เค้าโครงจากบทประพันธ์ เรื่อง หญิงสามคน
ณ เมือง พาราณสี มีท้าวพรหมฑัต ครองเมือง ท่านได้ออกเสด็จมาเยี่ยมเยียนราษฎร ประชากรได้เข้าแถวนั่งริมทั้งสองฝั่งทาง ต่างพนมถือ บ้างก้มกราบ แต่ต้องมาสะดุดอยู่นานกับยายผู้หนึ่งซึ่งกำลังปิดปากหลานบ้างล่ะ หยิกหลานบ้างล่ะ ตีแขนบ้างล่ะท้าวพรหมฑัต ถึงถามว่าตีลูกทำไม ยายอึกอักไม่กล้าพูด แต่ท้าวฯบอกว่าถ้าไม่พูดจะประหารเสีย ยายจึงบอกว่า หลานอิฉัน ชื่อ เกลี้ยง เป็นคนพูดมากปากเป็น พอมันเห็นพระองค์เสด็จมา และพูดว่าพระองค์แก่ และเป็นเนื้อคู่มันเมื่อชาติที่แล้วน่ะเพคะ ยายตอบอย่างซื่อๆทำเอาท้าวฯตะลึง
จนคล้อยค่ำหลังจากพบปะประชาชนเสร็จก็ไปบ้านนางเกลี้ยงแล้วให้ยายเล่าเรื่องนางเกลี้ยงให้ฟัง ยายจึงบอกว่า แม่มันหนีไปก็เพราะปากมันนี่แหละ มันพูดมาก ชอบพูดโกหก ปริ้นปร้อน กะล่อน ตอแหล มุสา ขี้ฉ้อ ขี้ฉน คนเลว (โห...ครบชุดเลย อย่าเอาอย่างนะคับ) บางทีคำพูดของมัน ทำเอาชาวบ้านเดือดร้อนทั้งหมู่บ้านก็มี แต่ละวันต้องมีเรื่องอะไรอย่างใดอย่างหนึ่งแน่ๆ
พระมเหสีจึงบอกว่าจะเอา นางเกลี้ยงไปกำราบในวังเอง จนกระทั้งมาอยู่ได้ 2 เดือน นางนั้นอยู่อย่างหวานอมขมกลืน เพราะราชาท่านสั่งห้ามพูดเรื่องต่างๆ ไม่ว่าเรื่องไหนก็ห้ามพูด วันๆก่อนนอนถึงกับต้องพูดกับตัวเอง จนคนคิดว่าเป็นบ้า ครั้นจะพูดกับใครก็กลัวเผลอตนไปโกหกเขา และเกิดเรื่องต่างๆ นางอึดอัดมาก ผิดวิสัยคนปากเป็น
เรื่องมาเกิดเอาตอนที่ท้าวฯสั่งให้นางถอนหงอกให้ และสั่งว่าห้ามบอกใครว่าข้ามีผมหงอก แต่นางอดไม่ได้จริงๆถึงกับลอกออกจากวังมาเล่าให้ต้นไม้ต้นหนึ่งฟัง พอคลายทุเลาคันปากแล้ว นางเกลี้ยงจึงกลับเข้าวัง พอไม่นาน ต้นไม่ต้นนั้นได้ถูกตัดนำมาสร้างทำเป็นกลองในวัง พอท้าวฯสั่งให้นักดนตรีตีลองดูกลองก็มีเสียงดังออกมาว่า ท้าวพรหมทัต มีผมหงอก ตีกี่ครั้งก็พูดอย่างเดิม ท่านใช้ให้ทหารผ่าออกดูก็ไม่มีอะไร คิดว่าต้นไม้ผีนี่คงรู้เรื่องจากนางเกลี้ยงแน่จึงไล่นางออกจากกวัง
นางเกลี้ยงกลับบ้านไม่ถูก บังเอิญมีเหยี่ยว 2 ผัวเมีย ใจดีให้นางเกาะขาคนละข้างแล้วจะบินไปส่งบ้านระหว่างทาง นางเกลี้ยงอดไม่ได้ที่จะพูดอะไรสักอย่าง นางจึงพูดกับเหยี่ยวเมียว่า ผัวเจ้าบอกว่าแกเป็นอีนังเหยี่ยวหนังยาน แก่ก็แก่ เหยี่ยวอมยิ้ม แล้วหันมาทางเหยี่ยวผัว แล้วแต่งเรื่องหวังแต่งเรื่องให้ทั้งสองทะเลาะกัน เหยี่ยวทั้งสองหันหน้าเข้าหากัน แล้วยิ้มพร้อมกับพยักหน้า ทั้งคู่สลัดขา นางเกลี้ยงจึงตกลงมา ริมฝั่งแม่น้ำกระแทกกับก้อนหินขนาดใหญ่ตาย เณรมาเห็นจึงเกนชาวบ้านเอาไปทำพิธีแล้วฝังกระดูกนางเกลี้ยงใต้ต้นตาล และนี่คือที่มาของคนที่กินลูกตาลถ้าเมาแล้ว จะพูดมากปากเปียก ปากแฉะ พูดมั่วซั่วไปเรื่อย เหมือนนางเกลี้ยงนี่แหละ
ข้อคิด- คนเราจะพูดจะอะไรก็ควรระมัดระวัง และควรเสี้ยมสอนลูกหลานให้พูดเพราะๆ
- คิดก่อนพูด แต่อย่าพูดทุกคำที่คิด
-คนที่ไม่ถูกผู้อื่นนินทา ไม่มีในโลก
อ้างอิงที่มา
อ้างอิงกระทู้มาจากเว็บไซต์อีสานจุฬาฯ
Bookmarks