ความรู้เกี่ยวกับการขับรถ


1. ผู้ขับขี่จะต้องใช้ความระมัดระวังไม่ให้รถชนหรือเฉี่ยวชนคนดินเท้า ไม่ ว่าจะอยู่ในส่วนใดของทาง และต้องให้สัญญาณเตือนคนเดินเท้า ให้รู้ตัวเมื่อจำเป็น โดยเฉพาะเด็ก คนชราหรือคนพิการที่กำลังใช้ทาง ผู้ขับขี่ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ ในการควบคุมรถของตน

2. ในการขับรถ ต้องขับรถในทางเดินรถด้านซ้าย และต้องไม่ล้ำเส้น กึ่งกลางของทางเดินรถ เว้นแต่กรณีต่อไปนี้ ให้เดินทางขวาหรือล้ำเส้น กึ่งกลางของทางเดินรถได้

(1) ด้านซ้ายของทางเดินรถมีสิ่งกีดขวางหรือถูกปิดกั้นการจราจร

(2) การเดินรถนั้นกำหนดให้เป็นทางเดินรถทางเดียว

(3) ทางเดินรถกว้างไม่ถึง 6 เมตร


3. ในการใช้ทางที่แบ่งช่องเดินรถในทิศทางเดียวกันไว้ตั้งแต่ 2 ช่อง ขึ้นไป หรือที่ได้จัดช่องเดินรถประจำทางไว้ในช่องเดินรถซ้ายสุดผู้ขับขี่ ต้องขับรถในช่องซ้ายสุด หรือใกล้กับช่องเดินรถประจำทางเว้นแต่ ในกรณีดังต่อไปนี้ให้เดินรถทางขวาของทางเดินรถได้

(1) ในช่องเดินรถนั้นมีสิ่งกีดขวางหรือถูกปิดการจราจร

(2) ทางเดินรถนั้นเจ้าพนักงานจราจรกำหนดให้เป็นทางเดินรถ ทางเดียว

(3) จะต้องเข้าช่องทางให้ถูกต้องเมื่อเข้าบริเวณใกล้ทางร่วม ทางแยก

(4) เมื่อจะแซงขึ้นหน้าคันอื่น



4. รถบรรทุก รถบรรทุกคนโดยสาร รถจักรยานยนต์ รถที่มีความเร็วข้า หรือรถที่ใช้ความเร็วต่ำกว่าความเร็วของรถคันอื่นที่ขับไปในทาง เดียวกันผู้ขับขี่ต้องขับรถให้ใกล้ช่องทางเดินรถด้านซ้ายเท่าที่ทำได้ ถ้าทางรถนั้นได้แบ่งช่องเดินรถในทางเดียวกันไว้ตั้งแต่ 2 ช่องขึ้นไป หรือได้จัดช่องเดินรถประจำทางด้านซ้ายไว้ ต้องขับรถในช่องเดินรถ ด้านซ้ายสุด หรือใกล้กับช่องทางเดินรถประจำทาง


5. ผู้ขับขี่ซึ่งจะเลี้ยวรถ ให้รถคันอื่นผ่านหรือแซงขึ้นหน้าไปก่อน

เปลี่ยน ช่องเดินรถ และลดความเร็ว จอดรถหรือหยุดรถต้องใช้สัญญาณ มือ และ/ หรือสัญญาณไฟ เป็นระยะทางไม่น้อยกว่า 30 เมตร ก่อนถึง ทางเลี้ยว


6. เมื่อขับรถสวนกัน ให้ขับรถชิดด้านซ้ายของทางเดินรถ โดยให้ถือ เส้นกึ่งกลางของทางรถเป็นหลัก หรือเส้นแนวที่แบ่งเป็นช่องเดินรถ เป็นหลัก


7. ในทางเดินรถที่แคบ เมื่อขับรถสวนกันผู้ขับขี่แต่ละฝ่ายต้องลดความ เร็วของรถเพื่อให้รถสวนกันได้โดยปลอดภัย


8. ในทางเดินรถที่แคบ ซึ่งไม่อาจขับสวนกันได้โดยปลอดภัย เมื่อขับรถ สวนกัน ผู้ขับขี่ซึ่งขับรถคันที่ใหญ่กว่า ต้องหยุดรถให้ชิดของทางเดินรถ ด้านซ้าย ให้ผู้ขับขี่ซึ่งขับรถคันที่เล็กกว่าผ่านไปก่อน


9. ในทางเดินรถที่มีสิ่งกีดขวาง ผู้ขับขี่ต้องลดความเร็วหรือหยุดรถ เพื่อ ให้รถที่สวนมาผ่านไปได้ก่อน


10. ผู้ขับขี่ต้องขับรถให้ห่างจากรถคันหน้าพอสมควร ในระยะที่หยุดรถ ได้โดยปลอดภัยในเมื่อจำเป็นต้องหยุดรถ


11. ผู้ขับขี่ซึ่งขับรถขึ้นสะพาน หรือทางลาดชัน ต้องใช้ความระมัดระวัง ไม่ให้รถถอยหลังไปโดนรถคันอื่น


12. ทางเดินรถใดที่มีเครื่องหมายจราจรแบ่งทางเดินรถออกเป็นสองทาง สำหรับรถเดินได้ทางหนึ่ง ล่องทางหนึ่ง โดยมีช่องว่างคั่นกลาง หรือ ทำเครื่องหมายจราจรกีดกั้น แสดงว่าทางเดินรถนั้นมีการแบ่งออก เป็นสองทางดังกล่าวให้ผู้ขับขี่รถชิดซ้ายของทางเดินรถ

13. ห้ามมิให้ขับขี่รถยนต์ในกรณีดังต่อไปนี้


(1) ในขณะหย่อนความสามารถในอันที่จะเกิดอันตรายขึ้นได้

(2) ขณะเมาสุราหรือเมาอย่างอื่น, หรือเสพยาบ้า

(3) ในลักษณะกีดขวางการจราจร

(4) โดยประมาทหรือน่าหวาดเสียวอันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือ ทรัพย์สิน

(5) ในลักษณะผิดปกติวิสัยของการขับรถตามธรรมดา หรือไม่อาจแล เห็นทางด้านหน้าหรือด้านหลังด้านในด้านหนึ่งหรือ ทั้งสองด้านซึ่งไม่พอ แก่ความปลอดภัย

(6) คร่อมหรือทับเส้นแนวแบ่งช่องทางเดินรถ เว้นแต่เมื่อเปลี่ยน

ช่องทางเดินรถ เลี้ยวรถ หรือกลับรถ

(7) บนทางเดินเท้าโดยไม่มีเหตุอันสมควร เว้นแต่รถลากเข็นสำหรับ ทารก คนป่วย หรือคนพิการ

(8) โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย หรือความเดือดร้อนของผู้อื่น

14. ขณะขับรถต้องนำใบอนุญาตขับขี่ติดตัวไปด้วย และใบอนุญาตนั้น จะต้องถูกต้อง ตามชนิดและประเภทของรถ พร้อมนำภาพถ่ายสำเนา คู่มือจดทะเบียนรถติดตัวไปด้วย อย่าเก็บภาพถ่ายสำเนาคู่มือจดทะเบียนไว้ในลิ้นชักรถ เพราะภาพถ่ายสำเนาคู่มือทะเบียนรถนั้น เจ้าของหรือ ผู้ขับ จะไว้ใช้แสดงต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อป้องกันการโจรกรรมรถ หากเป็นคนร้ายขโมยรถไป ก็ไม่สามารถแสดงภาพถ่ายสำเนาคู่มือ จดทะเบียนได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะยึดรถไว้เพื่อให้เจ้าของจำหลักฐาน มาขอรับรถ


15. ผู้ขับขี่ต้องมีความรู้เกี่ยวกับความหมายเครื่องหมายสัญญาณ การจราจรต่าง ๆ และแผ่นป้ายเครื่องหมายจราจรที่ติดตั้งตามถนน สายต่าง ๆ และให้ปฏิบัติตามด้วย





ที่มา กองบังคับการตำรวจจราจร