หลังจากที่ซมซานเดินกลับบ้านพักครู คนทั้งสองก็มองเห็นสภาพแหล่ นอนขดตัวอยู่ที่แคร่หน้าบ้าน ซึ่งนอนกุมแขนอีกข้าง
เลือดอาบ มองเห็นฝีที่แขนแตก และจากอาการเหนื่อยออ่น เพราะช่วยลากจูงครูกำธรและป้าฝ้ายขึ้นจากบ่อน้ำ

"แหล่ แหล่ เป็นไงบ้าง " พี่เต็มวิ่งรี่เข้าไปจับที่ตัวแหล่ เขย่าเพื่อสอบถามอาการ

"โอ้ย..หน้าบ่าวเต็ม เจ็บครับ เจ็บ และก็ปวดที่แผลมากครับพี่ ครูเป็นไงมั่งครับ" แหล่หันหน้ามามองที่พี่เต็ม และพี่เต็มก็พยักหน้าหันไปทางครูกำธร

"ครูไม่เป็นอะไรครับ แหล่ เหนื่อยนิดหน่อย เฮ๊ยนี่ไข้ขึ้นเลยนะแหล่" ครูกำธรเดินมาแตะตัวแหล่ และรู้ได้ทันทีว่าแหล่มีอาการตัวร้อน เพราะพิษบาดแผล

"เออ จะทำไงดีครับครู ผมว่ามันอาการไม่เบานะครับ" พี่เต็มเอ่ยขึ้น

"พี่เต็ม ผมรบกวนพี่ต้มน้ำร้อนให้ผมหน่อย ผมจะฉีดยาแก้ไขให้แหล่ครับ เดี๋ยวผมขึ้นไปหายากะเข็มฉีดยาก่อน"

จากนั้นพี่เต็มก็ไปควานหากำต้มน้ำ ทำการต้มน้ำร้อนให้ครู และครูกำธรเองก็เข้าบ้านไปควานหายาพร้อมเข็มฉีดยา ซึ่งนึกได้ว่าแม่ได้ฝากยุกยา และผ้าพันแผล
พร้อมทั้งเครื่องมือแพท สำหรับปฐมพระยาบาลมากับสถิตย์เพื่อนรัก ช่วงที่มาเยี่ยมตนครั้งก่อน ซึ่งเท่าที่ตรวจสอบดูข้าวของแล้ว ก็พบว่ามียาแก้ไข้สำหรับฉีด

มีแค่สองหลอด ซึ่งไกล้หมดอายุรอมร่อ เซรุ่มสำหรับพิษงูเห่าสองหลอด ยาฉีดสำหรับป้องกันพิษสุนัขบ้าหนึ่งโหลซึ่งยังไม่ได้แกะใช้งาน ผ้าพันแผลน้ำยาล้างแผลสด
และยาสำหรับไส่แผลสด รวมถึงยาแก้ไอ ยาแก้ท้องเสีย ท้องร่วง ประหนึ่งคลีนิคเล็ก ๆ ทีเดียว ซึ่งที่มาของยุกยาทั้งหมดก็เนื่องจากแม่ของครูกำธรเป็นพยาบาล

และด้วยความเป็นห่วงเป็นใย ลูกชายสุดที่รัก จึงได้ฝากยุกยามาให้ลูกชายไว้เก็บรักษาตัวยามป่วยไข้ และเผื่อใครก็ตามที ที่มีความจำเป็นต้องใช้สำหรับปฐมพยาบาล
ซึ่งยาบางส่วนก็มีความจำเป็นอย่างมากในเวลาเช่นนี้ และจากประสพการณ์ของครูกำธร ที่ได้ติดตามแม่ในโรงพยาบาลอยู่หลายปี ก็มีความรู้เรื่องการใช้ยา และการ

ฉีดยาอยู่บ้าง และที่สำคัญครูกำธรเองก็เคยเป็นผู้ช่วยเหลือชาวบ้านยามเจ็บป่วยไข้อยู่บ่อยครั้ง หลังจากจัดหายาสำหรับผุ้ป่วยได้เรียบร้อยครูก็ออกมาตรวจดูแหล่ ที่ยัง
นอนหายใจแผ่ว ๆ ที่เตียง จัดแจงเช็ดตัวและพี่เต็มก็ได้หาเสื้อผ้าเปลี่ยนให้แหล่ และเตรียมน้ำร้อนในกาครู

"แหล่ครูจะล้างแผลที่แขน และจำทายาพันแผลให้ก่อนนะ จากนั้นค่อยฉีดยาแก้ไข้ให้สักเข็ม"

"ขอบคุณครับครู"

ครูทำการล้างแผลและทายาสำหรับแผลสด พร้อมพันแผลที่แขนให้แหล่จนเสร็จ จากนั้นก็ได้เทน้ำร้อนลงขันและแกะเอาเข็มพร้อมสลิงสำหรับฉีดยา มาทำการลวกน้ำร้อนเพื่อ
ฆ่าเชื้อโรคสักสิบนาที จากนั้นทำการประกอบเข็มฉีดยากับสลิงเข้าด้วยกัน และหยิบเอาขวดยาฉีดสำหรับแก้ไข้ ขวดสักประมาณนิ้วก้อยขึ้นมาส่องไฟ พร้อมใช้นิ้วดีดที่ปลายขวด

สองสามที จากนั้นได้เอาตะใบ ตะใบที่คอขวดและหักที่ปลายขวดเสียงดัง "เปาะ " ให้แหล่พลิกตัวเล็กน้อย ดึงผ้าที่เอวออกและใช้สำลีที่ชุ่มแอลกอฮอลทาบริเวณสะโพก
พร้อมทั้งปักปลายเข็มลง พร้อมทั้งค่อย ๆ กดที่ปลายสลิงจนยาหมดหลอด ดึงเข็มออกและทาทับแผลด้วยแอลกอลฮอลอีกครั้ง

"เรียบร้อยหล่ะ แหล่นอนก่อนสักพักแล้วยังไง เข้าไปนอนในบ้านครูก่อนนะ อย่ารับลมมากเดี๋ยวจะแย่ไปกว่านี้"

"ครับครู ครูจะไปไหนเหรอครับ"

"ครูจะไปดูป้าฝ้ายก่อน อาการแกท่าจะแย่พอดู แล้วครูค่อยกลับมาคงดึกหน่อยหล่ะ ยังไงถ้าหิวน้ำก็กินน้ำจากกาที่ต้มไปก่อนนะ ครูไปก่อนหล่ะะ"

พูดเสร็จครูก็สะพายย่ามขึ้นบ่า พร้อมเตะไหล่พี่เต็มเดินนำหน้าไปที่บ้านป้าฝ้ายทันที ถึงบ้านป้าฝ้ายเห็นว่ามีผู้คนเยอะแยะบ้างยืน บ้างนั่งที่ใต้ถุนบ้าน พูดคุยกันไปต่าง ๆ นา ๆ
ถามถึงสารทุกข์ สุขดิบของป้า และเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นด้วยใบหน้าเศร้าซึม ครูเดินสาวท้าวปลี่เข้าไปจับที่ราวบันไดบ้านขึ้นไปข้างบน อย่างรวดเร็วซึ่งในใจก็ได้แต่ภาวนา

ว่าป้าอย่าได้เป็นอะไรไปมากมายเลย นึกถึงใบหน้าป้าเมื่อตอนเดินจากไปรู้สึกห่วงใยอาทรเหลือเกิน เมื่อขึ้นถึงบนบ้านแล้วมองไปที่ตัวป้า ซึ่งได้เปลื่ยนเสื้อและผ้าถุงผืนใหม่
ขาทั้งสองข้าง และที่แขนยังคงมีเลือดไหลซึมเป็นริ้ว ตามบาดแผลที่เกิดขึ้น

"เทน้ำร้อนไส่ขันให้ผมด้วยครับ ผมมียาแก้ไข้ฉีดให้ป้า" ครูพูดและเหลือบมองไปที่ฝัน ซึ่งยืนกุมมือน้ำตาซึมและไม่รู้จะช่วยเหลืออะไรได้

"ผมจะล้างแผลให้นะป้า และบางส่วนจะให้ลุงหรือลูกสาวป้าช่วยนะครับ และแผลด้านนอกผมล้างเสร็จแล้วยังไงผมจะฉีดยาแก้ไข้ให้ก่อน เพราะจะไดัป้องกันอาการเป็นไข้
จากบาดแผลนะครับ" ครูพูดเสร็จก็ควานหายาจากในย่าม ยกออกมาเตรียมวางไว้เป็นชุด ๆ จากนั้นก็ทำการล้างแผลด้วยแอลกอลฮอล และจัดการฉีดยาให้ป้าเรียบร้อย

"ไม่เป็นไรมากนะครับป้า เจ็บหน่อยจากบาดแผล และพรุ่งนี้และวันต่อไปจะปวดหน่อยเพราะแผลจะตึง ส่วนแขนขาตามตัว คงจะปวดอยู่ไม่น้อย แต่ยังไงเสียผมจะไปหา
ยามารักษาป้าให้หายครับ ผมต้องขอบคุณที่ป้าพยามยามช่วยเหลือผม และผมต้องกราบขอโทษป้ามาก ๆ ที่ต้องมาลำบากเพราะผมขนาดนี้ ผมขอโทษจริง ๆ"
พูดเสร็จครูกำธรก็ได้ยกมือก้มกราบลงข้างตัวป้า ซึ่งป้าเองก็ได้เอื้อมมือจับที่มือ ซึ่งกำลังพนมอยู่

"ป้าไม่โทษอะไรครูหรอกนะ ไม่มีอะไรต้องขอโทษมากมายหรอก ขอบใจมาก จ๊ะครูที่จะช่วยรักษาฉัน" ป้าจับมือครูกำธร พร้อมน้ำตาซึมออกจากข้างตาเป็นทางยาว ซึ่ง
พอได้ยินคำพูดจากป้า ครูกำธรยิ่งคิดในใจว่าอย่างไรเสีย จะต้องหาทางรักษาป้าให้หายให้ได้

"ฝัน -ลุงครับ ช่วยล้างแผลและทายาส่วนที่เหลือตามตัว ให้ป้าด้วยครับ ผมจะไปรอด้านล่างนะครับ ยังไงถ้าเสร็จผมขอคุยกับลุงด้วยครับ" พูดเสร็จครูกำธร ก็จัดยาทาแผล
สำลีพร้อมด้วยแอลกอลฮอล ไว้ให้ลุงกับลูกสาวได้ช่วยล้างแผลให้ป้า และเดินลงไปรอลุงอยู่ด้านล่างของบ้าน ซึ่งเมื่อบนบ้านทุกอย่างเรียบร้อยลุงก็ได้เดินลงมาคุยกับครูหนุ่ม

"ลุงครับ พรุ่งนี้เช้าผมคงต้องเข้าเมืองแต่เช้า ผมจะไปหายามารักษาป้า เพราะยาแก้อักเสษและยาฆ่าเชื้อผมก็ไม่มี ยังไงผมต้องฝากลุงช่วยดูแลป้าด้วย ผมไม่รู้ว่าแกจะ
ทานอะไรได้แค่ไหน ผมจะไปหาน้ำเกลือและยาอื่น ๆ มาเผื่อด้วย"

"แล้วอาการป้า จะเป็นปรกติไม้ครับครู คือ จะ จะ เออ " ลุงทำเสียงลังเล และครูได้พูดสวนขึ้นมาทันที

"ไม่เป็นไรหรอกครับลุง ไม่ถึงขนาดต้องเสียชีวิตหรอกครับ แค่แผลฟกช้ำ และอาการปวดบวมจะมากหน่อย และอาจจะปวดท้องและซี่โครงอยู่สักระยะ เพราะคงจะเจ็บช้ำ
ที่กระดูกซี่โครงหน่ะครับลุง" ครูพูดพลางยิ้มแบบมั่นใจที่มุมปาก ให้ลุงเคนสบายใจ พร้อมจับมือลุงและแตะเบา ๆ

"ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมจะกลับบ้านไปอาบน้ำก่อน และอาจจะพาแหล่ มานอนค้างด้วยกันที่บ้านลุง พอสะดวกไม๊ครับ เพราะแหละก็อาการแย่เหมือนกัน ผมอยากให้นอนด้วยกัน
ซะที่นี่ จะได้ไม่ห่วงหน้าพะวงหลัง ถึงเช้าผมจะได้เข้าเมืองแต่เช้าครับ"

"ได้สิครับครู ดีเลยครับ มีอะไรจะได้ช่วยกันดูแล ผมจะได้เตรียมที่ทางไว้ให้ครับ"ลุง พูดพลางยิ้มตอบอย่างอุ่นใจ

"ครับขอบคุณลุงมาก ๆ ครับ ยังไงสักพักเดี๋ยวผมจะกลับมา"

จากนั้นครูกำธรได้ยืมรถเข็น เผือว่าจะได้เข็นแหล่กลับมานอนค้างด้วยที่บ้านป้า และตอนเช้าจะได้เข้าตัวจังหวัดแต่เช้า ซึ่งรถเที่ยวเช้าสุดจะอยู่ประมาณหกโมงเช้า โดยครูกำธร
จะต้องปั่นจักรยานจากบ้านโพนสิมสักสามกิโล เพื่อออกไปรอรถที่คิวรถอีกหมู่บ้าน ซึ่งจะติดถนนหลวง ชื่อบ้านก่อ บ้านก่อจะมีที่รอรถสำหรับเดินทางเข้าอำเภอเขื่องใน ซึ่งท่ารถดังกล่าว

จะเป็นป้ายรอรถที่วิ่งมาจากต่างหมู่บ้านแล้วอาศัยโดยสารเข้าตัวอำเภอ แล้วจากนั้นรอต่อรถ บขส.เพื่อเข้าตัวจังหวัด ทุกเช้าแปดโมงครึ่ง จะมี บขส.วิ่งผ่านตัวอำเภอเข้า ตัวจังหวัด
อีกต่อสุดท้าย หรือ หากไม่มี บขส. ก็จะเป็นรถวิ่งระหว่างอำเภอ เข้าจังหวัดแทน ซึ่งเวลาไม่ค่อยแน่นอนเท่าไดนัก


ช้าหน่อยนะครับ สำหรับตอน 9 อยากเขียนนะครับ แต่พักนี้ยุ่งสักหน่อย ขออภัย
สำหรับ สมาชิกที่รอคอยครับผม ฮ่า ๆ ๆ