*1. **วันว่าง*

ลองให้วันทั้งวันอยู่กับการว่าง ไม่มีนัด ไม่ไปธุระที่ไหน
ไม่กำหนดตารางอะไรให้ชีวิต จะทำกิจวัตรอะไรก็ให้เป็นแบบช้าๆ สบายๆ ไม่รีบเร่ง
อยู่กับแต่ละกิจกรรมอย่างเต็มร้อย
ให้ใจได้พักผ่อนอย่างแท้จริงกับการดำรงอยู่ในปัจจุบันขณะ วันว่างๆ
จะช่วยเติมเต็มพลังกายและใจให้แก่เรา แถมยังช่วยลดใช้พลังงานโลกด้วย
*วันนั้นอาจจะยอมให้ตัวเองนอนตื่นสายกว่าปกติสักนิด
อาบน้ำแบบมอบความทะนุถนอมให้กับร่างกาย เบิกบานกับอาหารเช้าที่ดีกับสุขภาพ
เปิดประตู เปิดหน้าต่างรับลมธรรมชาติ เดินสำรวจละแวกบ้าน*
ถ้าจะหยิบหนังสือที่ซื้อไว้ตั้งนานแต่ยังไม่ได้อ่านสักทีมาอ่านก็ไม่ผิดกฎอะไร
ตกค่ำจะลองทานมื้อเย็นใต้แสงเทียน
ให้หลอดไฟกับมิเตอร์ได้พักผ่อนก็ให้ความรู้สึกพิเศษดีเช่นกัน


*2 . **หายใจเล่น*

สำหรับคนที่ไม่คุ้นเคยกับการอยู่เงียบๆคนเดียว ติดทีวี ติดโทรศัพท์
อาจลองหาเวลาตีสนิทกับเพื่อนใกล้ตัวของเราทั้งสอง คือ คุณลมหายใจเข้า
และคุณลมหายใจออก ไม่ว่าจะเป็นการนั่ง เดิน นอน หรือ เคลื่อนไหว
เราจะตระหนักรู้ถึงเพื่อนสองคนนี้อยู่เสมอ หมั่นเช็คอยู่เรื่อยๆว่า
เพื่อนทั้งสองคนของเรามีสภาพอย่างไร ยังสบายดีอยู่หรือเปล่า
เมื่อเราดูแลลมหายใจ ลมหายใจก็จะดูแลเรา การดุแลกันและกันเช่นนี้
จะส่งผลดีต่อทางร่างกายและจิตใจ
ความสงบที่เกิดจากภายในจะส่งผลที่น่าประทับใจถึงภายนอก
ในเวลาที่เราต้องเผชิญกับเรื่องยากๆ ต้องคิด ตัดสินใจ และทำอะไรอยู่ตอลดเวลา
การได้พักสัก 15 นาที หรือสักชั่วโมงจะช่วยให้หัวที่เคยหมุนจนร้อน
ใจที่เต้นรัวเร็ว ร่างกายที่เครียดตึงค่อยๆ ผ่อนคลายและเบาลงอย่างไม่น่าเชื่อ

*
3. **ชื่นชมธรรมชาติ*

ไม่ต้องรอให้ถึงวันพักร้อน แค่ตื่นเช้าขึ้นสักนิด ดูพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า
ให้แสงแรกของพระอาทิตย์ล้างตาให้สะอาด ช่วงสายๆ อาจจะมองท้องฟ้าสัก 5-10
นาที ดูเมฆที่ค่อยๆ
เปลี่ยนรุปก็เติมความสดชื่อนได้ดี บ่ายคล้อยเดินเล่นให้สายลมเย็นปะทะหน้าเบาๆ
สูดเอากลิ่นหอมของดอกไม้ใบหญ้า ได้เวลาพลบค่ำปิดไฟให้หมด
จะได้ห็นดาวและเดือนที่ลอยเกลื่อนฟ้าได้ชัดขึ้น
ให้เวลาธรรมชาติได้บำบัดเราทั้งกายและจิตใจ

*4. **สลายไขมัน*

สำหรับคนบ้าพลัง คนกลัวอ้วน คนไม่ชอบออกกำลังกาย
การออกกำลังกายให้ได้เหงื่อจะช่วยให้เรารู้สึกสดชื่นขึ้น
หรืออาจว่ายน้ำในความเงียบ
ซึ่งนั้นหมายถึงรวมไปถึงเสียงในหัวเราด้วยลองว่ายไปเรื่อยๆ
ตระหนักรู้การเคลื่อนไหวของร่างกายเรา เสียงในหัวเราจะค่อยๆ
เงียบลงเอง หรืออาจจะลองปั่นจักรยานรับลม สำรวจเส้นทางท่องเที่ยวใหม่ๆ
ในหมู่บ้าน หรืออะไรก็ได้ที่เราชอบ
นอกจากจะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสารแห่งความสุข (เอ็นโรฟิน)
แล้วยังช่วยเผาผลาญไขมันได้ดีอีกด้วย

*
5. **ศิลปินสมัครเล่น*
หยิบดินสอหรือสี ขึ้นมาวาดรูปแบบไม่ห่วงสวย ปลอดปล่อยจินตนาการ
ให้ความเป็นเด็กในตัวออกมามีชีวิตผ่านงานศิลปะ หรือประดิษฐ์งานฝีมืออะไรสักอย่าง
ที่ทำให้เราได้มีพื้นที่และอิสนระจากความคิด ความยึดติด ทั้งนี้พบว่า
การถักนิตติ้งช่วยสงบใจได้เป็นอย่างดี แถมยังเสริมสร้างสมาธื
บำบัดความเบื่อหน่าย ความเครียด และแรงกดดันจากการทำงาน
ทั้งยังได้ผลงานเป็นของขวัญให้คนรอบข้างอีกด้วย เรียกว่า บำบัดใจผู้ให้
สุขใจผู้รับ

*
6. **สุขใจกับงานบ้าน*

การได้ลงมือ ปัดกวาดเช็ดถู จัดข้าวของในบ้านให้เป็นระเบียบ ทำสวน ปลูกต้นไม้
ตัดแต่งใบเสีย ล้วนเป็นโอกาส ให้เราได้กลับมาปัดกวาดเช็ดถู จัดระเบียบ
และรดน้ำเมล็ดพันธุ์แห่งความสุขให้ใจเราได้เติบโต งอกงาม สะอาด
และใหม่สดอยู่เสมอ "บ้านสะอาดสดใส ใจก็งดงาม"

*
7. **สนทนาใจ*

ใช้เวลากับเพื่อนแลกเปลี่ยนสุขทุกข์ของกันและกัน ช่วยฝึกการฟังอย่างลึกซึ้ง
และทำให้ตระหนักรู้ว่า เรามีคนอยู่เคียงข้างเสมอ หาวันว่างยามบ่าย
บรรยากาศสบายๆ ที่บ้านใครสักคน
นั่งพุดคุยถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาในวิถีแห่งสติ
อาจเป็นความตื่นเต้นจากความรับผิดชอบใหม่ๆ
หรือมองเห็นความสดใหม่ในงานเก่าหรือจะเป็นผู้คนที่เราพบเจอได้เรียนรู้
ความสุขที่เรามี หรือแม้แต่ความเหนื่อยล้า เรื่องอกหัก ความทุกข์ใจ
ความยากลำบากในครอบครัวที่ต้องเผชิญ
อื่นๆอีกมากมายที่เราพร้อมเปิดใจแบ่งปันต่อกัน
การได้ใช้เวลาอยู่ตรงนี้ด้วยกันอย่างเต็มเปี่ยมถือเป็นการบำรุงหล่อเลี้ยงซึ่งกันและกันแบบไม่ต้องใช้สตางค์


*8. **กลับบ้านแล้ว*

ใช้เวลาเพื่อพูดคุย ทำความรู้จัก เรียนรู้กันและกันให้มากขึ้น
ลองเริ่มจากการบอกกล่าวความรู้สึกภายในกับคนในบ้าน
ไม่ว่าจะเป็นการกล่าวขอโทษสิ่งที่เราอาจจะพลาดพลั้งไปจนทำให้อีกฝ่ายเสียใจ
หรือกล่าวขอบคุณในความน่ารัก ความดีที่อีกฝ่ายได้ทำให้แก่เรา
หรือเลือกกิจกรรมที่ชอบด้วยกันที่บ้าน เช่น ดื่มน้ำชา กินขนม ทำอาหารด้วยกัน
นอนดูหนังเรื่องโปรด อ่านหนังสือ ผลัดกันเล่านิทาน เล่นเกม ออกกำลังกาย
ร้องเพลง เล่นดนตรี ปิดท้ายด้วยการกอดสมาธิก็อบอุ่นดีไม่น้อย

*
9 **แบ่งปันด้วยใจ*

แบ่งปันเวลาทำประโยชน์เพื่อคนอื่นและสังคม บางคนอาจเริ่มต้นง่ายๆ
จากสิ่งแวดล้อมรอบตัว เช่น โปรยอาหารให้นกตัวน้อยๆ ในสวนที่บ้าน
เดินเก็บขยะแถวบ้าน รื้อข้าวของที่ไม่ใช้แล้วหรือไม่ค่อยได้ใช้
(แถมได้ฝึกการตัดใจด้วย) มาทำความสะอาดแล้ว นำไปบริจาคหาเจ้าของที่คู่ควรคนใหม่
หรือจะเข้าร่วมกิจกรรมจิตอาสาต่างๆ ก็มีให้เลือกมากมาย ลองเข้าไปดูที่เว็บไซต์
VolunteerSpirit | เครือข่ายจิตอาสา

*10 **ยิ้ม ยิ้ม ให้กับตัวเอง*

*ยิ้มแบบใสๆ ยิ้มให้กว้างๆ จนเผื่อแผ่ไปยัง คนรอบข้าง แล้วจะพบว่า ความสุขใจ
ที่ไม่ต้องใช้สตางค์แบบนี้ นั้นแสนวิเศษ ยิ่งให้ก็ยิ่งได้*

ขอบคุณที่มา..ธรรมะสวัสดี