กำลังแสดงผล 1 ถึง 1 จากทั้งหมด 1

หัวข้อ: พลิกแฟ้มคดีดัง : ตำนาน "แก๊ง 4 คิงส์"มาเฟียข้ามชาติ

  1. #1
    Maximum learning
    ศิลปิน นักเขียน
    สัญลักษณ์ของ khonsurin
    วันที่สมัคร
    Apr 2008
    ที่อยู่
    ท่าตูม สุรินทร์
    กระทู้
    8,063
    บล็อก
    197

    พลิกแฟ้มคดีดัง : ตำนาน "แก๊ง 4 คิงส์"มาเฟียข้ามชาติ

    พลิกแฟ้มคดีดัง : ตำนาน "แก๊ง 4 คิงส์"มาเฟียข้ามชาติยุคบุกเบิก



    พลิกแฟ้มคดีดัง : ตำนาน "แก๊ง 4 คิงส์"มาเฟียข้ามชาติ



    คดีอาชญากรข้ามชาติแก๊งมาเฟีย 4 คิงส์
    ปฏิบัติการอุกอาจบุกชิงตัวเพื่อนร่วมแก๊งที่เป็นนักโทษคดีปล้นร้านทอง ถึงตีนบันไดศาลอาญา กลางเมืองหลวงของประเทศ

    เที่ยงวันที่ 29 สิงหาคม 2529 ขณะที่ นายสมจิต บิณนุรุต และนายนิกร บุญขว้าง สองผู้คุมเรือนจำพิเศษกรุงเทพคุมตัว นายเหล่า วัน ชง หรืออาข่า อายุ 32 ปี นายจ๋ง เหว่ง เค หรืออาโจ๋ว วัย 25 ปี และนายเล่า ตง หมัน หรืออาเฟด วัย 23 ปี สามชาวฮ่องกงจำเลยในคดีปล้นร้านทองแม่มะลิท้องที่ สน.บางนา ออกจากห้องพิจารณาคดีศาลอาญา (สนามหลวง)

    หลังจากเสร็จสิ้นการสืบพยานโจทย์นัดสุดท้าย เพื่อไปควบคุมตัวไว้ในห้องควบคุมใต้ถุนศาล ระหว่างนั้นมีชายชาวจีนวัยกลางคน ไว้หนวดไว้เครา สวมเสื้อเชิ้ตสีเหลืองแขนยาว กางเกงยีน บุกเข้าไปบนบันไดทางขึ้นศาลพร้อมกับผลัก 2 ผู้คุมจนเสียหลัก พร้อมกับควักเอาระเบิดขว้างชนิดเอ็ม 46 ออกจากถุงกระดาษออกมาข่มขู่ ก่อนจะตะโกนบอกให้นักโทษทั้ง 3 คน ซึ่งขณะนั้นถูกพันธนาการด้วยโซ่ตรวนหนีไปขึ้นรถยนต์โตโยต้าโคโรน่า สีน้ำตาล ทะเบียน 9ง-4139 กรุงเทพมหนคร ซึ่งจอดรออยู่ที่หน้าธนาคารกรุงเทพฯพาณิชย์การ สาขาบุญศิริ

    ระหว่างนั้นเกิดการชุลมุนอย่างหนัก ญาติและนักโทษคดีอื่นๆ พากันแตกตื่นวิ่งหนีกันอย่างวุ่นวาย 3 นักโทษชาวฮ่องกงจึงหนีเอาตัวรอด แต่ระหว่างที่นักโทษหนีไปถึงบริเวณประตูรั้วศาล เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้คว้าคอนายเหล่า วัน ชงเอาไว้ได้ ส่วนอีก 2 คนสามารถหนีไปได้ เนื่องจากคนร้ายที่บุกเข้ามาช่วยใช้ระเบิดปาใส่เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ แต่โชคดีที่ระเบิดด้านจึงทำให้ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ

    อย่างไรก็ตามคนร้ายยังใช้ปืนพกยิงสกัดไม่ให้เจ้าหน้าที่ติดตามจับกุมได้ โดยกระสุนถูกนายเชิดศักดิ์ เฮงสมบูรณ์ พ่อค้าขายนาฬิกา ริมคลองหลอด บาดเจ็บสาหัส ระหว่างที่คนร้ายขับรถยนต์หลบหนีผ่านหน้าธนาคารกรุงเทพฯพาณิชย์การ สาขาบุญศิริ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของธนาคาร พยายามยิงสกัด แต่ก็ไม่เป็นผลกระสุนถูกเพียงประตูรถยนต์ โดยคนร้ายเลือกใช้เส้นทางถนนดินสอ ผ่านหน้าศาลาว่าการกรุงเทพมหานครมุ่งหน้าสู่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย หลบหนีไปได้

    หลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.ณรงค์ มหานนท์ อธิบดีกรมตำรวจ สั่งระดมนายตำรวจฝีมือดีออกไล่ล่าติดตามจับกุมคนร้าย แต่ก็ไม่สามารถจับกุมได้ โดยตำรวจตามพบเพียงรถยนต์คันที่คนร้ายใช้ก่อเหตุจอดทิ้งอยู่ที่หน้าบ้านพักเลขที่ 238/1 เยื้องหอพักธนิสา ในซอยสวนอ้อย 2 แขวงวชิระ เขตดุสิต กทม.ส่วนคนร้ายตำรวจคาดว่าจะหนีลงเรือหลบหนีออกนอกประเทศ ตำรวจเค้นคอนายเหล่า วัน ชัง

    ซึ่งเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์คว้าคอเอาไว้ได้ระหว่างพยายามหลบหนี ทราบว่า คนร้ายที่ลงมือชิงตัวนักโทษอย่างอุกอาจครั้งนี้ คือนายหยุง หยง กวาง หรือไฝ่ไจ๋ ผู้ต้องหาคดีชิงทรัพย์ร้านเพชรท้องที่ สน.บางนา เมื่อก่อนหน้านั้นไม่นาน โดยนายหยุง หยง กวาง หรือไฝ่ไจ๋ มีชื่อเรียกในหมู่มาเฟียฮ่องกงหลายชื่อ ทั้ง พัน ชิน มัน และทอม ทินแทน เป็นเครือข่ายของแก๊งมาเฟีย 4 คิงส์ ที่หลบหนีคดีมาจากฮ่องกง โดยแก๊ง 4 คิงส์ หนีออกมาจากฮ่องกง เพราะถูกทางการกวาดล้างอย่างหนัก จึงจำเป็นต้องย้ายมาทำมาหากินในกรุงเทพฯ โดยการเปิดบ่อนการพนันอยู่ย่านสัมพันธวงศ์

    นอกจากนี้ ยังลักลอบค้ายาเสพติดและลงมือปล้นทรัพย์ร้านทองและอัญมณีหลายแห่งใน กทม.เวลาไล่เลี่ยกัน ต่อมาสมาชิกบางคนถูกตำรวจจับกุม นายไฝ่ไจ๋จึงวางแผนลงมือช่วยชิงตัวลูกน้อง โดยได้รับการช่วยเหลือจากผู้มีอิทธิพลรายหนึ่งใน จ.เพชรบุรี นายไฝ่ไจ๋ได้รับเงินสนับสนุนเป็นค่าใช้จ่ายในการก่อเหตุครั้งนี้จากสมาชิกแก๊ง 4 คิงส์ในฮ่องกง 7 แสนบาท โดยมี น.ส.ฟุง กวาน ฟง สมาชิกแก๊งหิ้วจากฮ่องกงเข้ามาให้ถึงกรุงเทพฯ โดยเงินจำนวนดังกล่าวถูกใช้ไปสำหรับการจัดหาอาวุธและพาหนะในการหลบหนี

    ทั้งนี้ นายไฝ่ไจ๋เคยเป็นตำรวจอยู่ที่ประเทศมาเลเซีย ก่อนจะถูกไล่ออกแล้วไปทำมาหากินอยู่ที่ฮ่องกง แล้วเข้าเป็นหนึ่งในสมาชิกแก๊งมาเฟีย 4 คิงส์ ซึ่งสมาชิกในแก๊งส่วนใหญ่เป็นอาชญากรจากประเทศจีนที่หนีคดีมาทำมาหากินในฮ่องกง

    แก๊ง 4 คิงส์ ถือเป็นมาเฟียใหญ่ในฮ่องกง พฤติการณ์โหดเหี้ยมทารุณ เป็นมาเฟียเรียกเก็บค่าคุ้มครองจากบรรดาเศรษฐีและดาราชื่อดัง ค้ายาเสพติดข้ามชาติ จนมีชื่อเสียงโด่งดัง ต่อมาได้กระจายฐานอำนาจเข้ามาในกรุงเทพฯ เป็นที่ทำมาหากินแหล่งใหม่

    ในเหตุการณ์ครั้งนั้นแม้ตำรวจจะระดมสรรพกำลังทั้งทางบกและอากาศรวมถึงทางน้ำก็ไม่สามารถติดตามจับกุมคนร้ายที่หลบหนีไปได้ แต่จากเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้แก๊งมาเฟียข้ามชาติต่างๆ ที่เข้ามาอาศัยอยู่ในประเทศไทยถูกจับตาและถูกกวาดล้างอย่างหนักและต่อเนื่อง ขณะที่ระบบการคุ้มกันนักโทษก่อนหน้านี้เคยห้ามไม่ให้เจ้าหน้าที่พกพาอาวุธไปในพื้นที่ศาล ก็ถูกหยิบยกมาทบทวนกันใหม่

    สุดท้ายจึงมีการเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ในการควบคุมตัวนักโทษออกจากเรือนจำมากขึ้น และขั้นตอนในการเคลื่อนย้ายนักโทษต้องเป็นไปอย่างเข้มงวด 2529 ยุคมาเฟียเฟื่องฟู เมื่อ 15-20 ปีที่แล้วกรุงเทพฯ คลาคล่ำไปด้วยมาเฟียข้ามชาติ โดยเฉพาะที่หลบหนีคดีมาจากจีนแผ่นดินใหญ่และฮ่องกง เข้ามาขยายอิทธิพลอยู่ในชุมชนของคนไทยเชื้อสายจีนอย่างเยาวราช สัมพันธวงศ์ รวมถึงสำราญราษฎร์ มีพฤติกรรมตั้งแต่เรียกเก็บค่าคุ้มครอง การพนัน ค้ามนุษย์ และที่เย้ยกฎหมายเป็นพิเศษคือการรวมกลุ่มกันปล้นฆ่า สะท้านเมือง

    สำหรับแก๊ง 4 คิงส์เคยมีอิทธิพลในหมู่คนจีนที่เข้ามาในกรุงเทพฯ ประมาณปี 2527-2529 โดยก่อคดีอุกฉกรรจ์หลายครั้ง พฤติกรรมโหดเหี้ยม โดยเฉพาะปล้นฆ่าเจ้าของร้านทองแม่มะลิ กลางเมืองหลวงเมื่อปี 2529 กรุงเทพฯ เวลานั้นนอกจากมาเฟียต่างชาติแล้ว ยังมีนักเลง อั้งยี่ ที่เป็นคนจีนอพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานในเยาวราชอยู่หลายก๊วนหลายกลุ่ม ที่ยังพอจำกันได้คือ เฮียเหลา สวนมะลิ และก๊งก๊ง เยาวราช ในยุคนั้นค่อนข้างมีอิทธิพล มีลูกน้องจำนวนมาก รวมถึงนักเลงจากจีนเข้ามาสมทบด้วยหลายต่อหลายคน

    "ยุคนั้นคนเหล่านี้ก่อคดีอุกอาจ ทั้งปล้น ฆ่า แต่หลังจากถูกทางการปราบปรามอย่างหนักก็ซาลงไป ถูกสังหารไปบ้าง จับกุมดำเนินคดีส่งกลับประเทศไปบ้าง ที่เหลืออยู่ก็ไม่กล้าทำอะไร ได้แต่เก็บตัวเงียบ ในจำนวนนี้รวมถึงเจ้าพ่อคนไทยเชื้อสายจีนบางคนที่ยังมีชีวิตอยู่ด้วย" พ.ต.ท.อรรถพร สุริยเลิศ รอง ผกก.ศสส.น.ระบุ ปัจจุบันแก๊งต่างชาติในกรุงเทพฯ มีพฤติกรรมแตกต่างไปจากอดีต จากที่เคยเข้ามาก่อคดีปล้นฆ่าหรือค้ามนุษย์ เปลี่ยนไปเป็นค้ายาเสพติด และธุรกิจการพนัน ไม่เฉพาะคนจีนแต่มีทั้งกลุ่มแขกขาวและฝรั่ง โดยกบดานหากินอยู่ตามศูนย์รวมสถานบันเทิง อย่างรัชดาและซอยนานา หรือแม้กระทั่งประตูน้ำ

    พ.ต.ท.อรรถพร บอกด้วยว่า คดีฆ่ากันตายโดยฝีมือคนต่างชาตินั้น จากการตรวจสอบพบว่าปัจจุบันไม่ใช่แก๊งมาเฟียอย่างเช่นอดีต เป็นเพียงการฆ่าล้างแค้นระหว่างบุคคลเท่านั้น แต่ปัญหาที่เกิดจากกลุ่มคนร้ายต่างชาติเวลานี้คือการพนันและค้ายาเสพติด

    ข้อมูลนี้สอดคล้องกับ พ.ต.ท.ประสาธน์ เขมะประสิทธิ์ รอง ผกก.2 ศส.สตม.ซึ่งระบุว่า ปัจจุบันแก๊งมาเฟียต่างชาติเดินทางเข้าไทยได้ยากขึ้น เพราะระบบตรวจสอบของทางการไทยพัฒนาก้าวหน้าไปมาก ทำให้คนร้ายต่างชาติเลือกเดินทางเข้าประเทศอื่นที่มีระบบตรวจสอบล้าสมัยกว่าไทยมากกว่า อย่างเช่นแก๊งลูกหมูซึ่งเคยก่อปัญหาก่อนหน้านี้ ปัจจุบันพบว่าได้เปลี่ยนไปใช้ประเทศเพื่อนบ้านเป็นทางผ่านแทนประเทศไทยแล้ว


    จากหนังสือพิมพ์ คมชัดลึก
    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย khonsurin; 09-09-2009 at 20:24.
    *********************************


    อิสระ เสรี เสมอภาค




    *********************************

Tags for this Thread

กฎการส่งข้อความ

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •