นายสุรไกร สังฆสุบรรณ์ ผู้อำนวยการกองคุ้มครองพันธุ์พืช เผยว่า กรมวิชาการเกษตรได้เร่งสร้างความเข้าใจ เกี่ยวกับร่างข้อตกลงแบ่งปันผลประโยชน์ในการคุ้มครองพันธุ์พืชพื้นเมืองทั่วไปและพันธุ์พืชป่า ภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองพันธุ์พืช พ.ศ.2542 แก่ประชาชน และผู้ที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ ร่างข้อตกลงดังกล่าวจะช่วยส่งเสริมและสร้างแรงจูงใจ ในการปรับปรุงและพัฒนาพันธุ์พืชใหม่ๆเพิ่มเติมจากที่มีอยู่ รวมทั้งส่งเสริมให้ชุมชนมีการอนุรักษ์ และพัฒนาการใช้ประโยชน์จากพันธุ์พืชพื้นเมืองทั่วไปและพันธุ์พืชป่า ตลอดจนมีส่วนร่วมในการดูแล บำรุงรักษา และใช้ประโยชน์พันธุ์พืชอย่างยั่งยืน

“อย่างไรก็ตาม ในการแบ่งปันผลประโยชน์ เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาและปรับปรุงพันธุ์พืช ต้องมีการนำพันธุ์พืชพื้นเมืองทั่วไป พันธุ์พืชป่าหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของพันธุ์พืช ไปปรับปรุงพันธุ์ ศึกษา ทดลอง หรือวิจัย เพื่อประโยชน์ทางการค้าเท่านั้น หากนำไปศึกษาทดลอง หรือทำการวิจัยเพียงอย่างเดียวไม่จำเป็นจะต้องแบ่งปันผลประโยชน์ โดยเงินที่ทางราชการได้รับจะนำเข้าสู่กองทุนคุ้มครองพันธุ์พืช เพื่อจัดสรรให้ชุมชน ให้นำไปใช้เพื่อการอนุรักษ์ การพัฒนาหรือปรับปรุงพันธุ์พืช” นายสุรไกรกล่าว

ผู้อำนวยการกองคุ้มครองพันธุ์พืช เผยอีกว่า สำหรับร่างข้อตกลงแบ่งปันผลประโยชน์ ได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2545 โดยกรมได้เชิญผู้ทรงคุณวุฒิด้านกฎหมาย จากสำนักงานศาลยุติธรรม สำนักอัยการสูงสุด สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ และบุคลากรภายในกรมที่มีหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย ร่วมดำเนินการยกร่าง เพื่อให้สามารถบังคับใช้ได้ตามเจตนารมณ์ที่กฎหมายบัญญัติไว้ มีความยุติธรรม โปร่งใสและเป็นที่ยอมรับจากผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง.
http://www.thairath.co.th/news.php?section=agriculture&content=115590