ตอนที่ ๒
นักพรตเฒ่าลึกลับ



เจ้าแม่กวนอิม  ตอนที่ ๒  นักพรตเฒ่าลึกลับ




ครั้นบรรดาพสกนิกรทราบว่า อาณาจักรซิงหลิงได้พระธิดาองค์ที่สาม ต่างประดับประดาโคมประทีปหลากสีเฉลิมฉลองเป็นการใหญ่ ทุกบ้านตีฆ้อง กลอง เต้นรำรื่นเริงราวกับได้โอรสแห่งแผ่นดินกระนั้น ส่วนในพระราชวัง พระเจ้าเมี่ยวจวงทรงจัดงานฉลองเหล่าเสนาอำมาตย์ถึง ๓ วัน ๓ คืน เอิกเกริกไม่แพ้กัน

เมื่อพระเจ้าเมี่ยวจวงรับสั่งให้พระพี่เลี้ยงนำพระธิดาเข้ามายังท้องพระโรง เพื่อให้เหล่าอำมาตย์ได้ถวายพระพร พระธิดาน้อยซึ่งไม่มีวี่แววว่าจะงอแงมาก่อนเลยได้กรรแสงขึ้นเสียงดังลั่นท้องพระโรง สะกดให้ทุกคนหยุดนิ่งอย่างแปลกใจ และไม่ว่าพระพี่เลี้ยงจะให้นมก็มิทรงหยุดร้องได้เลย

ขณะเดียวกันทหารผู้หนึ่งได้นำทางนักพรตชราท่าทางมิใช่นักพรตสามัญมาเข้าเฝ้าถวายพระพร พระเจ้าเมี่ยวจวงตรัสถามว่า "ท่านนักพรตชื่อแซ่ว่ากระไร เหตุใดจึงมาถึงที่นี่ได้" นักพรตเฒ่าทูลว่า "เฒ่าเขลาผู้นี้มิมีชื่อแซ่ หากมีจุดประสงค์หนึ่งเดียวคือ มาเพื่อทูลให้ทรงทราบว่า พระธิดาเมี่ยวซ่านเป็นภาคหนึ่งของพระโพธิสัตว์ผู้เมตตามาโปรดสัตว์โลกให้พ้นจากกิเลส พระธิดาน้อยจักโตขึ้นเป็นหน่อเนื้อพุทธวงศ์กษัตริย์แห่งอาณาจักร" พระเจ้าเมี่ยวจวงฟังแล้วหัวเราะลั่นท้องพระโรง "ฮ่า ๆ นักพรตเฒ่าช่างโป้ปด เหตุไฉนพระโพธิสัตว์จึงแบ่งภาคมาเป็นหญิงมิใช่ชายเล่า แล้วซิงหลิงเป็นอาณาจักรเล็กเท่าธุลีจะมาโปรดสัตว์ที่นี่เพื่ออะไร หากท่านต้องการพิสูจน์ว่าเรื่องที่กล่าวมาเป็นเรื่องจริง ก็จงทำให้ลูกสาวเราหยุดร้องไห้ ท่านจะทำได้หรือไม่"

นักพรตเฒ่าจึงว่า "เหตุที่พระธิดากรรแสงนั้นเพราะทรงแผ่เมตตาประทานแก่เหล่าวัว ควาย หมู เป็ด ไก่ กุ้ง หอย ปู ปลา บนโต๊ะอาหารที่ถูกประหารชีวิตสังเวยแก่ปากท้องมนุษย์...เฒ่าเขลาผู้นี้จักสาธยายคุณพระแก่พระธิดาน้อยให้หยุดกรรแสงเอง" นักพรตตรงเข้าหาพระธิดา ใช้มือลูบพระพักตร์และกล่าวว่า อย่าร้อง เพราะจิตจะหม่นหมอง ท่านคือพระผู้มาโปรด ชาวโลกล้วนศรัทธาท่าน จงก้าวพ้นภัยอันยิ่งใหญ่ด้วยญาณและคุณความดี พระธิดาน้อยหยุดกรรแสงเพื่อสดับธรรมตั้งแต่คำแรก ตาจับจ้องอยู่ที่นักพรตเฒ่าไม่กระพริบดั่งเข้าใจมนต์บทนั้น พระเจ้าเมี่ยวจวงและบรรดาเสนาอำมาตย์ต่างตกตะลึงประหลาดใจ

หลังจากนักพรตเฒ่ากล่าวอำลาพระเจ้าเมี่ยวจวงและจากไปพร้อมสายลมประหลาด กิริยายามเดินก็รวดเร็วดุจเหินต่างจากชายชราทั่วไป พระเจ้าเมี่ยวจวงเข้าพระทัยทันทีว่านักพรตเฒ่าเป็นผู้วิเศษจึงสั่งทหารตามไปเชิญกลับมา แต่ทว่ากำลังทหารองครักษ์ค้นหาเท่าไรก็ไม่พบร่องรอยของนักพรตแม้แต่เงา อำมาตย์ฝ่ายซ้ายนาม อานาลั๋ว ผู้ฝักใฝ่ในพระพุทธศาสนาจึงกราบทูลว่า "หม่อมฉันเห็นว่าแม้เราจะใช้กำลังติดตามไปก็ย่อมไม่พบนักพรตผู้นั้น เมื่อท่านมิใคร่ต้องการให้ผู้ใดพบอีก ยิ่งได้ฟังมนต์ของท่านนักพรตจนพระธิดาหยุดกรรแสงนั้น แสดงว่านักพรตท่านนั้นคงเป็นพระอรหันต์สาวกจำแลงกายมา !"



ข่าวการปรากฏกายและหายตัวไปอย่างลึกลับของนักพรตเฒ่า รวมทั้งเรื่องการฟังธรรมจนหยุดกรรแสงของพระธิดาเมี่ยวซ่าน แพร่สะพัดไปทั่วอาณาจักรซิงหลิง ชาวบ้านร้านตลาดต่างกล่าวขวัญถึงเหตุการณ์เหล่านี้อย่างไม่รู้เบื่อ เพราะในยามนี้พวกเขากำลังสนใจพุทธศาสนาที่แผ่เข้ามาจากทางภิกษุและพ่อค้าอินเดียบนเส้นทางการค้าขายที่ชื่อว่า เส้นทางสายไหม ด้วยทุกคนมุ่งหวังยังจุดมุ่งหมายอันแน่วแน่ คือ ความพ้นทุกข์แห่งสรรพสัตว์นั่นเอง



จบตอนที่ ๒
ติดตามต่อตอนที่ ๓ พระธิดาน้อยกับวีรกรรมในสวนอุทยาน

อ้างอิง: http://www.bloggang.com/viewdiary.ph...roup=9&gblog=4