กำลังแสดงผล 1 ถึง 10 จากทั้งหมด 18

หัวข้อ: ผีก่องก่อย (ผีกองกอย)

Threaded View

คำตอบที่แล้วมา คำตอบที่แล้วมา   คำตอบถัดไป คำตอบถัดไป
  1. #1
    ร่วมถ่ายทอดความรู้สู่สังคม สัญลักษณ์ของ อิ่มอัมพร
    วันที่สมัคร
    Mar 2009
    ที่อยู่
    ทุ่งครุ
    กระทู้
    255

    ผีก่องก่อย (ผีกองกอย)

    ผีเอย.......ผีก่องก่อย.....มากินตับเด็กน้อยที่มันขี้ดื้อ

    ผู้ใดฮ้องไห้ฮื่อๆ.......สิจกใส้กินตับกินไต

    .

    จำได้ว่าสมัยเป็นเด็กประถม แม่จะเล่านิทานให้ฟังก่อนนอนเสมอๆ

    และหนึ่งในนิทานที่ฟังบ่อยๆก็คือเรื่อง ผีก่องก่อย ..

    .

    ผีก่องก่อยเป็นผีป่าชนิดหนึ่ง มักอาศัยอยู่ในป่าทึบรกชัด และออกหากินเวลาดึกดื่นเที่ยงคืน

    เพราะเป็นช่วงเวลาที่เงียบสงบ และปราศจากผู้คน อีกทั้งอาหารก็หาง่าย

    อาหารของมันก็คือ ปลา กบ เขียด กุ้ง หอย หากหาไม่ได้ ก็จะกิน หมา แมว และไปลักเป็ด ไก่

    ของชาวบ้นมากิน หรือ กินแม้กระทั่งเด็ก

    .

    ลักษณะของผีก่องก่อยจะเหมือนกับคนทุกอย่าง จะต่างก็ตรงรูปร่างเล็กผอม ใบหน้าลีบแหลม

    และส้นเท้าหันไปข้างหน้า ปลายเท้าจะหันไปข้างหลัง รอยเท้าจึงเหมือนกับคนเดินกลับหลัง

    เวลาออกหากินดึกๆ มันจะส่งเสียงร้องว่า " ก่องก่อย ก่องก่อย"

    เมื่อหิวมากๆ จะร้องว่า "ก่องก่อย ก่องก่อย ก๊อก"

    เสียง"ก๊อก" ที่ลงท้ายเป็นสัญญาณบอกว่า มันหิวสุดขีด

    .

    เวลาพูด มันจะพูดตรงข้ามกับสิ่งที่มันต้องการสื่อความหมาย เช่น ขาว จะหมายถึง ดำ

    จะไปแป๊ปเดียว ก็หมายถึงจะไปนานมาก

    .

    มันจะมีฤทธิ์เดชหลายอย่าง เช่น วิ่งได้เร็วดั่งสายลม มีพละกำลังแข็งแรงดั่งยักษ์โข

    มันมีจุดอ่อนอย่างเดียว คือ กลัวเวียด (กลัวคนเวียดนาม)

    ถ้าหากว่ามันได้ยินเสียงภาษาเวียด (นาม) มันก็จะ รีบวิ่งหนีสุดชีวิต

    ดังนั้นเพื่อป้องกันการเผชิญหน้ากับผีก่องก่อย

    ก่อนเข้าป่าเราต้องฝึกพูดภาษาเวียด อย่างน้อยก็ต้องให้ได้คำว่า

    "ดี่เด่า ดี่เดือก"

    ฉันเผลอนอนหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ .. มารู้สึกตัวอีกทีก็เห็นใบหน้าแหลมๆเล็กๆลอยอยู่ตรงหน้า

    ขนหัวฉันลุกตั้งชัน...พลางรีบท่อง นะโม นะโม... ในใจ ..ไม่ใชสิ ผีก่องก่อยกลัวเวียดนี่...

    "ดี่เด่า ดี่เดือก ๆ ๆ....." ฉันพยายามท่องออกไปสุดเสียง..

    .

    " ฉาย ..ฉาย ....เป็นหยัง ละเมอหยังประหลาดแท้..." เสียงอ้ายดังอยู่ข้างๆ


    ".....!! น้องคิดว่าผีก่องก่อย...."


    ฉันไม่กล้าบอกว่า เห็นหน้าอ้ายนั่นแหละเป็นก่องก่อย ....


    .

    " เคยฟังบ่ล่ะ " อ้ายถามฉัน

    "จำไม่ได้แล้วค่ะ พี่เล่าอีกทีได้ไหมอะ ... นะ ....นะ " ... นานๆมีคนมาให้อ้อน

    " ใหญ่แล้วยังเฮ็ดโตปานเด็กน้อย " ....

    สุดท้ายอ้ายก็ต้องยอมเล่าแต่โดยดี

    .


    กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีพี่น้องอยู่สองคน มีอาชีพทำนา

    เมื่อหน้าแล้งมาเยื่อน ก็ทำนาไม่ได้ ผู้เป็นพี่ชายจึงได้ไปหาปลาในห้วย ซึ่งอยู่ไกลออกไป

    ทุกๆเช้าเขาจะไปกู้ลอบ ที่ดักปลาไว้

    วันหนึ่งเขาไปกู้ลอบตามปกติ แต่ปรากฏว่า ไม่มีปลาเลยสักตัว

    ซึ่งปกติแล้ว จะต้องมีปลาติดอยู่ตัวหรือสองตัว เขาคิดว่าจะต้องมีคนมาขโมยปลาเขาแน่ๆ

    คิดดังนั้นเขาจึงเดินสำรวจบริเวณรอบๆ แล้วเขาก็พบรอยคนเท้าเล็กๆ ซึ่งไม่น่าจะยาวเกิน 3 นิ้ว

    "ในโลกนี้คือสิมีคนตีนน้อยแนว(แบบ)นี้" เขาคิดในใจ

    "ถ้าเป็นตีนเด็กน้อย ขนาดนี้ก็ยังย่าง(เดิน)บ่ทันเป็น" คิดแล้วเขาก็เอาลอบลงน้ำตามเดิม

    .

    วันรุ่งขึ้น ก็เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก มันทำให้เขาโมโห และคิดว่าต้องจับให้ได้ว่าใครเป็นคนขโมย

    คิดดังนั้น เขาจึงไปแอบคอยดักดูอยู่พุ่มไม้ใกล้ๆกับลอบดักปลาทั้งคืน เขาอดตาหลับขับตานอน

    หลับๆตื่นๆ จนเวลาล่วงมาใกล้รุ่งสาง .. เขาก็ได้ยินเสียง คล้ายกับคนเดินมาเบาๆ

    แล้วเขาก็ได้เห็น ผีก่องก่อยยืนอยู่ริมตลิ่ง มันเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆผมยาวเหมือนแม่มด

    ไม่สวมเสื้อผ้า ยืนเปลือยกายอยู่ตรงหน้า และทำท่ากำลังจะขโมยปลาของเขา

    .

    ความโกธรทำให้เขาลืมตัว ระเบิดโทสะออกไป

    " กูสิสับมึงให้แหลกปานลาบพู้นล่ะ อีขี่ลัก" เขาตะโกนออกไปพร้อมกับกระโจนออกจากที่ซ่อน

    ถึงแม้ว่าเขาจะแข็งแรงมากแต่ก็ไม่สามารถจับตัวผีก่องก่อยได้

    ในที่สุด เขาเองกลับเป็นฝ่ายที่ถูกผีก่องก่อยจับตัวไปขังไว้ที่ถ้ำของมัน

    พร้อมกับบังคับให้เขาเป็นผัว

    .

    และทุกครั้งที่ผีก่องก่อยออกไปหากิน มันจะเอาหินก้อนใหญ่มาปิดปากถ้ำไว้

    หนึ่งปีผ่านไป เขาก็มีลูกชายกับผีก่องก่อย 1 คน เขามีหน้าที่เลี้ยงลูกยามที่ผีก่องก่อยไม่อยู่

    และเขาต้องอยู่แบบนี้นานถึง 3 ปี

    .

    อยู่มาวันหนึ่ง ลูกชายของเขาได้พยายามดันก้อนหินออกจากหน้าถ้ำ

    ด้วยพละกำลังที่ได้มาจากแม่ผู้เป็นผีก่องก่อย ทำให้เด็กน้อยสามารถเปิดปากถ้ำให้ผู้เป็นพ่อ

    หลบหนีออกไปได้

    .

    พอปากถ้ำเปิด เขาก็รีบวิ่งกลับบ้านอย่างสุดชีวิต ...ถึงเขาจะวิ่งได้เร็วแค่ไหน

    แต่ก็ยังช้ากว่าผีก่องก่อย ทันทีที่ผีก่องก่อยรู้ว่าเขาหนีไป มันก็รีบวิ่งตามมาติดๆ

    เขาวิ่งจะถึงหมู่บ้านอยู่แล้ว ...ช้าไปเสียแล้ว ผีก่องก่อยวิ่งตามเขาทัน..

    เมื่อรู้ตัวว่าไม่พ้นเงื้อมือมัน เขาจึงรีบล้มตัวลงนอน แกล้งตายอยู่ตรงนั้น

    เมื่อผีก่องก่อยมาถึงตัวเขา มันก็เดินวนรอบตัวเขา พร้อมกับเอามือจั๊กจี้เอวเขาดู

    เขาเป็นคนที่มีความอดทน ไม่บ้าจี้ จึงนอนแน่นิ่งอยู่อย่างนั้น

    พร้อมกันนั้นเขาก็ค่อยๆผายลมออกมาอย่างแผ่วเบา กลิ่นเหม็นจากตดของเขาตลบอบอวนไปทั่ว

    ผีก่องก่อยเห็นดังนั้นก็ร้องไห้เศร้าโสกเสียใจด้วยความอาลัยรัก เมื่อมั่นใจแน่ว่าเขาตายแล้วจริงๆ

    มันจึงเอาฆ้องวิเศษให้เขา 1 อัน พร้อมกับบอกว่า

    "เมื่อเจ้าต้องการหยัง ก็ให้ตีฆ้องเทื่อหนึ่ง"

    .

    พอผีก่องก่อยลับตาไปแล้วชายหนุ่มก็รับเข้าบ้าน กลับมาแล้วความเป็นอยู่ของเขาก็ดีขึ้น

    เพราะว่าอยากได้อะไรก็แค่ตีฆ้องวิเศษ เมื่อน้องชายเห็นดังนั้นก็อยากได้บ้าง

    จึงได้ถามว่า เขาได้มันมายังไง และหายไปไหนมาตั้ง 3 ปี

    เขาจึงเล่าให้น้องชายฟังอย่างละเอียด เมื่อน้องชายเขาฟังจบก็พูดว่า

    "ข้อยก็อยากรวยคือกัน"

    .

    เมื่อน้องชายเขาคิดดังนี้แล้วจึงได้ออกไปหาผีก่องก่อยให้ผีก่องก่อยจับตัวไป

    แล้วก็หนีกลับมา แต่เขาโชคไม่ดีเหมือนพี่ชายเขาเพราะ

    เขาไม่สามารถอดกลั้นเสียงหัวเราะไว้ได้ ตอนที่เขาโดนผีก่องก่อยจั๊กจี้ที่เอวนั้น

    เขาก็หัวเราะชักดิ้นชักงอ....ผีก่องก่อยจึงรู้ว่าเขาไม่ได้ตาย

    มันจึงเอามือจก(ล้วง)กินตับไตใส้พุงของเขาจนหมดเกลี้ยง ...

    .

    .

    อ้ายเล่านิทานจบ ก็หันมามองหน้าฉัน ... พร้อมกับทำหน้าตาหน้ากลัว


    "นี่แหนะ.ๆๆ.."

    ฉันรีบยื่นมือไปจั๊กจี้เอวอ้าย พร้อมกับวิ่งหนีรอบบ้าน ........

    .

    .

    อ่านแล้วอย่าอิจฉาเด้...........
    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย พล พระยาแล; 23-01-2011 at 16:13. เหตุผล: แก้คำผิด

Tags for this Thread

กฎการส่งข้อความ

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •