สะบายดีหลวงพระบางกับลูกหิน_อินเตอร์..จ้า
13 - 16 เมษายน 2552 ลูกหินได้ไปเยือนเมืองหลวงพระบางหลังจากที่ได้ชมภาพยนตร์
เรื่องสะบายดีที่หลวงพระบาง ไป 2 รอบ
จริงๆ ตอนแรกติดตามภาพยนตร์เรื่องนี้เนื่องจากมีเหตุจูงใจที่ว่า เพื่อนสมัยเรียนศิลปากรด้วยกัน
เอกเดียวกันเพิ่นเป็นผู้กำกับภาพศิลป์ของหนังเรื่องสะบายดี แต่พอได้ชม ก๋เกิดความประทับใจ
เลยได้ดู 2 รอบ ขณะดู กะคิดว่า ลูกหินสิมี โอกาสสักครั้งหนึ่งในชีวิตนี้ไหม ที่จะได้ไปเยือนเมืองหลวงพระบางกะเพิ่นบ้างหละจ้า
และแล้ว เรื่องที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ลูกหิน ได้ไปจริง จริงด้วย ขอบคุณจ้าสำหรับไมตรี ความรัก ความงดงาม
ลูกหิน ขอบันทึกการเดินทางครั้งนี้ไว้ ที่บล๊อกไดอารี เพราะเป็นความประทับใจที่จะติดตรึงกับใจไม่รู้ลืม
ลูกหินมีภาพ บางส่วนทะยอย ลงไว้บ้างแล้ว ไปครั้งนี้มีโอกาสไปกับช่างภาพคนเก่งด้วยสิ ถูกใจขนาด ::)
บ่เคยถ่ายภาพมากขนาดนี้ในชีวิต อิอิ สูงสุด 10 ม้วน ช่วงรับปริญญาตรี แต่ น้องคนที่ถ่ายให้ ทำเสียไป 7 ม้วน
เกือบหมด สมัยนั้นใช้ฟิลม์เน้อ อิอิ เหลือบ้างกะ มีแต่รูปที่ถ่ายกับท่านผู้กำกับภาพศิลป์หนังเรื่องสะบายดีที่หลวงพระบาง
นั้นหละ ท่านห่าน นอกนั้น 7 ม้วน เกลี้ยง ::) ::)
ต่อ เรื่องหลวงพระบางน้อ จ้า ลูกหินมีโอกาสไปสถานที่ท่องเที่ยว ตามในหนัง เลย ถูกใจอีหลี ไปเห็นกะจะเว้าแต่หนังที่ได้เบิ่ง
จนน้องแฮ๊ปปี้ ไกด์ แซวแล้วแซวอีก ว่าพี่หิน คือ สิ อินคัก แม่นแล้วน้องหล่า พี่หิน..อินแฮง 55+
ลองชมภาพประกอบ จ้า.. อิอิ นางแบบ หุ่นบ่ ธรรมดา ด้วยจิ อิอิ
เช้าวันที่ 13 เมษายน 2552 ฟ้าสางที่ฝั่งโขง เตรียมตัวเดินทาง นัดรถมารับทางเวียงจันทร์ 8 โมงเช้าจ้า
ดอกไม้ยามเช้า ส่วนหวานจับใจ
เส้นทางการเดินทางลูกหินได้โพสแล้วในกระทู้ จากไทยสู่เมืองหลวงพระบางของลูกหิน
http://www.baanmaha.com/community/sh...924#post274924
กระทู้ในบอร์ดมหาสงกรานต์ก็มีเด้อจ้าตักบาตรเช้า กับภาพนางสังขารหรือนางสงกรานต์
ของเมืองหลวงพระบางงามอีหลีเด้อจ้า ไผ่สนใจเชิญชมได้นะจ๊ะ
ถึงแล้วจ้าห้องพัก ที่ลูกหินพัก ณ เมืองหลวงพระบาง
อิอิ ถ่ายภาพเป็นหลักฐาน ฮอดที่พักแล้วจ้า.. นอนหนึ่งคืน พักเอาแรงเพราะเดินทาง มา 1 วันเต็มจ้า
ตามเส้นทางที่โพสไปแล้ว วันที่ 2 เตรียมลุย จ้า
อาหารเช้า วันนั้น อิอิ บ่ได้เอาภาพลงดอกจ้า ดื่มกาแฟ กินข้าวซอย โจ๊กด้วยจ้า อิอิ ... เอาแรง ๆๆ อิอิ พร้อมแล้วจ้า
สถานที่ที่ไปแห่งแรก คือ พระธาตุวิชุน
รูปทรงเหมือน บักแตงโมคว่ำ จ้า ลองเบิ่งภาพประกอบ จ้า
กราบพระขอพรแล้ว กะถ่ายภาพเป็นที่ละลึกนำจ้า
วัดที่ 2 ที่ไป วัดเชียงทอง
ข้อมูลเพิ่มเติม
วัดเชียงทอง ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของตัวเมืองหลวงพระบาง ใกล้บริเวณที่แม่น้ำคานไหลมาบรรจบกับแม่น้ำโขง มีถนนเล็กๆชื่อถนนโพธิสารราช ริมน้ำโขงคั่นอยู่ วัดเชียงทองสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2102 2103 สมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ในบรรดาวัดวาอารามทั้งหมดต้องยกให้วัดเชียงทองเป็นวัดที่สำคัญและสวยงามที่สุด และได้รับการมาเยี่ยมเยือนจากนักท่องเที่ยวมากที่สุด "นักโบราณคดียกย่องว่าวัดเชียงทองเป็นดั่งอัญมณีแห่งสถาปัตยกรรมลาว" วัดเชียงทองสร้างขึ้นก่อนหน้าที่พระเจ้าไชยเชษฐาธิราชจะย้ายเมืองหลวงไปยังนครเวียงจันทน์ไม่นานนัก และยังได้รับการอุปถัมภ์จากเจ้ามหาชาติศรีสว่างวงศ์ และเจ้ามหาชาติศรีสว่างวัฒนา กษัตริย์สองพระองค์สุดท้ายของประเทศลาว
พระอุโบสถ ภาษาลาวเรียกว่า สิม เป็นพระอุโบสถหลังไม่ใหญ่โตมากนักหลังคาพระอุโบสถมีหลังคาแอ่นโค้ง ลาดต่ำลงมาซ้อนกันอยู่สามชั้น กล่าวกันว่านี่คือศิลปะแห่งหลวงพระบาง ส่วนกลางของหลังคามีเครื่องยอดสีทองชาวลาวเรียกว่าช่อฟ้า ประกอบด้วย 17 ช่อเป็นข้อสังเกตุว่าวัดที่พระมหากษัตริย์สร้าง จะมีช่อฟ้า 17 ช่อ ส่วนคนสามัญสร้างจะมีช่อฟ้า 1- 7 ช่อเท่านั้น เชื่อว่าบริเวณช่องสี่เหลี่ยมเล็กๆตรงกลางช่อฟ้าจะมีของมีค่าบรรจุอยู่ ส่วนที่ประดับที่ยอดหน้าบันชาวลาวเรียกว่าโหง่ มีรูปร่างเป็นเศียรนาคและมีความสัมพันธ์เกี่ยวกับศาสนาพุทธ ประตูพระอุโบสถแกะสลักสวยงามเช่นเดียวกับหน้าต่างภายในพระอุโบสถมีภาพสวยงามที่ผนัง มีลักษณะลวดลายปิดทองฉลุบนพื้นรักสีดำ
ส่วนใหญ่เป็นภาพพุทธประวัติเรื่องพระสุธน มโนราห์ และเรื่องพระเจ้าสิบชาติ
พระประธาน หรือชาวลาวเรียกว่าพระองค์หลวง ภายในพระอุโบสถเป็นสีทองงดงามอร่ามตาด้านข้างพระองค์หลวงมีพระบางจำลอง และผนังด้านหลังของพระอุโบสถเป็นภาพที่เกิดจากการใช้กระจกสีตัด ติดต่อกันเป็นรูปต้นทองขนาดใหญ่ ซึ่งเคยมีในเมืองหลวงพระบางลักษณะคล้ายต้นโพธิ์ ด้านข้างต้นทองเป็นรูปสัตว์ในวรรคดี
ยามใดที่แสงแดดสดส่องสะท้อนดูงดงาม
วิหารน้อย ด้านข้างและด้านหลังของพระอุโบสถเป็นที่ตั้งของวิหารสองหลังนี้ จุดเด่นของวิหารนี้คือผนังด้านนอกมีการตกแต่งด้วยกระจกสี ตัดเป็นชิ้นเล็กๆและนำมาต่อเป็นรูปต่างๆเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับนิทานพื้นบ้าน บนพื้นสีชมพู ภายในวิหารเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางไสยาสน์ พระพุทธรูปนี้เคยถูกนำไปจักแสดงที่กรุงปารีส ในปี พ.ศ. 2474 และนำไปประดิษฐานที่นครเวียงจันทน์หลายสิบปี
ก่อนจะนำมายังหลวงพระบางในปี พ.ศ.2507
ส่วนวิหารอีกหลังที่อยู่ด้านหลังพระอุโบสถคือ วิหารพระม่าน ผนังวิหารด้านนอกมีลักษณะคล้ายกับวิหารองค์แรก ภายในวิหารนี้ประดิษฐาน พระม่าน วันปกติถ้าจะเบิ่ง ต้องเบิ่งตรงรู เพิ่นมีให้เบิ่งจ้า (ไกด์เรียกว่าพระมาร ปกติจะไม่นำออกมาเลยจ้าพระรูปนี้นำออกมาวันเดียวคือวันสงกรานต์ เพราะเชื่อว่าถ้านำออกมาจะเกิดดินฟ้าแปรปรวนจ้า) ในช่วงวันขึ้นปีใหม่ชาวลาวจะมีการอันเชิญมาให้ประชาชนสรงน้ำและกราบไหว้เป็นประจำทุกปี ผนังด้านหลังวิหารทาด้วยสีชมพูประดับด้วยกระจกสีแสดงถึงวิถีชีวิตของผู้คน
สร้างขึ้นใน พ.ศ.2493 เพื่อเฉลิมฉลองที่โลกก้าวสู่ยุคกึ่งพระพุทธกาล
ด้านหลังของวิหารพระม่านจะเป็นพระธาตุศรีสว่างวงศ์ ซึ่งเป็นที่เก็บอัฐิของเจ้ามหาศรีสว่างวงศ์และด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ เป็นโขงเรือใกล้กับริมแม่น้ำโขง
ส่วนด้านหน้าพระอุโบสถเป็นที่ตั้งหอกลองมีลวดลายลงรักปิดทองสวยงาม
โรงเมี้ยนโกศ หรือโรงเก็บราชรถพระโกศของเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวัฒนา สร้างขึ้นในปีพ.ศ. 2505 ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของวัด ลักษณะเป็นโถงกว้าง ผนังด้านหน้าตั้งแต่หน้าบันลงมาจนถึงพื้นสามารถถอดออกได้เพื่อให้สามารถเคลื่อนราชรถออกมาได้
กลางโรงเมี้ยนโกศเป็นที่ตั้งราชรถไม้แกะสลักปิดทองคำเปลวรอบคัน มีพระโกศสามองค์ตรงกลางเป็นองค์ใหญ่ของเจ้าสว่างศรีวัฒนา ด้านหลังเป็นของพระราชมารดา ส่วนด้านหน้าเป็นของพระเจ้าอา โรงเก็บราชรถนี้ออกแบบโดยเจ้ามณีวงศ์ และใช้ช่างชาวหลวงพระบางชื่อ เพียตัน นับว่าเป็นช่างฝีมือดีประจำพระองค์
มีความชำนาญทั้งด้านงานเขียนและงานแกะสลัก
จุดเด่นของโรงเมี้ยนโกศยังอยู่ที่ประตูด้านนอกคือเป็นภาพแกะสลักวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์ตอนสำคัญๆ เช่น ตอนพิเภกกำลังบอกความลับที่ซ่อนหัวใจของทศกัณฑ์ให้กับพระราม ถัดลงมาเป็นตอนที่ทศกัณฑ์ต้องศรของพระรามเสียบเข้าที่หัวใจ ถัดลงมาเป็นตอนที่พระรามพระลักษณ์ต่อสู้กับทศกัณฑ์ ด้านล่างสุดเป็นตอนที่นางสีดาลุยไฟเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์กับพระราม เดิมที่ภาพแกะสลักเหล่านี้เป็นการลงรักปิดทอง
ต่อมาได้มีการบูรณะใหม่โดยทาสีทอง ภายในวัดยังมีเขตสังฆาวาสและยังมีพระจำพรรษาอยู่เช่นวัดทั่วไป
สถานที่ตั้ง อยู่ใจกลางเมืองหลวงพระบาง
พระปาง ประจำวันจันทร์ อยู่ที่วัดเชียงทอง นี้จ้า ลูกหิน กราบขอพร แล้วจ้า
นี้หละจ้า หอประดิษฐ์ฐานพระมาร หรือพระม่าน ปกติจะ บ่ นำออกมาเลยจ้า หอพระแห่งนี้สวยงามมากจ้า สีชมพู สวยอีหลี
เจอสาวจากออสเตรเลีย จ้า น่ารัก อดใจไว้บ่อยู่ ต้องขอถ่ายภาพคู่ จ้า อิอิ เต็ม ๆ
อิอิ ชมภาพไป กะ อย่าพึ่งเบื่อนางแบบ เด้อ จ้า สวยนิสสสนึง อิอิ
อิอิ เกือบ ลืม ยก นิ้ว เอกลักษณ์ต้องมี จ้า
งานแกะสลักวิจิตร อลังกาลมากจ้า
นางสีดา ลุยไฟ งามจับตา
ชมแล้วพร้อมเดินทางต่อจ้า
ลูกหิน ยังมีสถานที่ที่น่าประทับใจอีกหลายแห่ง เช่นไปนมัสการพระที่ถ้ำติ่งกลางลำน้ำโขงจ้า จะทะยอยลงให้ชมเด้อ จ้า
อย่าพึ่งเบื่อก่อนนะจ๊ะ
ขอบคุณช่างภาพน่ารักใจดี จ้า
ณ มุมหนึ่งของอีสานใต้
บันทึกไว้ด้วยใจคิดฮอดหลวงพระบาง
21 เมษายน 2552
ลูกหิน..คนไกลๆ
Bookmarks