แนวคิดของ โรเบิร์ต ที คิโยซากิ
โรเบิร์ต ที คิโยซากิ
ชื่อนี้คงจะคุ้นหูกันดีนะคะ สำหรับคนที่ชอบอ่านหนังสือทางด้านพัฒนาตนเอง แต่สำหรับใครที่ยังไม่รู้จักจะพาไปรู้จักกับเขาดูนะคะ
โรเบิร์ต ที คิโยซากิ เป็นผู้ที่นำความลับคนรวยซึ่งมักจะถูกถ่ายทอดกันมารุ่นต่อรุ่น มาเผยแพร่ให้คนทั่วไปได้ทราบกัน ผ่านหนังสือขายดีที่เรารู้จักกันดี ในตระกูลพ่อรวยสอนลูก (Rich Dad Poor Dad) ซึ่งเป็นหนังสือที่โด่งดังมาก
โรเบิร์ต ปัจจุบันนี้เป็นนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งอาศัยอยู่ที่อเมริกา ในสมัยเด็ก โรเบิร์ต ไม่ใช่คนที่เรียนเก่ง เรียกได้ว่าผลการเรียนธรรมดามากๆ บางครั้งก็มีตกบ้าง
โรเบิร์ตมีพ่อ 2 คน คนหนึ่งคือพ่อแท้ๆ ของเขา ซึ่งเขาเรียกว่าพ่อจน
และอีกคนหนึ่งคือพ่อของเพื่อนสนิทของเขาที่เขาเรียกว่าพ่อรวย
สาเหตุที่เขาเรียกพ่อแท้ของเขาว่าพ่อจนไม่ได้หมายความว่าพ่อแท้ของเขาจน จนไม่มีอะไรจะกินนะคะ พ่อแท้ๆ ของเขาเป็นอธิบดีทางด้านการศึกษา แต่ที่เขาเรียกว่าพ่อจนเพื่อเปรียบเทียบให้เห็นชัดเจนกันมากขึ้นระหว่างความคิดคนของคนสองคน
พ่อรวยของเขาเป็นผู้ที่รวยที่สุดในเกาะแมนฮัตตั้น
ในสมัยที่เขายังเป็นเด็ก เขาได้เรียนวิชาการเป็นคนรวยจากพ่อของเพื่อนเขา ซึ่งเขาได้นำเสนอความแตกต่างของความคิดระหว่างคนจนกับคนรวยไว้ในหนังสือของเขา
ขอยกตัวอย่างบางประการแล้วกันนะคะ
เช่น คนจนเวลาเจอของที่อยากได้มักจะบอกกับตัวเองว่า เราไม่มีเงินซื้อ แต่คนรวยเมื่อเจอของที่อยากได้มักจะตั้งคำถามว่า เราจะซื้อมันได้อย่างไร?
คนจนมักจะคิดว่า เราทำไม่ได้ แต่คนรวยมักจะคิดว่าทำอย่างไร
โรเบิร์ต ยังกล่าวอีกว่าความแตกต่างระหว่างคนจนกับคนรวยไม่ได้แตกต่างกันนิดเดียวนะคะ แต่ว่าความคิดคนทั้ง 2 ประเภทนี้ แตกต่างกันจนอยู่คนละด้านเลย
โรเบิร์ตบอกว่าคนจนส่วนใหญ่จะชอบบอกว่าคนรวยเห็นแก่ตัว แต่ที่จริงแล้วคนรวยส่วนใหญ่มีน้ำใจเป็นผู้ให้ในขณะที่ คนจนส่วนใหญ่จะเห็นแก่ตัวหลายคน
อ่านมาถึงตรงนี้แล้วอย่าเพิ่งงงนะ เพราะคุณโรเบิร์ตกล่าวว่า
คนจนเห็นแก่ตัวก็เพราะชอบเรียกร้องสิทธิต่างๆ มากมายจากรัฐบาล
เช่นให้ช่วยเหลือสิ่งนั้น ให้ช่วยเหลือสิ่งนี้ และจะชอบกล่าวหาว่าบริษัทให้เงินเดือนน้อย ใช้งานหนัก ไม่ยอมปรับตำแหน่งให้เลย
เพราะคุณโรเบิร์ตก็เคยเป็นพนักงานประจำมาก่อนและไม่ได้ร่ำรวยมาก่อน
ซึ่งจริงๆแล้วบุคคลเหล่านี้ไม่ได้ลองคิดเลยว่าคุณทำสิ่งต่างๆเพื่อบริษัทบ้างหรือยัง
โรเบิร์ตบอกว่าที่คนรวยส่วนใหญ่เป็นคนมีน้ำใจก็เพราะว่าคนรวยชอบช่วยเหลือผู้อื่น
ยิ่งธุรกิจใดช่วยเหลือคนมากเท่าไร ธุรกิจนั้นก็ยิ่งรวย
เช่นโตโยต้าที่ทำรถยนต์ราคาถูกออกมา เพื่อจะช่วยให้คนสามารถเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ได้สะดวกมากยิ่งขึ้น
ก่อนที่โรเบิร์ต จะประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้เขาก็เคยลำบากมาก่อนนะคะ
เริ่มแรกเขาทำงานเป็นเซลล์
หลังจากนั้นก็ไปเป็นทหารและไปออกรบที่เวียดนาม
หลังจากนั้นก็เริ่มทำธุรกิจส่วนตัว พอทำไประยะหนึ่ง ก็เกิดปัญหาขึ้นจึงต้องเลิกกิจการ
กลายมาเป็นคนถังแตก เขากับภรรยาของเขาเคยเกือบจะยอมแพ้แล้ว
ในเวลานั้นเขามี 2 ทางเลือก คือ
เดินตามความฝันสู่การเป็นเจ้าของธุรกิจต่อไป หรือ
หันหลังให้ความฝันและเดินกลับไปเป็นพนักงานประจำ
แน่นอนคะว่าวันนี้เขาคงรู้สึกดีมากที่ไม่ยอมแพ้กลางคัน
เพราะปัจจุบันตอนนี้เขาเป็นมหาเศรษฐีแล้วคะ
จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และการเขียนหนังสือและจัดอบรมสัมมนาต่างๆ
แล้วคนที่อ่านบทความนี้อยู่ล่ะคะรู้สึกเหนื่อย
หรือรู้สึกท้อจากเหตุการณ์บางอย่างบ้างไหมคะ
ยังไงซะก็อย่าเพิ่งยอมแพ้นะคะ
เพราะความสำเร็จอาจจะรออยู่ตรงข้างหน้าก็ได้
blogger.sanook.com/.../05/05/bobert-t-kiyosaki/
Bookmarks