www.matichon.co.th
วันที่ 08 มกราคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 31 ฉบับที่ 11261 มติชนรายวัน
จาก กรณีข่าวชาวบ้าน จ.กาฬสินธุ์ นิยมนำค้างคาวมาใช้ประกอบอาหาร โดยเชื่อว่าเลือดของค้างคาวมีสรรพคุณช่วยเสริมสร้างสมรรถภาพทางเพศ ขณะที่ไขมันที่สะสมอยู่ในตัวค้างคาวจะช่วยให้ร่างกายอบอุ่นต้านทานความหนาว เย็นได้นั้น
ดร.สุภาภรณ์ วัชรพฤษาดี หัวหน้าห้องปฏิบัติการศูนย์ความร่วมมือองค์การอนามัยโลกด้านวิจัยและฝึกอบรม โรคติดเชื้อไวรัสจากสัตว์สู่คน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ผู้ที่เชื่อว่าการดื่มเลือดค้างคาวสดๆ เป็นยาบำรุงทางเพศ หรือบริโภคเนื้อและเครื่องในค้างคาว แบบสุกๆ ดิบ มีโอกาสเสี่ยงในการติดโรคจากเชื้อไวรัสสูงมาก มีรายงานการพบไวรัสมากกว่า 60 ชนิดจากค้างคาวหลายชนิดทั่วโลก ซึ่งหลายชนิดก่อให้เกิดโรคในคน เช่น ไวรัสตระกูลโรคพิษสุนัขบ้า, ไวรัสอีโบล่า, ไวรัสซาร์ส, ไวรัสนิปาห์ และผลการวิจัยในประเทศไทยที่ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุน การวิจัย (สกว.) ได้มีการตรวจพบไวรัสนิปาห์ที่ก่อให้เกิดโรคสมองอักเสบและมีอัตราการเสีย ชีวิต 40-80% จากการตรวจเลือด น้ำลาย และฉี่ของค้างคาวแม่ไก่ โดยเชื่อว่าค้างคาวชนิดอื่นๆ ก็มีเชื้อไวรัสเหล่านี้เช่นกัน
ศ.นพ. ธีรวัฒน์ เหมะจุฑา ผู้อำนวยการศูนย์ความร่วมมือองค์การอนามัยโลกด้านวิจัยและฝึกอบรมโรคติด เชื้อไวรัสจากสัตว์สู่คน กล่าวว่า แม้หลายคนจะเชื่อว่าการปรุงค้างคาวให้สุกจะช่วยทำลายเชื้อไวรัสได้ แต่ก่อนการปรุงก็มีโอกาสที่ติดเชื้อไวรัสได้ในหลายขั้นตอน ตั้งแต่การจับและการชำแหละ เพราะเชื้อไวรัสจะมีการสะสมอยู่ทั้งในเลือด น้ำลาย และเครื่องใน โดยเฉพาะที่ตับ ม้าม และเยื่อบุช่องท้องของค้างคาว
Bookmarks