ช่วงนี้ฝนตกริน ( ปรอย ๆ ) เกือบทุกวัน ได้พูดคุยกับญาติพี่น้องที่ทำนา ทุกคนบอกว่าปีนี้ฝนฟ้าดีเหลือเกิน ได้ลงนาปักดำกันทุกคน หากภูมิอากาศไม่แปรปรวน ( เช่น ฝนทิ้งช่วง หรือน้ำหลากนอกฤดู ซึ่งมักเกิดขึ้นบ่อย ๆ ) ปีนี้น่าจะได้ข้าวได้ปลากันถ้วนหน้า ฟังแล้วก็ได้แต่ภาวนาเอาใจช่วยพี่น้องผู้ทำไร่ ทำนา

เห็นท้องทุ่งเขียวขจีด้วยต้นข้าว และฝนตกปรอยๆ แล้วก็อดรำลึกนึกถึงสมัยเมื่อยังอยู่ลุยในท้องทุ่งเหลือเกิน สมัยเมื่อยังเป็นเด็กน้อย หน้าที่หลัก (ซึ่งไม่มีการมอบหมายเป็นลายลักษณ์อักษร) ของผมคือเลี้ยงควายครับ ที่บ้านผมมีควาย อยู่ 2 ตัว เป็นตัวเมียทั้งคู่ ซึ่งผมจะถูกเพื่อนๆ ล้อเสมอว่าเลี้ยงควายตัวเมีย ซึ่งผมเองก็อายเหมือนกัน เคยถามพ่อว่า ทำไมไม่ซื้อความตัวผู้ บักเถิ๊ก ตัวใหญ่ เขากาง (เหมือนเพื่อนๆ ของผม) พ่อบอกว่าควายตัวผู้มีลูกไม่ได้ ซ้ำยังมักไล่ขวิด ไล่ชน ควายตัวอื่นอีก ดีไม่ดีไปชนควายตัวอื่น เขาหลุด เขาหัก ก็จะโดนปรับโดนไหมอีก แต่ควายตัวเมียให้ลูกปีละตัว อันไหนดีกว่ากัน หลังจากนั้นผมก็ไม่คิดอยากเลี้ยงควายตัวผู้อีกเลย

หลังจากทุกคนลงนา ปักดำกันแล้ว พื้นที่การเลี้ยงควายก็จะน้อยลง หรือแทบไม่มีเลย การเลี้ยงควายยามนี้ จึงเป็นเรื่องลำบากพอดู ส่วนมากก็จะผูกล่ามไว้ตามหัวไร่ปลายนาหรือริมทาง แล้วก็เกี่ยวหญ้ามาให้ควายกิน ซึ่งวิธีนี้ค่อนข้างน่าสงสารควาย เนื่องจากจะถูกมัดล่ามไว้ที่เดิมในที่อันจำกัด และเจ้าของควายก็เอาหญ้ามาให้กินประมาณวันละ 2 ครั้ง คือช่วงสายๆ (เกือบเพล) ครั้งหนึ่ง และช่วงบ่าย ๆ (ช่วงละครวิทยุของคณะเกศทิพย์หรือละครสยาม81) อีกครั้งหนึ่ง หรือหากใครขยันหน่อย ก็จะเอาหญ้าให้ควายอีกครั้งตอนควายเข้าคอกแล้ว

สำหรับผมนั้น พ่อบอกว่า จะเลี้ยงควายแบบคนอื่นนั้น สงสารควาย เขาช่วยไถนา ให้เราได้ปักดำจนเสร็จ แล้วเอาเขามาล่ามไว้ให้อยู่ที่เดิมๆ น่าสงสาร อย่างน้อยก็ให้เขาได้เดินเลาะและเล็มหญ้าตามสัญชาตญาณเขาบ้างก็ยังดี ซึ่งวิธีการของพ่อที่ถือปฏิบัติกันมาตลอดคือ ช่วงเช้าจะเอาควายไปล่ามไว้ที่สวน (โชคดีที่เรามีสวนอยู่ท้ายหมู่บ้าน จึงพอมีบริเวณล่ามควายได้โดยไม่ซ้ำที่กัน ) เมื่อล่ามควายแล้วก็ออกไปเกี่ยวหญ้ามาให้ควายกินเหมือนคนอื่นๆ นั่นแหละ แต่ช่วงบ่าย หลังจากกินข้าวเที่ยงแล้ว ก็จะเอาควายทั้งสองตัว ออกไปกินหญ้าตามคันแท (คันนา) ซึ่งผมก็จะขี่หลังควายตัวหนึ่งและถือเชือกของควายอีกตัวหนึ่ง เลาะไปตามคันนา โดยผมจะวางแผนว่าวันนี้ จะไปเส้นทางไหน (คันนาไหน) พรุ่งนี้ และวันถัดไป จะไปเส้นทางไหน บ่อยครั้งก็ข้ามไปคันนาของญาติที่มีที่นาติดกัน

ผมเลี้ยงควายด้วยการขี่หลังควายตามคันนาทุกวัน (ในช่วงฤดูนี้) ซึ่งหากเป็นวันธรรมดา หลังจากเลิกเรียน ผมจะรีบเปลี่ยนชุดแล้วเลาะลิ่วไปนาทันที โดยจะแข่งกับเพื่อนที่เป็นญาติกันและที่นาใกล้ๆกัน ว่าใครจะถึงนาก่อนกัน ซึ่งพ่อผมก็จะจูงควายเลาะและเล็มหญ้าตามคันนารออยู่แล้ว

ทุกวันนี้ไม่ค่อยมีคนเลี้ยงควาย หรือไม่ค่อยมีควายให้คนเลี้ยงแล้ว และในหลายแห่ง หลายที่ ผมเห็นป้ายปักตามคันนามีข้อความว่า

?ห้ามเกี่ยวหญ้าและนำควายมาเลี้ยงบริเวณนี้? .-