กำลังแสดงผล 1 ถึง 4 จากทั้งหมด 4

หัวข้อ: เดินเพื่อสุขภาพ

Threaded View

คำตอบที่แล้วมา คำตอบที่แล้วมา   คำตอบถัดไป คำตอบถัดไป
  1. #1

    เดินเพื่อสุขภาพ

    เดินเพื่อสุขภาพ


    คนทำงานนั่งโต๊ะมักไม่เคลื่อนไหวร่างกาย ทำให้เสี่ยงต่ออาการหัวใจขาดเลือด ความดันเลือดสูง เบาหวานและโรคมะเร็งบางชนิด
    การเดินเป็นการเคลื่อนไหวร่างกายที่ทำได้ในที่ทำงานปลอดภัย และถ้าเดินมากพอและเร็วพอจะช่วยป้องกันโรคดังกล่าว
    ฉบับนี้เสนอความรู้เกี่ยวกับการเดินแง่มุมต่างๆ เพื่อที่จะนำไปปฏิบัติได้จริงในชีวิตประจำวัน


    พลังงานกับการเดิน
    วัยเด็กที่เริ่มเดิน จะสังเกตว่าแต่ละก้าวแรกของเด็กเมื่อเริ่มต้นเดินจะก้าวได้ยาก แต่พอเด็กได้เดินไปก้าวแรก
    ก้าวต่อไปจะทำได้ไม่ยากและต่อเนื่องไปได้โดยไม่ได้ใช้พลังงานมากนัก
    ที่เป็นเช่นนี้เพราะการเดินเป็นเพียงการเปลี่ยนจุดศูนย์ถ่วงของร่างกายไปทางด้านหน้าเท่านั้น
    หน้าที่ของขาและเท้าคือก้าวไปให้ทันไม่ให้จุดศูนย์ถ่วงตกออกนอกฐาน
    เมื่อโตขึ้นร่างกายจะปรับตัวให้ใช้พลังงานให้น้อยที่สุดด้วยการเดินที่ความเร็วที่เหมาะสมหรือความเร็วปกติ
    เป็นความเร็วในการเดินที่รู้สึกสบายไม่เหนื่อย
    ถ้าเดินช้าหรือเร็วกว่าความเร็วที่เหมาะสมนี้จะใช้พลังงานมากขึ้น
    และถ้าต้องการให้ใช้พลังงานให้มากควรเดินให้เร็วกว่าความเร็วการเดินปกติ ยิ่งเดินเร็วมากขึ้นจะใช้พลังงานมากขึ้น


    เดินมากแค่ไหน จึงจะดีต่อสุขภาพ
    จากการศึกษาด้วยเครื่องนับก้าว (pedometer) ในเด็กอายุ 12-15 ปีจะเดิน 12,000-15,000 ก้าวต่อวัน
    และมีแนวโน้มลดลงเมื่อเข้าสู่วัยรุ่นคือ 10,000- 11,000 ก้าวต่อวัน คนทำงานนั่งโต๊ะของสหรัฐอเมริกา จะเดินน้อยกว่า 5,000 ก้าว
    พบว่าคนที่เดินเพียง 2,500- 4,200 ก้าวต่อวันมีแนวโน้มที่จะมีน้ำหนักเกินมาตรฐาน
    จะเห็นได้ว่าการนับก้าวเป็นตัวบ่งบอกการเคลื่อนไหวร่างกายวิธีหนึ่ง
    ญี่ปุ่นมีการโฆษณาขายเครื่องนับก้าวและแนะนำให้คนญี่ปุ่นเดินวันละ ๑๐,๐๐๐ ก้าวเพื่อสุขภาพ
    อย่างไรก็ตาม การนับก้าวไม่ได้บอกถึงความหนัก (ความเร็ว) ในการเดิน
    ดังนั้นการนับจำนวนก้าวอาจไม่จำเป็น การใช้เวลาเป็นตัวกำหนดการเดินสามารถทำได้ง่ายกว่า

    มีคำแนะนำจาก The Surgeon s General ของสหรัฐอเมริกาให้เดินเร็วอย่างน้อยวันละ 30 นาที ซึ่งจะเทียบได้กับประมาณ 3,000 ก้าว
    หรือการใช้พลังงานประมาณ 150 กิโลแคลอรีต่อวัน เพียงพอที่จะทำให้มีสุขภาพดี ป้องกันโรคเรื้อรังที่กล่าวมาข้างต้นแล้วพูดง่ายๆ
    คือให้เดินเร็วมากขึ้นจากชีวิตประจำวันที่ใช้อยู่ปกติอีกครึ่งชั่วโมง และไม่จำเป็นที่จะต้องทำต่อเนื่อง เช่น เดินจากที่จอดรถไปสำนักงาน 5 นาที
    เดินในสำนักงานอีก 5 นาที เดินไปกินข้าวกลางวันอีก 10 นาที เป็นต้น บวกกันให้ได้อย่างน้อยวันละ 30 นาที
    ที่สำคัญให้ออกแรงเดินเร็วๆ ไม่เดินด้วยความเร็วที่เคยเดินปกติ


    ออกกำลังด้วยการเดิน
    การใช้ชีวิตประจำวันนอกจากจะเดินเร็วแล้ว
    การออกกำลังกายด้วยการเดินจะเสริมประสิทธิภาพของ หัวใจและหลอดเลือด หรือช่วยลดน้ำหนักได้
    การเดินเป็นการออกกำลังที่ทำได้ง่ายและสะดวก อุปกรณ์ที่จำเป็นมีเพียงรองเท้าที่มีส้นนิ่มหนึ่งคู่เพื่อช่วยลดแรงกระแทกที่ส้นเท้าและเข่า
    ผู้ที่ต้องการออกกำลังเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของหัวใจและหลอดเลือดด้วยการเดิน
    แนะนำให้เดินด้วยความเร็วที่ทำให้เหนื่อยระดับปานกลางจนถึงมาก อาจประเมินความเหนื่อยเป็นตัวเลข 0-10
    ศูนย์ (0) คือขณะพักอยู่เฉยๆ ไม่เหนื่อยเลย ขณะที่สิบ (10) คือความเหนื่อยที่มากที่สุด ไม่เคยเหนื่อยอย่างนี้มาก่อน
    ให้เดินด้วยความเร็วที่ทำให้เหนื่อยระดับ 6-7ต่อเนื่องอย่างน้อย 20 นาที 3 ครั้งต่อสัปดาห์
    สำหรับการเดินเพื่อลดน้ำหนักนั้น ควรเดินด้วยความเร็วที่ทำให้เหนื่อยระดับปานกลาง หรือประมาณความเหนื่อยระดับ 5
    แต่ต้องเดินให้นาน อย่างน้อย 1 ชั่วโมง
    ทางสรีรวิทยาพบว่าร่างกายจะดึงไขมันมาใช้เป็นพลังงานเมื่อออกกำลัง 1) ที่ความหนักระดับน้อยถึงปานกลาง และ
    2) เป็นระยะเวลานานอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง ก่อนหน้านี้ร่างกายจะใช้พลังงานจากแป้งและน้ำตาลเป็นส่วนใหญ่
    เมื่อแป้งและน้ำตาลที่สะสมและในเลือดน้อยลงจึงต้องนำพลังงานจากไขมันมาใช้แทน


    ทางเท้าน่าเดิน
    บรรยากาศเมืองหลวงโดยเฉพาะกรุงเทพฯ ไม่น่าเดินเพราะมีการใช้รถกันมาก จึงมีควันและฝุ่นละอองมาก
    ผู้เขียนเคยใช้ชีวิตช่วงหนึ่งอยู่เมืองใหญ่อย่างนิวยอร์กที่มีประชากรมากกว่ากรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีแต่คนเดินเต็มทางเท้า
    ผู้คนใช้รถส่วนตัวน้อย ใช้บริการรถไฟใต้ดินกันมาก เพราะสะดวกหลังออกจากรถไฟใต้ดินแล้วต้องเดินต่อไปทำงาน ผู้คนกระฉับกระเฉง
    เดินเร็วหาคนอ้วนไม่เจอโดยเฉพาะย่านธุรกิจ รัฐบาลควรสนับสนุนการสร้างรถไฟฟ้าให้ทั่วกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่
    ผู้คนจะได้เดินกันมากขึ้นสุขภาพกายดีขึ้น สุขภาพจิตก็ดีขึ้นด้วย ไม่ต้องนั่งติดอยู่ในรถนานๆ ให้หงุดหงิด

    ฝากไว้ว่า คนทำงานนั่งโต๊ะเสี่ยงต่อเบาหวาน ความดันเลือดสูง โรคหัวใจขาดเลือด
    มาดูแลสุขภาพด้วยการเดินเร็วเพียงวันละ 30 นาที จะปลอดจากโรคร้ายที่อาจมาเยี่ยมท่านได้ในอนาคต


    ขอขอบคุณที่มา...เว็บหมอชาวบ้าน
    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ติ๋ม เปอร์โย; 16-09-2009 at 04:07.
    คนที่กล้าจะพ่ายแพ้เท่านั้น...ที่จะประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่

Tags for this Thread

กฎการส่งข้อความ

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •