แสงจากสวรรค์

แสงจากสวรรค์ แสงที่เกิดจากดาวตกพาดผ่านท้องฟ้ามีความสว่างเป็นเวลาหลายวินาที
แต่แสงที่เกิดจากฟ้าผ่าเกิดขึ้นเพียงแว๊บเดียวแล้วก็หายไป มีเหตุผลเพราะว่า
ดาวตกเกิดจากสะเก็ดดาวที่ลอยอยู่ในอวกาศและพอดีเคลื่อนที่มาใกล้โลก
จึงถูกแรงโน้มถ่วงของโลกดึงให้ตกลงมา เนื่องจากความเร็วของดาวตกสูงมาก
ทำให้อิเล็กตรอนในอากาศเกิดการแตกตัวอยู่ในสภาวะที่เรียกว่า พลาสมา
(ก๊าซที่สูญเสียอิเล็กตรอนออกไป) ชั่วระยะเวลาหนึ่ง อิเล็กตรอนที่หลุดออก
ไปจะเข้ามารวมตัวกับไอออนของก๊าซ ปลดปล่อยพลังงานออกมา
พลังงานส่วนนี้ก็คือพลังงานที่เราเห็นเป็นแสงพาดผ่านบนท้องฟ้านั่นเอง
ส่วนฟ้าผ่าทำให้อากาศแตกตัวเป็นพลาสมาได้เช่นเดียวกัน แต่ว่าโมเลกุลของอากาศสูญเสียอิเล็กตรอนไปเพราะกระแสไฟฟ้า
ลักษณะการแตกตัวของอากาศนั้นจะเหมือนกับการแตกตัวของดาวตก
แต่การรวมตัวของอิเล็กตรอนแตกต่างกัน เนื่องจากดาวตกเกิดขึ้น
เหนือชั้นบรรยากาศที่มีความสูงมาก ความหนาแน่นของอากาศมีน้อย
ซึ่งก็หมายความว่าอะตอมของอากาศอยู่ห่างกันมาก อิเล็กตรอนอิสระจึง
จะต้องใช้ระยะเวลาหลายวินาทีเคลื่อนที่มารวมตัวกับไอออนของก๊าซ
ส่วนฟ้าผ่าเกิดขึ้นในบรรยากาศชั้นต่ำ อากาศมีความหนาแน่นมาก
การรวมตัวของอิเล็กตรอนใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาที พลังงานที่ปลดปล่อยออกมา
จึงเร็วและรุนแรงมาก ซึ่งจะปรากฏอยู่ในรูปของแสงและเสียง
แต่จะเกิดขึ้นเพียงชั่วครู่เท่านั้น ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นว่าแสงของฟ้าผ่า
เป็นสีน้ำเงิน ขณะที่ดาวตกเป็นสีเหลือง แสดงให้เห็นว่าฟ้าผ่ามีความร้อนเกิดขึ้นมากกว่า

.....ที่มา : นายจรัส บุณยธรรมา, ลับสมองกับปัญหาฟิสิกส์, 2540.