กิตติกาฤกษ์ฟ้า (ฉบับวัดเชียงมั่น)


กิตติกาฤกษ์ฟ้า


กิตติกาฤกษ์ฟ้า หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า กิตติกาไก่น้อย กิตติกาดาววี หรือ ดาววีไก่น้อย เป็นเรื่องที่สรุปมาจากต้นฉบับใบลานของวัดเชียงมั่น อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นฉบับที่คัดลอกโดย คันธภิกขุ วัดเชียงมั่น เมื่อ พ.ศ.2476 ซึ่งทางสถาบันวิจัยสังคมมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้นำไปถ่ายเป็นไมโครฟิล์มเอาไว้แล้ว สำหรับเนื้อหาของเรื่องโดยสรุปมีดังต่อไปนี้ คือ

ครั้งหนึ่งพระพุทธองค์ทรงแสดงพระธรรมเทศนาสั่งสอนเศรษฐีผู้หนึ่งที่กำลังเสียใจเนื่องจากภรรยาของเขาได้เสียชีวิตลงในขณะที่อายุยังน้อย พระองค์ทรงนำนิทานเรื่อง กิตติกาฤกษ์ฟ้ามาแสดง ซึ่งมีความโดยสังเขปดังนี้

มีสามีภรรยาอยู่คู่หนึ่ง ได้ปลูกกระท่อมเฝ้าไก่ ณ ริมทางซึ่งเป็นที่สัญจรไปมาของบรรดาพ่อค้าแม่ขาย วันหนึ่งมีพระเถระรูปหนึ่งได้เดินทางผ่านมาถึงกระท่อมแห่งนั้น เวลานั้นก็พลบค่ำพอดีสองสามีภรรยาจึงนิมนต์ให้พระรูปนั้นพักจำวัดค้างคืนที่ในกระท่อมของตน

ในคืนนั้นสองสามีภรรยาก็ได้ปรึกษากันว่าจะเอาสิ่งใดมาประกอบเป็นอาหารใส่บาตรแก่พระเถระในวันรุ่งขึ้น เมื่อทั้งสองนึกถึงพืชผลในไร่ก็หามีผลไม่ มีเหลือเพียงแต่แม่ไก่ตัวหนึ่งที่มีลูกน้อยอยู่ 6 ตัวเพียงเท่านั้น ดังนั้น ทั้งสองจึงตกลงกันว่าจะฆ่าไก่ตัวนั้นเพื่อที่จะนำมาใส่บาตร


แม่ไก่ซึ่งกกลูกๆ อยู่ที่ใต้ถุนกระท่อมเมื่อได้ยินว่าตนนั้นจะถูกฆ่าในวันรุ่งขึ้น ก็รู้สึกเสียใจอีกทั้งยังเกิดความรู้สึกเป็นห่วงลูกน้อยทั้ง 6 ตัว แม่ไก่จึงได้บอกกับลูกของตนว่า ตัวเองนั้นจะถูกเจ้าของฆ่าในวันรุ่งขึ้นและได้รำพึงรำพันถึงภาระที่ได้เลี้ยงดูโอบอุ้มปกป้องดูแลลูกๆ มาตั้งแต่ยังเล็กๆ นอกจากนี้แล้วก็ได้สั่งสอนให้ลูกๆ รู้จักดูแลตัวเอง แม่ไก่ได้บอกกับลูกๆ ว่าอย่าได้ประมาทและให้มีความรัก สามัคคีปรองดองกัน แม่ไก่ก็ได้พร่ำสอนลูกๆ จนรุ่งสาง

เมื่อถึงเวลารุ่งสางทางฝ่ายสามีได้จัดแจงก่อไฟ ฝ่ายภรรยานั้นก็ได้นำแม่ไก่มาฆ่า ลูกไก่ทั้งหกเมื่อเห็นว่าแม่ถูกฆ่าก็เกิดความทุกข์ทรมานใจ จึงได้ชักชวนกันกระโดดเข้าไปในกองไฟเพื่อฆ่าตัวตายด้วยกันทั้งหมด ขณะที่สิ้นใจพร้อมกันวิญญาณของแม่ไก่และลูกไก่ก็ได้ไปจุติบนฟ้าเกิดเป็นดาวกลุ่มหนึ่งมีชื่อว่า กิตติกาฤกษ์ฟ้า

ทางฝ่ายสองสามีภรรยาเห็นเช่นนั้นก็เกิดความตกใจเป็นยิ่งนักแต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำเช่นไรดี ได้แต่เอาเนื้อแม่ไก่ไปปรุงอาหารเพื่อที่จะนำไปถวายพระ เมื่อพระเถระฉันเสร็จก็ให้พรอนุโมทนา สองสามีภรรยาก็ได้อุทิศส่วนกุศลให้นานาสรรพสัตว์ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาด้วยอานิสงส์แห่งการให้ภัตตาหารเป็นทาน สองสามีภรรยาก็มั่งมีทรัพย์สินและมีบุตรด้วยกัน 1 คน แต่ผู้เป็นภรรยานั้นก็เสียชีวิตลงเมื่อตอนที่ลูกของตนนั้นยังเล็กอยู่ และเหตุการณ์อย่างนี้ก็ได้เกิดขึ้นกับสองสามีภรรยาซ้ำแล้วซ้ำอีกถึง 500 ชาติ เนื่องจากผลกรรมที่ฆ่าแม่ไก่เพื่อนำไปปรุงอาหารเพื่อเป็นทาน

เมื่อพระพุทธองค์ทรงเล่าจบ ก็ทรงชี้ให้เห็นว่าการตายจากกันนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ควรเศร้าโศกเสียใจควรสร้างกุศลด้วยการให้ทานเอาไว้มากๆ เหมือนกับสองสามีภรรยาที่ให้ทานแก่พระเถระ เมื่อเกิดในชาติใดก็เป็นผู้มั่งมีในทรัพย์สินเงินทองและเมื่อตายไปก็ได้ไปเกิดบนสวรรค์ แต่ทั้งสองก็ต้องแยกจากกันด้วยความตายของภรรยาเมื่อบุตรนั้นยังเล็กอยู่ เหตุเพราะผลกรรมที่ฆ่าแม่ไก่เพื่อใช้เป็นทานนั่นเอง เมื่อเศรษฐีได้ฟังพระธรรมเทศนาจบลงก็บรรลุโสดาบัน




กิตติกาฤกษ์ฟ้า



ที่มาข้อมูล : มูลนิธิสารานุกรมวัฒนธรรมไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ สารานุกรมวัฒนธรรมไทยภาคเหนือ เล่มที่ 1 : กรุงเทพฯ.