เกร็ดประวัติศาสตร์

[auddy228]

เกร็ดประวัติศาสตร์

เรื่องสงคราม 30 ปี (Thirty Years War)





(ภาพกองทัพของท่านดยุคแห่งเฟอเรีย (Duke of Feria) แม่ทัพแห่งสเปนที่กำลังหนีออกจากกรุงคอนสแตนซ์เมื่อปี ค.ศ.1633)


สงคราม 30 ปีที่เริ่มต้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1618 - 1648 ถือเป็นสงครามครั้งสุดท้ายและเป็นการทำลายล้างกันครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สงครามศาสนาซึ่งเกิดขึ้นในยุโรปหลัง การปฏิรูปศาสนา (Reformation)

จุดเริ่มต้นของสงครามนั้นเริ่มจากชาวโปเตสแตนท์ในโบฮีเมีย (Bohemia) ซึ่งปัจจุบันก็คือสาธารณรัฐเชค (Czech Republic) ได้ก่อกบฎขึ้นเพื่อต่อต้านพระเจ้าเฟอร์ดินานด์ที่ 2 แห่งออสเตรีย (Ferdinand II of Austria) กษัตริย์คาทอลิคแห่งดินแดนโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ (Holy Roman Emperor) ของพวกเขา

แต่การกระทำของชาวโปเตสแตนท์ในครั้งนี้กลับเป็นมากกว่าความขัดแย้งทางด้านศาสนาระหว่างนิกายโรมันคาทอลิคกับนิกายโปเตสแตนท์ เพราะได้กลายเป็นการต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจเหนือภูมิภาคยุโรประหว่างพระเจ้าเฟอร์ดินานด์ที่ 2 ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากประเทศสเปน (Spain) และบาวาเรีย (Bavaria) กับประเทศฝรั่งเศส (France) ซึ่งได้รับการช่วยเหลือจากประเทศสวีเดน (Sweden) และรัฐอื่นๆ อีกมากมายที่นับถือนิกายโปรเตสแตนท์


การโอบล้อมเมืองแมกดะเบิร์ก (Siege of Magdeburg)


(บ้านเมืองในแมกดะเบิร์กนั้นสร้างขึ้นบนชายฝั่งของแม่น้ำเอลบะ (Elbe River))


เมื่อปีค.ศ.1631 ในระหว่างสงคราม 30 ปี (Thirty Years War) เมืองแมกดะเบิร์กอันเป็นเมืองของพวกโปรเตสแตนท์ในประเทศเยอรมนี (Germany) ได้ถูกล้อมโจมตีโดยกองทัพของจักรพรรดิแห่งโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งทรงยึดมั่นในนิกายคาทอลิค กระทั่งสามารถยึดเมืองนี้ได้สำเร็จในที่สุด

กองทัพของโรมันได้ทำการปล้นเมืองและเข่นฆ่าผู้คนอย่างโหดเหี้ยม จากนั้นจึงจุดไฟเผาเมืองแห่งศาสนาเมืองนี้ ดังนั้นทั่วทั่งเมืองจึงเต็มไปด้วยกองเพลิงและพังพินาศเพราะสงครามแห่งความขัดแย้งทางศาสนานี่เอง

[auddy228]

เกร็ดประวัติศาสตร์
เรื่องสงคราม 30 ปี (Thirty Years War)

ตอนการปฏิรูปศาสนา (The Reformation)





(กองฟืนที่เตรียมไว้เผาทั้งเป็นพวกโปรเตสแตนท์ที่ยอมตายเพื่อรักษาความเชื่อของตน)


ในช่วงศตวรรษที่ 16 โบสถ์ของศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิค (Catholic) ได้เจริญขึ้นด้วยเงินที่ได้มาโดยทุจริต เช่น การเก็บภาษี การรีดไถ หรือการขายใบไถ่บาป ดังนั้น มาร์ติน ลูเธอร์ (Martin Luther) นักบวชชาวเยอรมันผู้หนึ่งซึ่งทนดูการกระทำดังกล่าวไม่ได้ จึงเริ่มเคลื่อนไหวเพื่อแก้ไขความเชื่ออย่างงมงายและทำการประท้วงเรื่องการซื้อ-ขายใบไถ่บาป

การเคลื่อนไหวทางศาสนาของเขาได้ลุกลามขยายไปเป็นการปฏิรูปศาสนาและตัวเขาเองก็ได้ตั้ง ลัทธิลูเทอร์ ขึ้นโดยสาวกที่นับถือลัทธินี้เรียกตนเองว่า ลูเทอรัน (Lutherans) แต่ต่อมาได้ตั้งชื่อใหม่ว่า นิกายโปรเตสแตนท์ (Protestant) เพื่อประท้วงศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิคที่พยายามกีดกันและจำกัดสิทธิการเผยแพร่คำสอนของพวกเขา จากนั้นในช่วงทศวรรษ 1550 ลัทธิอื่นๆ ซึ่งเป็นหนึ่งในศาสนาคริสต์นิกายโปรเตสแตนด์ (Protestantism) ก็ได้เกิดขึ้นซึ่งก็รวมถึง ลัทธิคาลวิน (Calvinism) ด้วย


การขัดแย้งทางศาสนาเหล่านี้นี่เองที่เป็นสาเหตุของสงครามทางศาสนาครั้งใหญ่หลายต่อหลายครั้งด้วยกันและทำให้ผู้บริสุทธิ์ที่ยอมตายเพื่อรักษาความเชื่อในศาสนาของตนต้องจบชีวิตลงเป็นจำนวนนับพันๆ คน





(ในปี ค.ศ.1584 ชาวคริสต์นิกายคาทอลิกคนหนึ่งได้ยิงเจ้าชายวิลเลียมแห่งออเรนจ์ (William of Orange) ผู้นำการปฏิวัติชาวดัชท์โปรแตสแตนท์)


พระเจ้าฟิลิป ที่ 2 (Phillip II) กษัตริย์ชาวคาทอลิกแห่งสเปนได้ส่งท่าน ดุ๊คแห่งอัลบา (Duke of Alba) เข้าเป็นผู้สำเร็จราชการในเนเธอร์แลนด์เมื่อ ค.ศ.1567 พร้อมด้วยคำบัญชาในการปราบปรามพวกต่อต้าน ที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายโปรแตสแตนท์

โดยท่านดุ๊คแห่งอัลบาได้นำระบบศาลศาสนาจากสเปนไปใช้ในเนเธอร์แลนด์อย่างเคร่งครัดมาก แม้แต่ผู้บริสุทธิ์บางคนก็ยังถูกกล่าวหาว่าเป็นขบถบ้าง พวกนอกศาสนาบ้างและมีการลงโทษที่โหดร้ายรุนแรง

ดังนั้นชาวดัชท์โปรแตสแตนท์จึงได้ร่วมกันก่อกบฎขึ้น แต่ก็ถูกดุ๊คแห่งอัลบาซึ่งมีนิสัยหยาบคาย ป่าเถื่อน บดขยี้กองทัพสาธารณชนด้วยการสังหารหมู่อย่างเลือดเย็น

ในขณะนั้นประเทศเนเธอร์แลนด์ภาคเหนือและภาคใต้มีความแตกต่างกันอย่างเด่นชัดทางด้านศาสนากล่าวคือ ทางเหนือนับถือโปรแตสแตนท์ลัทธิคาลวิน ส่วนทางใต้นับถือโรมันคาทอลิกอย่างสเปน

ดังนั้นแม้ว่าในตอนแรกที่ก่อกบฎทั้งสองภาคจะร่วมแรงร่วมใจกัน แต่เมื่อสถานการณ์เริ่มคลี่คลายดินแดนทางภาคใต้ก็ยินยอมอยู่ภายใต้การปกครองของสเปนเพื่อพิทักษ์ไว้ซึ่งศาสนาของพวกตน ตรงกันข้ามกับชาวดัชท์ทางภาคเหนืออีก 7 รัฐที่ได้ร่วมกันจัดตั้งสหภาพและประกาศอิสระภาพในปี ค.ศ.1581 การประกาศอิสระภาพครั้งนี้นี่เองที่เป็นจุดเริ่มต้นให้ ประเทศเนเธอร์แลนด์ แบ่งแยกออกเป็น 2 ฝ่าย