UFO Terminology
แน่นอนครับว่าเรื่องของ UFO ยังคงเป็นปริศนาที่ไม่รู้แน่ชัด และผมเห็นว่าเพื่อนๆอาจจะใช้คําเรียกที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องผิดประการใด ในเรื่องปลีกย่อยต่างๆ ผมจึงอยากแนะนําให้รู้จักกับชนิดของการเรียกและประเภทของการพบเห็นที่ ละเอียดขึ้นมาหน่อย แม้จะเป็นเสมือนแค่เรื่องพื้นๆแต่ก็ทําให้เพื่อนๆจะสนุกกับการอ่านเรื่อง เกี่ยวกับ UFO มากขึ้นครับ
UFO คืออะไรกันแน่ UFO ย่อมาจาก Unidentified Flying Object หมายถึง วัตถุบินได้ที่การปรากฏตัวของมันหรือพฤติกรรมการเคลื่อนที่ของมันผิดแปลกไป จากยานบินได้ทั่วไปที่มนุษย์ได้ประดิษฐ์ขึ้น และไม่สามารถตรวจสอบได้โดยผู้พบเห็นหรือโดยใช้เทคนิคพิเศษมาวิเคราะห์
ภาพ UFO ที่ถ่ายได้ที่รัฐวอชิงตัน เมื่อเดือนมิถุนายน 2008
ส่วนในประเทศไทยเอง เมื่อราวปี พ.ศ.2540 มีหนังสือที่เกี่ยวกับ UFO หลายเล่ม ใช้คําว่า วบกอม ซึ่งย่อมาจาก วัตถุบินที่กําหนดเอกลักษณ์ไม่ได้ ครับ ซึ่งมันขัดใจผมมากเลย ทราบภายหลังว่าผู้บัญญัติคือ นิตยสาร ชัยพฤกษ์วิทยาศาสตร์ (ซึ่งปัจจุบันไม่มีการตีพิมพ์แล้วครับ คิดว่าเพื่อนๆชาวหว้ากอหลายท่านคงเคยอ่าน)
แต่ถ้าหากว่าเราสามารถระบุมันได้ล่ะว่าจริงๆแล้วมันไม่ใช่สิ่งที่ลึกลับอะไรเลย มันจะถูกเรียกว่า IFO (Identified Flying Object) ครับ ซึ่งผมใช้เรียกในกรณีที่ UFO นั้นๆสามารถถูกพิสูจน์ได้แล้ว ว่าเป็นวัตถุที่เราสามารถจับต้องได้และพบเห็นกันในชีวิตประจําวันเป็นเรื่อง ปกติ ผมยกตัวอย่าง เช่น นก เครื่องบิน บอลลูน ดาวเทียม เป็นต้น
ภาพถ่าย UFO ที่ รัฐวินคอสซิน กันยายน 2004 เห็นชัดๆว่ามันเป็นเพียงเครื่องบิน
IFO (Identified Flying Object) มี 2 ประเภทครับ
ประเภท แรก คือ HOAX หมายถึง ประดิษฐ์กรรมโดยเจตนาของพยานผู้อ้างว่าพบเห็นจานบิน เป็นการกระทำเพื่อจะหลอกให้คนอื่นเชื่อตาม เพื่อหวังชื่อเสียง หวังผลประโยชน์ อะไรก็ตามแต่ แต่มันคือการหลอกลวง
ผมขอยกตัวอย่าง 2 กรณีครับ
ภาพถ่ายของ เอ็ดเวิร์ด วอลเตอร์
ผู้ซึ่งอ้างว่าถูกมนุษย์ต่างดาวลักพาตัวไป 14 ครั้ง ที่รัฐฟลอริด้า
เรื่องราวของ เอ็ดเวิร์ด วอลเตอร์ เกิดขึ้นในปี 1987
ซึ่งผมจะไม่ระบุรายละเอียดในที่นี้
แต่เรื่องราวของเขาสามารถนํามาเขียนเป็นหนังสือได้ถึง 2-3 เล่ม
หลอกคนอเมริกันได้อยู่หลายปีทีเดียวครับ
แต่สุดท้าย
..ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว
อีกกรณีหนึ่งก็คือกรณีของ จอร์จ อดัมสกี้ ที่อ้างตัวว่าเขาติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวได้ และยังอ้างว่ามนุษย์ต่างดาวเคยพาเขาขึ้นยานอวกาศไปเที่ยวด้วย
นี่คือ หนึ่งในเรื่องลวงโลกที่ผมไม่อยากให้หลงเชื่ออีกต่อไป ทุกวันนี้ยังมีหนังสือที่เกี่ยวกับ UFO มากมาย ที่บอกว่าเรื่อง ของ เอ็ดเวิร์ด วอลเตอร์ ,จอร์จ อดัมสกี้ และ มนุษย์ต่างดาวอุมโม เป็นเรื่องจริง
ภาพถ่าย UFO ของเขา
จอร์จ อดัมสกี้ (คนซ้าย) ก่อนหน้านี้เขาเป็นนักเขียนนิยาย และบาเทนเดอร์ เขาอ้างว่า มนุษย์ต่างดาวได้พาตนไปดวงจันทร์ ที่นั่นมีทะเลสาปและสัตว์ป่ามากมาย (ขณะนั้นเป็นเวลาก่อนที่อพอลโลจะลงดวงจันทร์หลายปี)ภายหลังที่เขาเสียชีวิต คนสนิทจึงออกมาเปิดเผยว่า เรื่องการติดต่อมนุษย์ต่างดาวทั้งหมดนั้น คือนิยายที่เขาเขียนขึ้นมาแล้วเอามากุเรื่องหลอกลวงคนอเมริกันทั้งประเทศ
IFO ประเภทที่ 2 คือ FANTASY หมายถึง การรายงานของพยานที่เพ้อฝัน อาจเกิดจากความผิดปกติทางด้านสภาพจิตใจของผู้อ้างว่าเห็นจานบิน เช่น คิดเองเออเอง
ทางการแพทย์ เรียกว่า"โรคจิต" หรือ “ไซโคซิส” (Psychosis) คือคนที่แยกแยะความเป็นจริงไม่ได้ทำให้เกิดอาการระแวง หลงเชื่อผิด เช่น คิดว่ามนุษย์ต่างดาวจะมาจับตัว คิดว่าคนในโทรทัศน์มาด่าตน คิดว่ามีจระเข้อยู่ในท้อง บางคนจะมีประสาทหลอนด้วย เช่น ได้ยินเสียงคนที่ตายไปแล้วมาชวนไปอยู่ด้วย หรือเห็นภูติผีปีศาจ หรือทำอะไรประหลาดๆ เช่น ออกไปยืนเพ่งพระอาทิตย์ ออกมาแก้ผ้าแก้ผ่อนออกมาตะโกนโหวกเหวกตามท้องถนน เป็นต้นครับ
(อ้างอิงจาก นพ.สเปญ อุ่นอนงค์ http://www.infomental.com/seepsychiatrist.htm)
บางรายงานก็ใช้คําว่า แยกไม่ได้ระหว่าง ความจริง กับ สิ่งที่คิด (Out of reality)
ยกตัวอย่างเช่น ผู้ป่วยโรคจิตคนหนึ่งคิดว่า ถูกมนุษย์ต่างดาวฝังเครื่อง ส่งสัญญาณไว้ในหัว และ ฆ่าครอบครัวของผู้ป่วยทิ้งไปหมดแล้ว พ่อแม่ที่ผู้ป่วยอยู่ด้วยตอนนี้เป็นมนุษย์ต่างดาวปลอมตัวมา หรือ ผู้ป่วยคิดว่าตนเองมีสัมพันธ์กับบุคคลดังทั้งที่ความจริงตนไม่เคยรู้จักคน ดังนั้นๆเลย
ทางการแพทย์ถือเป็นโรคจิตชนิดหนึ่ง นอกเหนือจาก มีภาวะรับรู้สิ่งแวดล้อมผิดปกติ (Hallucination) เช่น ได้ยินเสียงที่ไม่มีจริง เห็นภาพที่คนอื่นมองไม่เห็น
หรืออย่างใน ปี 1997 ที่มีลัทธิดาวหางเฮลบอพพ์ ชวนกันฆ่าตัวตายหมู่เพราะเชื่อว่าจะได้ไปเกิดเป็นมนุษย์ต่างดาว ทําให้มีสมาชิกฆ่าตัวตายไปถึง 39 คน ลัทธิคลั่งมนุษย์ต่างดาวแบบนี้ ในปัจจุบันนี้ก็มีอยู่มากครับ โดยที่สมาชิกไม่รู้ตัวเลยว่าโดนล้างสมองเสียแล้ว
ดร. เจ อัลเลน ไฮเนค ผู้ที่เคยศึกษาเรื่องจานบินร่วมกับรัฐบาลสหรัฐฯใน โครงการ Sign (ปี 1947-1949), โครงการ Grudge (ปี 1949-1952), และ Project Blue Book (ปี 1952 -1969) ได้แบ่งประเภทการปรากฏตัวของ UFO ไว้ 3 แบบด้วยกันครับ
แบบแรก Nocturnal Light (NL) หมายถึง การปรากฎของแสงที่เห็นได้ในเวลากลางวัน รายงานการพบเห็นในข้อนี้ เป็น IFO เสียส่วนมาก
ยกตัวอย่างอย่างภาพนี้เป็นเพียงเมฆเท่านั้นเองครับ
จะเรียกกรณีนี้ว่า LENTICULAR CLOUD ก็ได้ครับ
แบบที่ 2 Daylight Disc (DD) หมายถึง วัตถุรูปจานกลม หรือเรียวรี หรือวัตถุที่เคลื่อนที่เป็นวงกลมหรือวงรี มองเห็นได้ในเวลากลางวัน ส่วนใหญ่ที่พบเห็นจะเป็นรูปจานมีสีเงิน
ตัวอย่างเช่นภาพนี้
หรืออย่างภาพนี้ มีคนถ่ายได้ที่ซานดิอาโก้ รัฐ California
เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2009
แบบที่ 3 Radar Virtual (RV) หมายถึง การปรากฎตัวของจานบินที่มองเห็นด้วยตาเปล่า และเห็นด้วยเรดาร์ และแน่นอนครับ ส่วนใหญ่ก็ต้องถูกเก็บเป็นความลับทางการทหาร เลยไม่ค่อยได้เห็นกันง่ายๆนัก
วัตถุบินลึกลับที่ปรากฏที่วอชิงตัน ดีซี. สหรัฐฯเมื่อปี 1952
สามารถพบเห็นในเรดาห์ และ..
ตาเปล่า
ดร. เจ อัลเลน ไฮเนค ยังแบ่งการเผชิญหน้ากับจานบินเป็นอีก 5 ประเภท ดังนี้ครับ
1.Close Encounter of the First kind (CE-I) การพบเห็นจานบินในระยะใกล้ ไม่เกิน 500 ฟุต และไม่ทิ้งร่องรอยอะไรไว้เลย
2. Close Encounter of the Second kind (CE-II) การพบเห็นจานบินระยะใกล้ไม่เกิน 500 ฟุต แต่มีร่องรอยการปรากฎตัว เช่น คลื่นรบกวน คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
3. Close Encounter of the Third kind (CE-III) การพบเห็นจานบิน ระยะใกล้ไม่เกิน 500 ฟุตมีร่องรอยการปรากฎตัวและที่สำคัญ มีการปรากฎร่างผู้ขับขี่จานบินด้วย
4. Close Encounter of the Forth kind (CE-IV) การพบเห็นผู้ขับขี่จานบิน มีความพยายามที่จะสื่อสารกัน
5. Close Encounter of the Fifth kind (CE-V) การที่ได้ถูกผู้ขับขี่จานบินนําตัวเข้าไปในยาน และมีการติดต่อที่เหลือร่องรอยทิ้งไว้ครับ
ดังนั้นจะเห็นได้ว่าแต่ละระดับของการเผชิญหน้า มีความแตกต่างของความสัมพันธ์ในทางการติดต่อสื่อสารที่ยิ่งใกล้ชิดมากขึ้น นั่นเอง
ดร.เจ อัลเลน ไฮเนค
เขียนโดย Terran
Bookmarks