พบคนไทยชอบใช้ชีวิต 'โสด' เพียบ
.....เพราะคนตั้งกระทู้ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ชอบชีวิตอิสระ....เลยหยิบยกมาฝากจ้า
เมื่อวันที่ 1 ก.ค.52 ที่ รร.รอยัลริเวอร์ สถาบันวิจัยประชากรและสังคม (วปส.) ม.มหิดล ร่วมกับ กองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติ
มูลนิธิเครือข่ายครอบครัวและแผนงานสุขภาวะครอบครัว สำนักงานกองทุนสนับสนุน
การสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดประชุมวิชาการระดับชาติครั้งที่ 5 ประชากรและ
สังคม 2552 เรื่อง "ครอบครัวไทย ในสถานการณ์เปลี่ยนผ่านทางสังคมและประชากร"
โดย ศ.นพ.วิจารณ์ พานิชนายกสภามหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า จากการศึกษา
ข้อมูลรายงานประชากรและสังคม 2552 ที่ วปส. จัดทำ พบข้อมูลน่าสนใจหลาย
ประเด็น โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงของครอบครัวไทยที่ครอบครัวพ่อหรือแม่เลี้ยงเดี่ยวมี
แนวโน้มมากขึ้น รวมถึงครอบครัวเพศเดียวกันซึ่งสังคมไทยเปิดกว้างมากขึ้น ครอบครัว
บุตรธรรม ครอบครัวผู้สูงอายุครอบครัวที่มีผู้สูงอายุและเด็ก ต่างมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น
ทั้งยังพบครอบครัวที่เด็กกำพร้าอาศัยอยู่กันตามลำพังมีถึงร้อยละ 8 ของครอบครัวจาก
การสำรวจ ซึ่งมาจากการที่บิดามารดาเสียชีวิต ประเด็นนี้ควรศึกษาเชิงลึกว่าเด็กกำพร้า
เหล่านี้
อยู่กันอย่างไร
ส่วนพฤติกรรมครอบครัวจะพบการแต่งงานเมื่อสูงอายุขึ้น ครองโสดมากขึ้น
รูปแบบการแต่งงานเปลี่ยนไป มีการแต่งงานข้ามพรมแดนสิ่งที่ควรจะเอาใจใส่ในทุก
ครอบครัวคือทำอย่างไรให้ครอบครัวมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นมากขึ้น
ศ.ดร.ปราโมทย์ ประสาทกุล อาจารย์ประจำ วปส. กล่าวว่า จากสถิติการจด
ทะเบียนสมรส ชี้ชัดว่าการแต่งงานของคนรุ่นใหม่มีแนวโน้มลดลงหรือช่วงวัยทำงานอายุ
25 - 41 ปี เวลานี้จะอยู่เป็นโสดมากกว่าคนรุ่นก่อนที่อายุราว 73 ปีขึ้นไป และถ้าแต่ง
งานก็มีลูกน้อยกว่าคนรุ่นก่อนถึง 3 เท่าตัว ขณะที่ครอบครัวมีขนาดเล็กลง คือ อยู่คนเดียว
หรืออยู่เฉพาะพ่อแม่ลูกมากขึ้น และพบร้อยละ12 ของครัวเรือนไทยยังยากจน มากที่สุด
ที่อีสานสูงถึงร้อยละ 23
ยังพบอีกว่า 1.3 ล้านครอบครัวจากจำนวนทั้งหมด 20 ล้านครอบครัวเป็นครอบ
ครัวเลี้ยงเดี่ยว สาเหตุมาจากการสิ้นสุดชีวิตคู่ใน 4 รูปแบบคือ การละทิ้ง การแยกทาง
การหย่าร้าง และการเสียชีวิตของคู่สมรส ซึ่งการหย่าร้างเป็นตัวชี้วัดหนึ่งของการเพิ่มขึ้น
ของครอบครัวเลี้ยงเดี่ยว ดังสถิติการหย่าที่เพิ่มขึ้นถึง 2 เท่าจากประมาณเกือบ 5 หมื่นคู่
ในปี 2536 เพิ่มเป็น 1 แสนคู่ในปี 2550 และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงการไม่จด
ทะเบียนสมรสก็มีเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน
ที่มา: หนังสือพิมพ์ASTV ผู้จัดการ
Bookmarks