สามสิบกว่าปีที่แล้วที่หมู่บ้านกันดารทางภาคอิสานจ.อุดรธานี
เกิดความโกลาหล ที่บ้านของเศรษฐีผู้มีอันจะกิน ร่ำรวย ในหมู่บ้าน
เมียเศรษฐีชึ่งครบกำหนดที่จะคลอดลูกมาสืบทอดสมบัติที่มีมากมาย
ความโล่งอกโล่งใจของเศรษฐีก็หมดไป เมื่อเมียเขาได้ให้กำเนิด บุตรชายตัวน้อย
ได้คาบช้อนเงินชอ้นทองมาเกิดบนความมั่งคั่ง...ร่ำรวย....มีกินมีใช้ไม่หมด
.............................
แสงริบๆหรี่ๆ......จากตะเกียงน้ำมันก๊าดคืนเดียวกันนั้นข้างบ้านเศรษฐี
บ้านเก่าๆผุๆพัง ๆนอนหลังคามองเห็นดาวของแม่ส่องและพ่อเลื่อนสามี
ชึ่งพอมีกินตามอัตภาพ ด้วยการเป็นนายพรานเข้าป่าหาล่าเนื้อบ้างก็เก็บของป่ามาขาย
มีรายได้พอที่จะเลี้ยงเมียและลูกชายสามหญิงสี่ที่กำลังกินกำลังนอน
ท่ามกลางความขัดสน..ขาดแคลน..เงียบเหงากับเพื่อนบ้านไม่กี่คน
เหล้าป่าขวด...กับมะขามเปียกคลุกเกลือ..ยาเส้น..รอฉลองภาระอีกหนึ่ง
........และแล้ว.....ในที่สุด...
...แม่ส่องก็ได้ปวดท้องคลอดลูกชายตัวน้อยคนที่แปด
ชึ่งได้คาบช้อนสังกะสี ก่องข้าวเหนียวห่อเกลือ มาเกิด
ให้กับพ่อเลื่อนพรานป่า คนสู้ชีวิต
เพื่อมาสืบทอดสมบัติทีมี.......คือความยากจน....อดทน....เข้มแข็ง.รักครอบครัว..สู้ชีวิตวันนี้ไม่มีแต่วันหน้าต้องมี คือมรดกที่ที้งไว้ให้ลูกก่อนที่จะเสียชีวิตจากไปขณะลูกชายได้สี่ขวบลูกสาวคนเล็กได้ขวบเดียว เมียกับลูกน้อยเก้าคนจะทำอย่างไร
....ภาระอันหนักอึ้งของครอบครัวเลี้ยงปากท้องลูกน้อยเก้าคนจึงเป็นหน้าที่ของแม่ส่องแทบจะหาใครมาช่วยไม่มีเลย ทั้งความโศกเศร้า เป็นกังวล ไร่นาสักแปลงก็ไม่มี แต่แม่หม้ายสามีตายคนนี้ก็ไม่ยอมมีสามีใหม่ ทนทำงานรับจ้างหนักเอาเบาสู้ด้วยความเข้มแข็ง อดทน กัดฟันสู้ไม่หวั่นไหวท้อถอยกับคำพูดดูถูกว่าจนไม่มีจะกินต้องไปบูชาข้าวก้นบาตรพระมากิน และคำเหยียดหยามต่าง ๆ สิ่งเดียวที่แม่ห่วงและกลัวตลอดคือลูกๆจะอดไม่มีข้าวกิน หลายต่อหลายปีที่แม่ส่องได้ทุ่มเทให้ลูกน้อย
ยามหนาวก็ได้รับความอบอุ่น ร้อนก็พัดให้ เจ็บป่วย ตกใจเสียใจก็ปลอบขัวญ
ให้การศึกษาเท่าที่จะทำได้ ด้วยความเหน็ดเหนื่อยตรากตรำเพื่อลูกจะได้เป็นคนดีเมื่อเติบใหญ่ ด้วยสองมือหนึ่งดวงใจของความเป็น "แม่"คือสิ่งที่ลูกๆได้รับและเรียนรู้จากอ้อมกอดอันอบอุ่นจาก" แม่ " ด้วยความเมตตาโดยไม่เคยตีลูกสักคนเพราะสงสารที่กำพร้าพ่อและไม่มีอะไรเหมือนชาวบ้านเขาเพราะความจน
....แต่น..แต่น.แตร่น...ผ่านไปสามสิบกว่าปีแล้วที่ ด.ช.อมรเดช อุฒมโกสม
ลูกชายตัวน้อยของแม่ส่อง พ่อเลื่อนที่เกิดในคืนนั้นพร้อมกับพี่น้องทั้งเก้าคนกอดคอกัน เข้มแข็ง อดทน อดออม ฝ่าฟัน
ผ่านร้อนผ่านหนาว..สุข..ทุกข์..มาอย่างมีความสุขเป็นคนดีสมกับความรักของแม่กับสิ่งดีๆและคนดีๆที่ผ่านพบมาจนถึงคำว่า "วันนี้เราพอมีกินแล้วแม่จ๋า"
คุณแม่ส่อง อุฒมโกสม ตอนนี้ 77 ปี
ยังคงสุขภาพแข็งแรงทั้งกายและใจ มีความสุขกับนาที่แม่อยากได้ปลูกข้าว
ทุกวันนี้แม่ก็ยังห่วงและกลัว จะไม่มีข้าวเก็บใว้ให้ลูกๆกิน
ขอกราบแทบเท้าเฒ่าแม่ด้วยความเคารพรักและเทิดทูนอย่างที่สุด
มีอายุมั่นยืนยาว เป็นร่มโพธิร่มไทรของลูกหลานตลอดไป
ที่ได้เลี้ยงลูกกำพร้าเก้าคนมาอย่างดีที่สุด
อมรเดช อุฒมโกสม 19สิงหาคม2552timer japan pm4:12
Bookmarks