กำลังแสดงผล 1 ถึง 7 จากทั้งหมด 7

หัวข้อ: ทำบุญล้างบาปได้หรือไม่

  1. #1
    ดูแลตรวจสอบเนื้อหา สัญลักษณ์ของ ต้นข้าว
    วันที่สมัคร
    Dec 2007
    กระทู้
    588

    ทำบุญล้างบาปได้หรือไม่


    ทำบุญล้างบาปได้หรือไม่


    พระองคุลิมาลล้างบาปได้อย่างไร

    ถาม... ทำบุญล้างบาปได้หรือไม่

    ตอบ กรรมลบล้างไม่ได้ แต่หลีกหนีผลกรรมได้ (ดูรายละเอียดในพระไตรปิฎก ฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เล่มที่ ๑๔ หน้า ๑๑) อดีตล่วงพ้นไปแล้ว การกระทำทุกอย่างที่กระทำไปด้วยเจตนา ไม่ว่าจะชั่วหรือดีก็ตาม ก็เป็นอันได้กระทำไปแล้ว และผลกรรมนั้นจะต้องย้อนกลับมาหาตัวผู้กระทำในที่สุด แต่เวลาที่กรรมให้ผลนั้นไม่แน่นอนว่าจะช้าหรือเร็ว จะเป็นปัจจุบันหรืออนาคต ถ้าหากกรรมที่ได้กระทำก่อนหน้านั้นยังให้ผลไม่หมด หรือกรรมที่กระทำในปัจจุบัน มีวิบากแรงกว่าก็จะทำให้กรรมนั้นมีผลช้า เมื่อเป็นเช่นนี้หนทางที่จะหลีกหนีผลกรรมก็พอมีทาง (ดูรายละเอียดใน พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๓ หน้า ๗๙)

    ซึ่งขึ้นอยู่กับความสามารถของผู้กระทำเองว่า มีฝีเท้าในการหลีกหนีมากน้อยแค่ไหน มีเส้นชัยอยู่ที่อนุปาทิเสสนิพพาน (ดับขันธปรินิพพาน) ถ้าในระหว่างนี้เขามุ่งมั่นทำเฉพาะบุญกุศลอบรมสติปัญญาให้ปราดเปรื่องอยู่ตลอดเวลา จนถึงขณะจิตสุดท้าย หลังตายก็จะไปเกิดในภพดีๆ ได้ และหากเขาทำได้เช่นนี้ทุกภพทุกชาติ ไม่มัวหลงระเริงกับความสุขเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดขึ้นชั่วครั้งชั่วคราว อันเป็นผลพลอยได้จากการเร่งทำบุญ เขาก็มีโอกาสเข้าถึงเส้นชัยได้ก่อนที่บาปจะตามมาทัน

    เปรียบเหมือน โจรผู้ร้ายที่ได้ก่อคดีอาญาไว้ แล้วหลบหนีการจับกุมได้ตลอด ๒๐ ปี มีความสามารถในการหลบหลีกเจ้าหน้าที่ตำรวจ เมื่ออายุความครบ ๒๐ ปี คดีความก็เป็นอันหมดอายุไป กฎหมายไม่อาจลงโทษเขาได้อีกต่อไป บาปที่เราทำไว้ก็เช่นกัน หากเราเข้าถึงอนุปาทิเสสนิพพานได้แล้ว ก็ไม่อาจตามมาให้ผลได้อีกต่อไป (ดูรายละเอียดในพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๔ ข้อ ๒๑๙ หน้า ๓๖๕) แต่โดยมากยากที่จะเป็นเช่นนั้น มักถูกวิบากกรรมตามมาทันเสียก่อน หลายคนหลายท่านพยายามวิ่งหนีเอาจิต รอดสุดชีวิต ต้องถึงกับผ้าผ่อนหลุดลุ่ยกว่าจะเข้าถึงอนุปาทิเสสนิพพาน เข้าสู่ที่ปลอดภัยได้

    ตัวอย่างเช่น พระองคุลีมาลเถระ กว่าท่านจะฟันฝ่าอุปสัคเข้าสู่เส้นชัยได้ ถูกกรรมเก่าไล่กวดจับจวนเจียนจะทันอยู่แล้ว หรืออาจจะถูกกรรมเก่าจับติดชายผ้านุ่งแล้ว แต่ท่านก็ยังพยายามดิ้นรนเต็มที่ ถึงกับถอดผ้านุ่งออกแล้ววิ่งล่อนจ้อนต่อไป จนเข้าสู่เส้นชัยจนได้ เมื่อเข้าสู่เส้นชัยแล้ววิปากกรรมก็มิอาจส่งผลได้อีก ไม่ต้องชดใช้กรรมใดๆ อีก ต่อไป (ดูรายละเอียดใน พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๑ ข้อ ๒๓๔ หน้า ๓๙๗) กรรมที่เคยทำไว้จะกลายเป็นอโหสิกรรมไป (ดูรายละเอียดในคัมภีร์อภิธรรมัตถสังคหะ ปริจเฉทที่ ๕ เรื่องกัมมจตุกกะ)

    คัมภีร์มโนรถปูรณี อรรถกถาอังคุตรนิกาย เอกกติกนิบาต หน้า ๑๓๒ อธิบายว่า ในเวลาที่กุศลกรรมให้ผล อกุศลกรรมอย่างหนึ่งจะตั้งขึ้นตัดรอนกรรมนั้นให้ตกไป ถึงในเวลาที่อกุศลกรรมให้ผลกุศลกรรมอย่างหนึ่ง ก็จะตั้งขึ้นตัดรอนกรรมนั้นแล้วให้ตกไป นี้ชื่อว่าอุปัจเฉทกกรรม ในบรรดาอุปัจเฉทกกรรมที่เป็นกุศล และอกุศล กรรมของพระองคุลิมาลเถระได้เป็นกรรมตัดรอนอกุศล


    พระมหาเถระอีกรูปหนึ่ง ท่านมีบุญบารมีมากกว่าพระองคุลีมาลหลายเท่านัก และทั้งที่สามารถเข้าถึงสอุปาทิเสสนิพพานได้แล้ว แต่ท่านก็ยังถูกกรรมเก่าตามมาทันจนได้ ท่านผู้นั้น คือ พระมหาโมคคัลลานะ (ดูรายละเอียดในพระไตรปิฎกเล่มที่ ๓๒ ข้อ ๖๐ หน้า ๓๙๐) ผู้อัครสาวกเบื้องซ้ายขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่กรรมของท่านมีพลังอำนาจถึงเพียงนี้ เนื่องจากในชาติก่อนท่านได้ฆ่าพ่อแม่ของตนเอง ซึ่งเป็นหนึ่งในอนันตริยกรรม ๕ ประการที่จัดว่าเป็นกรรมชั่วที่หนักที่สุด กรรมที่ท่านได้ทำนั้นส่งผลให้ท่านแทบเอาจิตไม่รอดทั้งๆ ที่ท่านสั่งสมบุญกุศลมาเป็นจำนวนมหาศาลถึงขนาดที่สามารถส่งท่านเข้าสู่พระนิพพานได้ แต่ถึงกระนั้นก็ยังต้านแรงบาปแทบไม่ไหว ท่านเข้าสู่สอุปาทิเสสนิพพานได้แล้วกรรมก็ยังตามมารังควาญอยู่ คือ ทั้งที่ท่านบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์แล้ว ได้รับสรรเสริญจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า เป็นผู้มีฤทธิ์กว่าพระอรหันต์ทั้งปวงก็ยังถูกพวกโจรทำร้ายทุบตีร่างกายจนแหลกละเอียด เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แต่ก็ยังดีที่บาปตามมาทันขณะที่ท่านก้าวเข้าสู่เส้นชัยได้ครึ่งตัวแล้ว จึงทำให้ผลกรรมย่ำยีท่านได้แต่ร่างกายเท่านั้น ไม่อาจทำให้จิตท่านหวั่นไหวได้

    พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ?บัณฑิตทั้งหลาย เรียกบุคคลผู้เป็นมุนีทางกายเป็นมุนีทางวาจา เป็นมุนีทางใจ ผู้ไม่มีอาสวะว่า เป็นมุนีผู้สมบูรณ์ด้วยโมเนยยธรรม ล้างบาปได้แล้ว? (ดูรายละเอียดใน คัมภีร์พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๙ หน้า ๗๐)


    โดย.. พระมหาประเสริฐ มนฺตเสวี
    montasavi_@hotmail.com
    ที่มา เวปพลังจิตดอทคอม

  2. #2
    ฝ่ายบริหารระดับสูง สัญลักษณ์ของ พล พระยาแล
    วันที่สมัคร
    Mar 2008
    กระทู้
    6,430
    การทำบุญล้างบาป เป็นการแก้ที่ปลายเหตุครับ

    การไม่ทำบาปทั้งปวง ทำให้เราทำบุญเพื่อการทำบุญโดยแท้

    ขออนุโมทนา สำหรับกระทู้นี้ครับผม สาธุ สาธุ สาธุ

  3. #3
    แบ่งปันความรู้และประสบการณ์ สัญลักษณ์ของ กิตติ
    วันที่สมัคร
    Aug 2008
    กระทู้
    58
    ผม ว่าการล้างบาปทางพุทธเราทำไม่ได้ครับ แต่พุทธเรามีการเจือบาปคือไม่ทำให้บาปเกิดผล คือการทำบุญมากๆ ครับผลบุญจะทับบาปไว้ไม่ให้บาปเกิดขึ้น เหมือนกับเรามีน้ำหนึ่งแก้วมีเกลือครึ่งแก้วท่าเราเติมเกลือลงไปเกลือสเหมือนบาป น้ำเหมือนบุญ ท่าเติมเกลือน้ำก็จะเค็ม แต่ท่าเติมน้ำลงไปความเค็มก็จะลดลงนี้คือการเจือบาปครับผม

  4. #4
    ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านมหา
    Mr.Reception
    สัญลักษณ์ของ คนตระการ...
    วันที่สมัคร
    Feb 2008
    กระทู้
    4,209
    กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ พล พระยาแล
    การทำบุญล้างบาป เป็นการแก้ที่ปลายเหตุครับ

    การไม่ทำบาปทั้งปวง ทำให้เราทำบุญเพื่อการทำบุญโดยแท้

    ขออนุโมทนา สำหรับกระทู้นี้ครับผม สาธุ สาธุ สาธุ
    สาธู .....กะยังดีกว่าบ่อเฮ็ดเลยเด๊ท่าน....เฮ็ดแล้วกะสิสำบายใจขึ้นมาแน่กว่าเก่า

  5. #5
    ลานบุญ
    Guest
    ถ้ารู้ว่าบาปยังทำคนนั้นบาปหนัก แต่ถ้าไม่รู้ว่าบาปแล้วทำแตเลิกทำคนนั้นได้บุญ
    สาธุเด้อจ้า......สาธุ

  6. #6
    ร่วมกิจกรรมนำความรู้ สัญลักษณ์ของ เซียนเมา
    วันที่สมัคร
    Jun 2009
    ที่อยู่
    Suratthani
    กระทู้
    1,450

    เรื่องฮิตน่าอ่าน

    การทำบุญล้างบาป ถึงแม้ว่าเป็นการแก้ที่ปลายเหตุ แต่อย่างน้อยคนที่คิดทำบุญเพื่อล้างบาปแสดงว่าเขายังมีจิตสำนึก แยกออกระหว่าง บุญกับบาป ถึงแม้จะล้างใด้หรือไม่ก็ยังดีที่เขาคิดทำบุญ ธุจ้าธุจ้าธุจ้า

  7. #7
    Maximum learning
    ศิลปิน นักเขียน
    สัญลักษณ์ของ khonsurin
    วันที่สมัคร
    Apr 2008
    ที่อยู่
    ท่าตูม สุรินทร์
    กระทู้
    8,063
    บล็อก
    197
    คิดว่าบุญก็เป็นบุญ บาปก็คือบาป

    ทุกอย่างอยู่ที่ใจค่ะ



    *********************************


    อิสระ เสรี เสมอภาค




    *********************************

กฎการส่งข้อความ

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •