หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 2 หน้า 12 หน้าสุดท้ายหน้าสุดท้าย
กำลังแสดงผล 1 ถึง 10 จากทั้งหมด 11

หัวข้อ: มือถือสื่อฟ้าผ่า จริงหรือไม่

Hybrid View

คำตอบที่แล้วมา คำตอบที่แล้วมา   คำตอบถัดไป คำตอบถัดไป
  1. #1
    Maximum learning
    ศิลปิน นักเขียน
    สัญลักษณ์ของ khonsurin
    วันที่สมัคร
    Apr 2008
    ที่อยู่
    ท่าตูม สุรินทร์
    กระทู้
    8,063
    บล็อก
    197

    มือถือสื่อฟ้าผ่า จริงหรือไม่

    มือถือสื่อฟ้าผ่า จริงหรือไม่




    เมื่อเร็ว ๆ นี้ มีข่าวคนไทยถูกฟ้าผ่าจนเสียชีวิต มีการตั้งข้อสังเกตว่ามีสาเหตุจากการใช้โทรศัพท์มือถือ จึงเกิดคำถามและข้อสงสัยตามมาว่า โทรศัพท์มือถือ เครื่องประดับที่ทำจากโลหะ ไม่ว่าจะเป็น สร้อย แหวน เข็มกลัด ตะกรุด เป็นสื่อล่อฟ้าจริงหรือไม่?


    เพื่อให้ทุกฝ่ายได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง ทางภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จึงร่วมกับศูนย์สื่อสารวิทยาศาสตร์ไทย จัดเสวนา “ฟ้าผ่า ข้อเท็จจริงที่ควรรู้” โดย ดร.บัญชา ธนบุญสมบัติ นักวิชาการศูนย์เทคโนโลยีโลหะและวัสดุแห่งชาติ (เอ็มเทค) กล่าวว่า ฟ้าผ่าถือเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติอย่างหนึ่ง ที่เกิดจากการปลดปล่อยประจุไฟฟ้าในอากาศ และปล่อยประจุไฟฟ้าออกจากเมฆฝนฟ้าคะนอง ซึ่งนักอุตุนิยมวิทยาเรียกว่า เมฆคิวมูโลนิมบัส (cumulonimbus) โดยประจุบวกจะอยู่บริเวณยอดเมฆ ส่วนประจุลบอยู่บริเวณฐานเมฆ

    การเกิดฟ้าผ่าจะเชื่อมโยงบริเวณ 2 แห่งที่มีประจุต่างกัน ฟ้าผ่ามีอย่างน้อย 4 แบบ คือ 1. ฟ้าผ่าภายในก้อนเมฆ 2.ฟ้าผ่าจากเมฆก้อนหนึ่งไปยังเมฆอีกก้อนหนึ่ง 3.ฟ้าผ่าจากฐานเมฆลงสู่พื้น หรือฟ้าผ่าแบบลบ และ4.ฟ้าผ่าจากยอดเมฆลงสู่พื้น หรือฟ้าผ่าแบบบวก

    ทั้งนี้ฟ้าผ่าในแบบที่ 1 และ 2 จะทำให้เมฆเปล่งแสงกะพริบ ซึ่งเรียกว่า “ฟ้าแลบ” ส่วนฟ้าผ่าที่เป็นอันตรายต่อ คน สัตว์ และสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่บนพื้น คือ ฟ้าผ่าแบบที่ 3 มีระยะผ่าลงบริเวณใต้เงาของเมฆฟ้าฝนคะนอง และแบบที่ 4 สามารถผ่าได้ไกลออกไปจากก้อนเมฆถึง 30 กม.

    “โดยหลักการฟ้าผ่าสามารถผ่าลงมาได้ทุกจุด ทั้งพื้นดิน ต้นไม้ เสาไฟฟ้า หรือบนอาคารสิ่งปลูกสร้าง พื้นที่เสี่ยงที่อาจเกิดฟ้าผ่ามากที่สุดเมื่อเกิดฝนฟ้าคะนอง คือ พื้นที่โล่งแจ้ง ทุ่งนา สระน้ำ ชายหาด เราจึงควรหลบเข้าไปอยู่ในอาคาร และไม่ควรหลบอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่เพราะเมื่อสายฟ้าฟาดลงมายังต้นไม้อาจได้รับอันตรายได้ และหากต้องอยู่กลางแจ้งหาที่ปลอดภัยหลบไม่ได้ ก็สามารถลดความเสี่ยงจากอันตรายที่เกิดจากฟ้าผ่าได้ด้วยการนั่งยอง ๆ ก้มศีรษะเพื่อลดตัวให้ต่ำสุด เท้าชิดกันและเขย่งเล็กน้อยเพื่อลดความเสี่ยงจากกระแสไหลตามพื้น และอย่านอนราบกับพื้น เพราะร่างกายจะแตะพื้นสองจุด จนทำให้กระแสไฟฟ้าที่วิ่งมาตามพื้นไหลเข้าจุดหนึ่งและวิ่งออกจุดหนึ่งผ่านร่างกายได้”

    ด้านนายกิตติ เพ็ชรสันทัด หัวหน้ากองเทคโนโลยีสายส่งและการบิน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า จากการติดตั้งระบบการตรวจวัดค่าการเกิดฟ้าผ่าและพายุฝนฟ้าคะนองของ กฟผ. ใน 11 สถานีครอบคลุมทั่วประเทศพบว่า จำนวนฟ้าผ่าลงมาในประเทศไทยมีมากถึง 1 แสนครั้งต่อเดือน ซึ่งในเดือน เม.ย. ปี 51 ตรวจวัดได้สูงมากกว่า 1 ล้านครั้ง และมากที่สุดในวันที่ 22 เม.ย. 51 มีฟ้าผ่าวันเดียวสูงถึง 1.5 แสนครั้ง โดยช่วงเวลาที่เกิดฟ้าผ่าบ่อย คือ ช่วงเปลี่ยนถ่ายฤดูจากฤดูร้อนเป็นฝน (เม.ย.-พ.ค.) และฤดูฝนเป็นหนาว (ก.ย.-ต.ค.)

    “จากสภาพภูมิประเทศพื้นที่ที่มีโอกาสเกิดฟ้าผ่ามากคือ ภาคตะวันออกและภาคอีสาน เนื่องจากเป็นบริเวณที่มีมรสุมพาดผ่าน อาทิ จ.จันทบุรี ตราด มุกดาหาร กาฬสินธุ์ อำนาจเจริญ และภาคใต้ซึ่งมีช่วงเวลาฝนตกหลายเดือน อาทิ จ.ภูเก็ต พังงา นครศรีธรรมราช และสุราษฎร์ธานี”

    ส่วน ดร.คมสัน เพ็ชรรักษ์ หัวหน้าห้องจำลองฟ้าผ่า คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า โทรศัพท์มือถือ และวัสดุที่เป็นโลหะ แหวน สร้อย ตะกรุด ไม่นับว่าเป็นสื่อล่อฟ้าได้ เพียงแต่อาจจะทำให้ได้รับอันตรายจากผลข้างเคียงหากถูกฟ้าผ่า เช่น โทรศัพท์ระเบิดจากแบตเตอรี่ลัดวงจร หรือผิวหนังไหม้จากการสัมผัสโลหะที่สวมใส่เมื่อไฟฟ้าไหลผ่าน ฯลฯ อย่างไรก็ตามแม้โลหะและโทรศัพท์มือถือไม่ใช่สื่อล่อฟ้า แต่ก็ควรเลี่ยงสวมใส่โลหะและใช้โทรศัพท์มือถือ ในบริเวณโล่งแจ้งและเกิดฝนฟ้าคะนอง

    นพ.ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา ผอ.สถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม กล่าวว่า ผู้ที่ถูกฟ้าผ่าไม่จำเป็นต้องเสียชีวิตเสมอไป แต่ก็มีความเสี่ยงที่จะพิการเนื่องจากอวัยวะภายในถูกทำลาย อย่างไรก็ตามเมื่อจำเป็นต้องเข้าไปช่วยเหลือปฐมพยาบาลผู้ที่ถูกฟ้าผ่าให้รีบเคลื่อนย้ายไปยังที่ปลอดภัยก่อน ในกรณีมีผู้บาดเจ็บหลายรายให้เลือกช่วยผู้ที่หัวใจหยุดเต้นหรือหยุดหายใจก่อน ด้วยการปั๊มหัวใจและผายปอด แล้วรีบนำส่งแพทย์ ส่วนคนที่หัวใจไม่หยุดเต้นหรือยังหายใจได้อยู่มีโอกาสรอดสูงกว่า

    เมื่อรู้ข้อเท็จจริงอย่างนี้แล้ว หากเราไม่ไปอยู่ผิดที่ผิดเวลา นั่นก็คือ การอยู่นอกอาคารเวลาที่มีฟ้าฝนคะนอง ก็จะช่วยให้เราลดความเสี่ยงที่จะถูกฟ้าผ่าได้แล้ว …




    (จาก นสพ. เดลินิวส์)
    *********************************


    อิสระ เสรี เสมอภาค




    *********************************

  2. #2
    Membership renewed สัญลักษณ์ของ siranee
    วันที่สมัคร
    Jul 2008
    ที่อยู่
    ลาดกระบัง54(วัดศรีวารีน้อย)
    กระทู้
    909
    ขอบคุณข้อมูลดีๆจ้า ทางที่ดีกะคือสิแม่นบ่อยู่ผิดที่ผิดเวลานั้นเนาะจ้า

  3. #3
    ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านมหา
    Mr.Reception
    สัญลักษณ์ของ คนตระการ...
    วันที่สมัคร
    Feb 2008
    กระทู้
    4,209
    เรื่องแบบนี่ แถวบ้านผมเพิ่นกะว่าถึงคราวครับ....ต้นไม้บ่อมีมือถือฟ้ากะยังผ่า งัว ควาย กะผ่าตายมาหลายคือกัน....คนที่โทรฯยามฝ้าฮ้องล่ะบ่อผ่ากะมีหลาย..

  4. #4
    ฝ่ายบริหารระดับสูง สัญลักษณ์ของ พล พระยาแล
    วันที่สมัคร
    Mar 2008
    กระทู้
    6,430
    ป้องกันไว้กะดีครับ ยามฝนฟ้าคะนอง บ่ควรสิโทรครับ อัน ๆ คนตระการเว่าอีกกะถืกอิฐ โอ๊ะ ๆ ถึกอีกครับ แล้วแต่คราวจั่งว่านั่นล่ะ หุ หุ

  5. #5
    ร่วมถ่ายทอดความรู้สู่สังคม สัญลักษณ์ของ กำลังใจ
    วันที่สมัคร
    Mar 2007
    กระทู้
    1,529
    บล็อก
    1
    ขอบคุณข้อมูลดีดีจ้า

  6. #6
    ฝ่ายกิจการพิเศษ สัญลักษณ์ของ กำพร้าผีน้อย
    วันที่สมัคร
    Apr 2009
    ที่อยู่
    รัตนาธิเบศร์..ใกล้แยกแคราย
    กระทู้
    1,788
    ฝนตกฟ้าฮ้องนี่ ปิดมือถือเลยได้กะดีครับ เป็นตะย่าน...ป้องกันไว้ก่อนหละเนาะ..

  7. #7
    แบ่งปันความรู้และประสบการณ์ สัญลักษณ์ของ แมวเหมียวพลัดถิ่น
    วันที่สมัคร
    Jun 2008
    ที่อยู่
    St.Gallen SWISS
    กระทู้
    240
    สรุปเเล้วก็คือ มือถือ บ่เเม่นสื่อล่อ เเม่นบ่อค่ะ

  8. #8
    ท่องเวบ สัญลักษณ์ของ pui.lab
    วันที่สมัคร
    Jul 2006
    ที่อยู่
    โสดไม่มีใครเอา หรือว่าเราไม่เอาใคร
    กระทู้
    8,954
    บล็อก
    9
    น้องแมวเหมียวงง
    จากที่อ่านมือถือไม่เกี่ยวกับการทำให้เกิดฟ้าผ่า (อ่านผ่านๆสรุปได้ทอนี่หล่ะจ้า)
    จากการอ่านหนังสือมาผ่านๆ ตัวประจุไฟฟ้าสถิตย์จากพื้นดิน
    มัันพุ่งขึ้นมาข้างบนมาชนอะไรสักอย่างที่สูงที่สุดช่วงนั้น
    เช่น ต้นไม้ เสาไฟฟ้า ผู้เคราะห์ร้ายที่โดนฟ้าผ่า
    ช่วงนั้นอยู่ในช่วงประจวบเหมาะบ่มีหยังสูงกว่า
    ก็เลยโชคร้าย เพิ่นถึงบอกว่าอย่าอยู่ใต้ต้นไม้ หรือหลังคาสังกะสี
    ให้อยู่ใต้อาคาร ตึก ที่บางคนเห็นว่าฟ้าแลปแป๊บๆ มันบ่ได้มาจากท้องฟ้า
    น่ะค่ะ มาจากพื้นดินพุ่งสู่ท้องฟ้า


    หมายเหตุ อ่านหนังสือมาจำได้บ้างบ่ได้บ้าง ไผชัวร์มาเพิ่มเติมเด้อค๊า
    บ้านมหาดอทคอม เว็บไซต์ส่งเสริม ศิลปะ วัฒนธรรมไทย ศิลปิน ความรู้ออนไลน์
    st1: มิตรภาพและรอยยิ้ม กับดีเจคนไกลบ้าน st1:

  9. #9
    ดูแลตรวจสอบเนื้อหา สัญลักษณ์ของ ญา ทิวาราช
    วันที่สมัคร
    Oct 2008
    กระทู้
    825
    บล็อก
    17

    พบปะพูดคุย

    กระทู้ต้นฉบับโดยคุณ pui.lab
    น้องแมวเหมียวงง
    จากที่อ่านมือถือไม่เกี่ยวกับการทำให้เกิดฟ้าผ่า (อ่านผ่านๆสรุปได้ทอนี่หล่ะจ้า)
    จากการอ่านหนังสือมาผ่านๆ ตัวประจุไฟฟ้าสถิตย์จากพื้นดิน
    มัันพุ่งขึ้นมาข้างบนมาชนอะไรสักอย่างที่สูงที่สุดช่วงนั้น
    เช่น ต้นไม้ เสาไฟฟ้า ผู้เคราะห์ร้ายที่โดนฟ้าผ่า
    ช่วงนั้นอยู่ในช่วงประจวบเหมาะบ่มีหยังสูงกว่า
    ก็เลยโชคร้าย เพิ่นถึงบอกว่าอย่าอยู่ใต้ต้นไม้ หรือหลังคาสังกะสี
    ให้อยู่ใต้อาคาร ตึก ที่บางคนเห็นว่าฟ้าแลปแป๊บๆ มันบ่ได้มาจากท้องฟ้า
    น่ะค่ะ มาจากพื้นดินพุ่งสู่ท้องฟ้า
    หมายเหตุ อ่านหนังสือมาจำได้บ้างบ่ได้บ้าง ไผชัวร์มาเพิ่มเติมเด้อค๊า

    ขอเพิ่มเด้อคับ
    ฟ้าผ่าเกิดจากการถ่ายเทของประจุไฟฟ้าในบรรยากาศ เมื่อมีลมพัดผ่านผิวพื้นดิน หรืออาคาร จะทำให้ลมซึ่งประกอบด้วโมเลกุลของแก๊สชนิดต่าง ๆ ได้รับอิเลคตรอนจากการขัดสี และพาอิเลคตรอนไปยังก้อนเมฆในอากาศ ทำให้บริเวณพื้นดินมีประจุไฟฟ้าเป็นบวกขณะเดียวกันบริเวณด้านล่างของก้อนเมฆจะมีประจุไฟฟ้าเป็นลบ แต่เนื่องจากก้อนเมฆซึ่งประกอบด้วยโมเกลุลของไอน้ำจึงเป็นตัวนำ ไฟฟ้าได้ดีกว่าอากาศ จึงทำให้อิเลคตรอนที่บริเวณด้านล่างของก้อนเมฆจะเหนี่ยวนำให้เกิดประจุไฟฟ้าบวกขึ้นที่ด้านบนของก้อนเมฆ จนในที่สุด ทำให้บริเวณด้านบนของก้อนเมฆมีประจุไฟฟ้าบวกเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และบริเวณด้านล่างของก้อนเมฆจะมีอิเลคตรอนเคลื่อนที่ไปรวมกันอยู่มากเมื่อนานขึ้นประจุลบจะเกิดมากขึ้น ประกอบกับที่ผิวโลกก็จะเกิดประจุไฟฟ้าบวกขึ้นทั้งนี้เพราะสูญเสียอิเลคตรอนไป จึงทำให้เกิดแรงดูดระหว่างประจุบวกที่ผิวโลกกับอิเลคตรอนที่ด้านล่างของก้อนเมฆ จึงทำให้อิเลคตรอนเคลื่อนที่จากด้านล่างของก้อนเมฆลงสู่พื้น และในการเคลื่อนที่ของอิเลคตรอนลงสู่พื้นจะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงจึงเกิดแรงผลักอากาศให้แยกออกจากกันอย่างรวดเร็วและเมื่อออากาศเคลื่อนที่มากระทบกันจะเกิดเสียงดังขึ้น และมีประกายไฟเกิดขึ้นด้วย


  10. #10
    แบ่งปันความรู้และประสบการณ์ สัญลักษณ์ของ แมวเหมียวพลัดถิ่น
    วันที่สมัคร
    Jun 2008
    ที่อยู่
    St.Gallen SWISS
    กระทู้
    240
    เข้าจำเเล้วค่ะ ขอบคุณค่ะ

หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 2 หน้า 12 หน้าสุดท้ายหน้าสุดท้าย

Tags for this Thread

กฎการส่งข้อความ

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •