ท้องผูกเรื้อรัง :)
ท้องผูกเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในทุกเพศทุกวัย ถึงแม้ว่าจะมิใช่ปัญหารุนแรง แต่ในคนที่มีอาการเรื้อรังก็อาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและจิตใจ
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ผศ.นพ. สุเทพ กลชาญวิทย์ สาขาวิชาโรคทางเดินอาหาร ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหา วิทยาลัย กล่าวว่า การจะวินิจฉัย ว่าเป็นท้องผูกเรื้อรังหรือไม่ ต้องพิจารณาหลายปัจจัย เช่น ถ่าย อุจจาระน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ ต้องเบ่งอุจจาระมากกว่าปกติอุจจาระเป็นก้อนแข็ง รู้สึกถ่ายไม่สุด มีความรู้สึกอยากถ่ายแต่ถ่ายไม่ออกเนื่องจากมีสิ่งอุดกั้นบริเวณทวารหนัก ต้องใช้นิ้วมือช่วยในการถ่าย หากมีอาการ ดังกล่าวนี้ 2 ใน 6 ข้อถือว่ามีอาการท้องผูก ส่วนท้องผูกเรื้อรัง ภายใน 1 ปี ต้องมีอาการมากกว่า 3 เดือน ซึ่งอาจเป็น ๆ หาย ๆ หรือท้องผูกต่อเนื่องกันก็ได้
ทั้งนี้ 90% ของผู้ที่ท้องผูกมักไม่ทราบสาเหตุ ส่วนที่พอระบุสาเหตุได้คือท้องผูกเพราะต่อมไธรอยด์ทำงานน้อยกว่าปกติภาวะแคลเซี่ยมในเลือดต่ำ เป็นเบาหวาน โรคทางระบบประสาทเช่นได้รับบาดเจ็บหรือมีโรคทางสมอง ไขสันหลัง โรคพาร์กินสัน อัมพฤกษ์ อัมพาต หรือท้องผูกจากการรับประทานยาบางกลุ่ม เช่น กลุ่มยาทางจิตเวช ยาที่มีฤทธิ์ทำให้การบีบตัวของลำไส้ใหญ่น้อยลง ยากันชัก ยาลดความดันโลหิตสูง ยาแก้ปวดที่มีส่วนผสมของมอร์ฟีน ธาตุเหล็กในยาบำรุงเลือดหรืออาจมีมะเร็ง เนื้องอกในลำไส้ใหญ่หรือทวารหนัก ลำไส้ตีบ ลำไส้บิดพันกัน
กลุ่มที่ท้องผูกโดยไม่ทราบสาเหตุซึ่งมีมากถึง 90% ผศ.นพ.สุเทพ กล่าวว่า พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ในวัยสูงอายุ เป็นคนที่กินอาหารมีกากใยน้อย ออกกำลังกายน้อย ชอบกลั้นอุจจาระเวลาอยากถ่าย ในกลุ่มคนท้องผูกพบว่า 1 ใน 3 เบ่งอุจจาระไม่เป็น โดยคนที่เบ่งไม่เป็น เวลาเบ่งอุจจาระ การบีบตัวของกล้ามเนื้อหูรูดทวารหนักไม่ประสานกับการเบ่ง แทนที่หูรูดจะคลายตัว กลับบีบรัด จึงถ่ายอุจจาระด้วยความยากลำบาก แม้อุจจาระจะก้อนไม่ใหญ่และไม่แข็ง ต้องใช้เวลาเบ่งนานกว่าปกติ ปวดเบ่ง พอเบ่งมากก็เจ็บทวารหนัก ถ่ายไม่สุด ต้องใช้นิ้วช่วย คนที่แบ่งอุจจาระไม่เป็นใช้ยาระบายไม่ได้ผล บางคนกิน 20-30 เม็ดก็ไม่ได้ผล
โดยทั่วไปลำไส้จะบีบตัวทำให้คนอยากถ่ายอุจจาระวันละ 4-6 ครั้ง ส่วนใหญ่เป็นเวลาช่วงเช้า หรือหลังอาหาร เมื่อเกิดความรู้สึกอยากถ่าย ขอให้เข้าห้องน้ำ อย่ากลั้นอุจจาระ โดยเฉพาะผู้ที่ท้องผูกบ่อย ๆ ส่วนผู้ที่เบ่งอุจจาระไม่เป็น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อฝึกการเบ่งให้หูรูดทวารหนักคลายตัว นอกจากนี้ควรรับประทานอาหารที่มีเส้นใยสูงได้แก่ผัก ผลไม้ ดื่มน้ำสะอาดวันละ 6-8 แก้วก็จะช่วยได้.
ที่มา: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
Bookmarks