กำลังแสดงผล 1 ถึง 3 จากทั้งหมด 3

หัวข้อ: ?เมาแล้วขับ? ถูกปรับ 3.8 ล.บาท ที่นอร์เวย์

  1. #1
    ดูแลตรวจสอบเนื้อหา สัญลักษณ์ของ ต้นข้าว
    วันที่สมัคร
    Dec 2007
    กระทู้
    588

    ?เมาแล้วขับ? ถูกปรับ 3.8 ล.บาท ที่นอร์เวย์

    บทลงโทษที่เมืองไทยน่านำมาปรับใช้


    ?เมาแล้วขับ? ถูกปรับ 3.8 ล.บาท ที่นอร์เวย์



    เรื่องเมาแล้วขับรถยนต์ในประเทศที่เจริญแล้วนั้นเขาถือเป็นเรื่องใหญ่ขนาดคอขาดบาดตายเชียวนะ ไม่เหมือนประเทศไทยเราที่รัฐบาลถือเป็นเรื่องเล่นๆ ออกมาตรการป้องกันแบบกล้าๆ กลัวๆ ดูพิกล จึงเกิดเป็นโศกนาฏกรรมประจำวันอันน่าสลดใจ และหนักหนาสาหัสในหน้าเทศกาลสงกรานต์ของทุกปี อันเป็นผลให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ต้องตายและพิการเป็นจำนวนมากทุกปี จากอุบัติเหตุของพวกเมาแล้วขับแบบที่เห็นๆ กันอยู่ทุกวันเป็นที่เย้ยหยันของวิญญูชนทั่วไป



    ยกตัวอย่างที่ประเทศนอร์เวย์ (นอร์เวย์เป็นประเทศที่ตั้งอยู่ตอนเหนือสุดของคาบสมุทรสแกนดิเนเวีย ที่อยู่ทางเหนือของทวีปยุโรป นอร์เวย์ จัดว่าเป็นประเทศที่เพิ่งเกิดใหม่โดยการลงประชามติแยกตัวออกจากราชอาณาจักรสวีเดนเมื่อ พ.ศ.2448 นี่เอง คนไทยเรารู้จักนอร์เวย์ในนามของ "ดินแดนแห่งพระอาทิตย์เที่ยงคืน")



    เมื่อวันอังคารที่ 12 พฤษภาคม 2552 นี้เอง ศาลเมืองคริสเตียนแลนด์อยู่ทางทิศใต้ของนอร์เวย์ได้พิพากษา ปรับชายชาวนอร์เวย์ผู้หนึ่ง อายุ 49 ปีเป็นเงิน 700,000 โครเนอร์ คิดเป็นเงินไทยประมาณ สามล้านแปดแสนหนึ่งหมื่นห้าพันบาท (3,815,000 บาท) จากความผิดที่เมาแล้วขับรถยนต์ของเขาออกจากที่จอดรถไปได้ ไม่ถึง 1 กิโลเมตรก็ถูกตำรวจจับและวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดได้ 0.188% ซึ่งตามกฎหมายนอร์เวย์ต้องไม่เกิน 0.02% (กฎหมายไทยกำหนดไว้ที่ 0.05%)



    กฎหมายไทยอนุญาตให้คนดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ (เหล้า) 1 แก้วมาตรฐานซึ่งโดยเฉลี่ยผู้ดื่มจะมีแอลกอฮอล์ในเลือดไม่ถึง 0.05% (50 mg/100 ml) แต่ที่นอร์เวย์นั้นดื่มแก้วเดียวก็ไม่ได้ แต่คนนอร์เวย์ที่ถูกจับและปรับเป็นล้านบาทคนนี้หากใช้มาตรฐานไทยก็เสร็จเหมือนกัน



    ศาลของประเทศนอร์เวย์นี้เขาใช้หลักการตัดสินปรับคนผิดนี่ตามรายได้และทรัพย์สินของจำเลย ซึ่งนายคนเมาชาวนอร์เวย์ผู้นี้มีรายได้ 751,769 โครเนอร์ (สี่ล้านเก้าหมื่นห้าพันบาท) ต่อปีและมีทรัพย์สินรวม 228 ล้านโครเนอร์ (หนึ่งพันสามร้อยหกสิบเอ็ดล้านบาท) ดังนั้นคนรวยก็โดนหนักหน่อยแต่ก็ไม่มากนักเพราะว่าไปแล้วค่าปรับที่แสนแพงก็ยังมีมูลค่าไม่ถึง 1% ของทรัพย์สินทั้งหมด



    อ้อ! นอกจากนี้นายคนนี้ยังโดนยึดใบขับขี่เป็นเวลา 2 ปี 3 เดือน หมายความว่าเขาจะขับรถไม่ได้เลยภายในระยะเวลานี้ ตรงนี้แหละที่เจ็บปวด! เพราะการมีรถดีๆ แพงๆ แต่ต้องให้คนอื่นขับให้ แถมยังต้องจ่ายเงินให้คนที่มาขับรถของตัวเองอีก



    (นี่ผู้เขียนควักหัวใจของเจ้าของรถราคาแพงระยับออกมาพูดกันเลยนะ เพราะว่าความสุขของการควบคุมบังคับรถด้วยตัวเองที่มีความรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับรถราคาแพงเหลือหลายนั้นเป็นความรู้สึกที่พึงปรารถนาที่สุดของ (ผู้ชาย) คนที่มีรถจริงๆ นะ)



    หลักการของกฎหมายนอร์เวย์ในกรณีการลงโทษเมาแล้วขับนี้เรียกง่ายๆ ว่า "การลงโทษตามสัดส่วนของความผิด (Proportional punishment)" แบบว่าการลงโทษนี้คำนึงถึงความสะใจของผู้เสียหายด้วย ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมากต่อความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงต่อสังคม ดังจะยกตัวอย่างสมมุติให้ท่านผู้อ่านเห็นได้ชัดๆ เช่น หากมีชายคนหนึ่งข่มขืนภรรยาที่ตั้งครรภ์ 3 เดือนของชายอีกคนหนึ่งที่เพิ่งแต่งงานกันแล้วฆ่าผู้หญิงเสีย ชายคนร้ายถูกจับได้และถูกพิพากษาให้จำคุก 2 ปีเท่านั้น



    เมื่อครบสองปีแล้ว ผู้ที่มาคอยดักฆ่านักโทษที่เพิ่งจะพ้นโทษที่หน้าประตูคุก ก็คงจะเป็นสามีของหญิงท้องที่ถูกข่มขืนแล้วฆ่าอย่างแน่นอน เพราะเขารู้สึกไม่สะใจกับการลงโทษโดยศาลยุติธรรมเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นเขาจึงต้องล้างแค้นเอาเอง ซึ่งเมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้แล้วสังคมก็คงหาความสงบสุขไม่ได้เพราะในสังคมนั้นย่อมต้องมีแต่การล้างแค้นกันเองอยู่ร่ำไป



    หลักการของกฎหมายที่มีบทลงโทษโดยคำนึงถึง proportional punishment นี้ ปัจจุบันนิยมเรียกว่า ทฤษฎีชดใช้ความผิด (Retributive justice) ความจริงก็เป็นเรื่องที่ยึดถือเป็นหลักการของจริยธรรมทางกฎหมายทั่วโลกมาแต่โบราณแล้ว คือ "Let the punishment fit the crime. แปลว่า ลงโทษให้เหมาะสมกับความผิด" ดูได้จากประมวลกฎหมายฮัมมูราบีที่เป็นประมวลกฎหมายที่เก่าแก่ที่สุดของอาณาจักรบาบิโลเนียที่ใช้หลักการลงโทษแบบ "ตาต่อตา ฟันต่อฟัน"



    นอกจากนี้ นักปรัชญาผู้ยิ่งใหญ่แห่งศตวรรษที่ 19 อิมมานูเอล ค้านท์ เขียนไว้ในหนังสือ The Metaphysical Element of Justice เป็นการยืนยันทฤษฎี ทฤษฎีชดใช้ความผิด (Retributive justice) ว่า



    "Judicial punishment can never be used merely as a means to promote some other good for the criminal himself or for civil society, but instead it must in all cases be imposed on him only on the ground that he has committed a crime."



    ในปัจจุบันเกิดมีการศึกษาเล่าเรียนทาง "การบริหารงานยุติธรรม" กันมาก โดยเฉพาะที่สหรัฐอเมริกาเรียกว่าวิชา Criminal Justice พวกตำรวจไทยไปเรียนกันเยอะเลยมีทฤษฎีอะไรต่อมิอะไรงอกออกมากันให้วุ่นวายเพื่อที่จะเอามาใช้แทนที่ทฤษฎี ชดใช้ความผิด



    อาทิ ทฤษฎีป้องปรามความผิด (Deterrence) ทฤษฎีแยกผู้กระทำความผิดออกไปจากสังคม (Incapacitation) ทฤษฎีดัดนิสัย (Reformation) และที่เมืองไทยยังไม่ได้เคยเอามาทดลองใช้อย่างจริงจังเห็นจะเป็นทฤษฎีการกักกันไว้ในโรงพยาบาลโรคจิต (Psychiatric imprisonment) ยกเว้นกรณีของผู้หญิงประสาทไม่ดีคนหนึ่งที่ไปไล่แทงนักเรียนโรงเรียนเซนต์โยเซฟ คอนแวนต์ กรณีเดียวกระมัง











    ที่มา: หนังสือพิมพ์มติชน

  2. #2
    โดนมาแล้วจ้า เมื่อสองปีที่ผ่านมา
    แค่ขับเร็วเกินอัตรา
    โดนปรับ 8000 โครเนอร์ (48000 บาท)
    และโดนยึดใบขับขี่เป็นเวลาสามเดือน
    เข็ดบักอย่างคักเลยขะน้อย
    =>> เดินทางบ่สุดเส้น อย่าถอยหลังให้เขาเหยียบ ตายขอให้ตายหน้าพุ้นเขาสิเอิ้นว่าหาญ <<=

  3. #3
    แบ่งปันความรู้และประสบการณ์ สัญลักษณ์ของ security182
    วันที่สมัคร
    Jun 2009
    ที่อยู่
    ประเทศไทย
    กระทู้
    140
    ป้าด ที่ไทยบ่มีให้ปรับปานนั้นเนาะครับ
    3 ล้านกว่า ถ้าแม่นยามก็จะจอดรถให้ตำรวจเอาไปขายเอาโลดละ (เว้าเล่นเด้อครับ)
    ขอบคุณครับสำหรับข้อมูล ตปท.

กฎการส่งข้อความ

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •