สัญลักษณ์ของ khonsurin
    วันที่สมัคร
    Apr 2008
    ที่อยู่
    ท่าตูม สุรินทร์
    กระทู้
    8,063
    บล็อก
    197
    ขอบคุณมากค่ะ สำหรับเรื่องที่เล่า มีประโยชน์มากที่สุด ขอบคุณสำหรับสาระดีๆ นะคะ

  5. #5
    มิสบ้านมหา 2010
    ศิลปิน นักเขียน
    สัญลักษณ์ของ เขมราฐ
    วันที่สมัคร
    Sep 2008
    ที่อยู่
    กลางท่งเมืองเขมฯ
    กระทู้
    1,946

    Re: เรื่องชีวิต....เศร้า..ซึ้ง

    อ่านแล้วน้ำตาไหลค่ะ คิดฮอดน้องชายเจ้าของมีกัน 2 คนพี่้น้อง

  6. #6
    เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ สัญลักษณ์ของ บ่าวจัย
    วันที่สมัคร
    Jun 2008
    กระทู้
    2,872

    Re: เรื่องชีวิต....เศร้า..ซึ้ง

    สุดยอดอ้าย ฮือ ฮือ ฮือ คิดฮอดเมียเด้ โอ้....คิดฮอดน้องผู้เลี้ยงพ่อกับแม่เด้...............ฮือ ฮือ :g :g :g :g
    หล่อคืออ้าย กินข้าวบายกบตั๋วะหล่า

กฎการส่งข้อความ

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •