ถ้วยตราไก่ถ้วยตราไก่
ชามไก่

"ชามไก่" หรือเรียกทั่วไปว่า "ชามตราไก่" ภาษาแต้จิ๋วเรียก "โกยอั้ว" เป็นชามที่เหมาะกับการใช้ตะเกียบพุ้ย คือรูปทรงแปดเหลี่ยมเกือบกลม ปากบาน ข้างชามด้านนอกมีรอยบุบเล็กน้อยรับกับเหลี่ยม ขามีเชิง วาดลวดลายด้วยมือบนเคลือบขี้เถ้า เป็นรูปไก่ขนคอและลำตัวสีแดง หางและขาสีดำ เดินอยู่บนหญ้าสีเขียว มีดอกโบตั๋นสีชมพูออกม่วง ใบสีเขียวตัดเส้นด้วยสีดำอยู่ด้านซ้าย มีต้นกล้วย 3 ใบสีเขียวตัดเส้นด้วยสีดำอยู่ด้านขวา บางใบมีค้างคาวห้อยหัวอยู่ฝั่งตรงข้ามกับไก่ มีดอกไม้ ใบไม้เล็กๆ แต้มก้นชามด้านใน
ยุคแรกชามไก่มี 4 ขนาด คือ ขนาดปากกว้าง 5 นิ้ว (เสี่ยวเต้า) 6 นิ้ว (ตั่วเต้า) 7 นิ้ว (ยี่ไห้) และ 8 นิ้ว (เต๋งไห้) โดยชามขนาด 5-6 นิ้ว สำหรับใช้ในบ้านและร้านข้าวต้มชั้นผู้ดี ส่วนขนาด 7-8 นิ้ว สำหรับกุลี เพราะกินจุ
วิธีผลิตแบบโบราณ เริ่มจากผสมดินโดยย่ำด้วยเท้าและนวดด้วยมือแล้วปั้นตบเป็นดินแผ่น อัดลงแม่พิมพ์ หมุนขึ้นรูปชามด้วยมือ ปาดด้วยไก๊ (ไม้ปาดตัดเป็นรูปโค้ง) ต่อขา ทิ้งชามที่ขึ้นรูปแล้วให้แห้งโดยธรรมชาติ ก่อนชุบเคลือบขี้เถ้า แกลบ ปูนและดินขาว จากนั้นบรรจุลงจ๊อนำไปเรียงในเตามังกร เผาด้วยฟืน เมื่อสุกดีแล้วนำชามมาเขียนลายด้วยพู่กัน
แล้วเผาด้วยฟืนในเตาอบรูปกลมประมาณ 5-6 ชั่วโมง รอจนชามเย็นจึงบรรจุใส่เข่งพร้อมส่งจำหน่าย
ชามไก่กำเนิดในจีนเมื่อกว่าร้อยปี ฝีมือชาวจีนแคะตำบลกอปี อำเภอไท้ปู มณฑลกวางตุ้ง และจีนแต้จิ๋วตำบลปังโคย ซึ่งมีเขตติดต่อทางใต้ ช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง พ่อค้าจีนถนนทรงวาด กรุงเทพฯ สั่งชามไก่เข้ามาขาย ขณะนั้นราคาถูกมาก กระทั่งเกิดสงครามจีน-ญี่ปุ่น ชามไก่ขาดตลาดและราคาสูงขึ้น ต่อมาปี 2480 ช่างจีนในไทยเริ่มก่อเตามังกรเพื่อผลิตเครื่องปั้นดินเผาเอง ก่อนย้ายขึ้นจังหวัดลำปาง หลังจากพบดินขาวที่อำเภอแจ้ห่ม ชามไก่ลำปางเริ่มผลิตเมื่อ พ.ศ.2500 โดยชาวไท้ปู 4 คน คือ นายซิมหยู นายเซี่ยะหยุย แซ่อื้อ นายซิวกิม แซ่กว็อก และนายซือเมน แซ่เทน ร่วมก่อตั้ง "โรงงานร่วมสามัคคี" ที่บ้านป่าขาม อำเภอเมือง ก่อนแยกตัวเปิดกิจการตนเองในอีก 3 ปีถัดมา
ระหว่างปี 2502-2505 ชาวจีนตั้งโรงงานผลิตถ้วยชามที่ลำปางมากขึ้น รวมถึงผลิตชามไก่ที่เริ่มด้วยขว้างดินขาวลำปางหมักเปียกลงบนพิมพ์ซึ่งหมุนบนล้อจักรยาน ใช้แผ่นไม้ตัดเป็นรูปโค้งขนาดเหมาะมือ (จิ๊กเกอร์มือ) แต่งดินให้ได้รูปทรงถ้วย ต่อขา เคลือบขี้เถ้าแกลบ การเผาใช้เตามังกรโบราณแบบกอปี ฟืนไม้ ส่วนการวาดลายไก่ก็ฝึกคนท้องถิ่นตวัดพู่กันจีนวาดเป็นส่วนๆ ต่อเติมจนเต็มรูปแบบในแต่ละใบ แต่ละคนจับพู่กัน 2-3 ด้ามในเวลาเดียวกัน แต่ความยุ่งยากของกรรมวิธีทำให้ผลิตภัณฑ์ออกมาไม่ทันความต้องการ
ชามไก่เริ่มเปลี่ยนรูปแบบเมื่อโรงงานใช้เครื่องปั้น หรือเครื่องจิ๊กเกอร์ ชามจึงมีรูปกลมไม่เป็นเหลี่ยม มีขาในตัว ที่สุดเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เมื่อโรงงานเสถียรภาพที่อ้อมน้อย สมุทรสาคร สร้างเตาอุโมงค์เผาด้วยน้ำมันเตาในปี 2505 เผาถ้วยชามแบบเผาครั้งเดียวได้ ชามช่วงนี้ ตัวไก่สีเขียว หางน้ำเงิน ดอกไม้ชมพู ลดความละเอียดลงแต่ทำตลาดได้ดี เนื่องจากราคาถูกและไม่ถลอกง่าย จวบจนปี 2506 โรงงานถ้วยชามเริ่มหันไปผลิตถ้วยชามแบบญี่ปุ่นซึ่งเข้ามาแทนที่ ลำปางเป็นเพียงจังหวัดเดียวที่ผลิตชามไก่อย่างต่อเนื่อง แต่หาช่างฝีมือที่คงรูปแบบเดิมยาก อีกทั้งสีที่วาดมีราคาแพง ลายไก่เปลี่ยนมาใช้สีชมพู หางน้ำเงิน แซมใบไม้เขียวเข้ม
พ.ศ.2516 ขณะที่ชามไก่ขนาด 6 นิ้ว มีราคาเพียงใบละ 40 สตางค์ เพราะเป็นชามในยุคหลังที่เปลี่ยนไปจากเดิมมาก กลายเป็นสินค้าราคาถูก จึงเริ่มมีการสะสมและกว้านซื้อชามไก่ในรุ่นแรกๆ จนทำให้ชามไก่รุ่นนั้นหายไปจากตลาด ถึงทุกวันนี้จึงเป็นสินค้าสูงค่าเพราะหา (ของแท้) ยาก

ที่มา : นสพ.ข่าวสดคอลัมส์น้าชาติรู้ไปโม้ด