สถาบันครอบครัวเป็นสถาบันที่มีความสำคัญที่สุดของสังคมก็ว่าได้ ครอบครัวเป็นที่ที่มีความสำคัญ เป็นที่เพาะบ่มจิตใจและเป็นที่เพาะบ่มชีวิตของทุกๆคน การที่คนเราจะแต่งงาน สร้างครอบครัว จึงนับว่าเป็นเรื่องที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง

เกิดเป็นหญิงแท้จริงแสนลำบาก จะเป็นภริยาประเภทไหน

ชายและหญิงที่ตัดสินใจจะร่วมชีวิต สร้างครอบครัวด้วยกันนั้น นับเป็นเรื่องที่จะต้องดูกันดีๆ ข้าพเจ้าเคยได้อ่านพระพระสูตรในพระไตรปิฎกอยู่สูตรหนึ่ง ชื่อว่า ภริยาสูตร เห็นว่า เป็นสูตรที่มีความน่าสนใจ พระพุทธเจ้าท่านได้ทรงแจกแจงภริยาเอาไว้ถึง ๗ ประเภท เพื่อสอนเพศหญิงที่เป็นเสาหลักที่สำคัญของครอบครัวไม่แพ้เพศชาย เพื่อให้เพศหญิงประพฤติตนให้เหมาะสม เพื่อที่จะยังประโยชน์สุขให้เกิดขึ้นในครอบครัว

ภริยามี ๗ ประเภท ดังนี้คือ
๑. วธกาภริยา คือ ภรรยาเสมอด้วยเพชฌฆาต คือ ภริยาผู้มีจิตประทุษร้ายคิดทำร้ายสามีตลอดเวลา คิดที่จะฆ่าสามี เพื่อผลประโยชน์ของตน พูดถึงภริยาประเภทนี้ ตอนนี้ ถ้าใครได้ดูละครเรื่อง ทะเลริษยา ก็จะเห็นตัวอย่างได้จาก ภาวินี ที่รับบทโดย สินจัย เล่นได้ถึงบทบาทมาก

๒. โจรภริยา คือ ภริยาเสมอด้วยโจร เป็นภริยาที่ไม่สนใจการงาน เกียจคร้าน ไม่ช่วยสามีหาทรัพย์หรือเก็บงำทรัพย์ที่สามีหามาให้ด้วยดี มีการยักยอกทรัพย์ ขโมยทรัพย์ของสามีไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสมอยู่เสมอ

๓. อัยยาภริยา คือ ภริยาเสมอด้วยนาย เป็นผู้ชอบข่มขู่วางอำนาจเหนือสามี ปากร้าย ชอบด่าคำหยาบ ข่มสามีผู้ขยันขันแข็งในการทำงาน สามีคนไหนได้อยู่กับภริยาประเภทนี้ ก็จะ หมดกำลังใจ หมดความมั่นใจในตัวเอง ไม่สง่างามในครอบครัว หรือในสังคม

๔. มาตาภริยา คือ ภริยาเสมอด้วยมารดา เป็นภรรยาที่รักและ ห่วงใยสามีประดุจแม่ห่วงใยลูก มีจิตเมตตาอนุเคราะห์สามีอยู่เสมอ รักษาทรัพย์ที่สามีหามาได้ ไม่เอาไปล้างผลาญ เวลาสามีป่วยก็คอยพยาบาลดูแลไม่รังเกียจ ประดุจมารดาดูแลบุตร แต่ไม่ได้หมายถึง ทำตัวเป็นคนขี้บ่น เห็นสามีเป็นเด็ก มิใช่เช่นนั้นแน่นอน

๕. ภคินีภริยา คือ ภริยาที่เสมอด้วยพี่สาวหรือน้องสาว เป็นภริยาที่ให้ความเคารพสามี ดุจสามีเป็นพี่ชาย หรือ ให้ความเกื้อ*ลดูแลใกล้ชิดสามีดุจสามี ช่วยเหลือกิจการงานต่างๆของสามีดุจเป็นน้องชาย

๖. สขีภริยา คือ ภริยาเสมอด้วยเพื่อนรัก เมื่อเห็นสาม ีก็จะมีความดีใจประดุจเห็นเพื่อนรักที่จากกันไปนานกลับมาหา เป็นหญิงมีตระกุล มีศีล มีวัตรปฏิบัติสามีอย่างดี

๗. ทาสีภริยา คือ ภริยาเสมอด้วยทาส เป็นภรรยาที่รักเคารพสามี ไม่มีปากเสียง เมื่อสามีเกรี้ยวกราด ก็ไม่ใช้อารมณ์ตอบโต้สามี เป็นคนอดทน อดกลั้น ไม่ใส่อารมณ์แก่สามี

พระพุทธเจ้าท่านทรงสรรเสริญภรรยา ๔ ประเภทหลัง ส่วนภรรยา ๓ ประเภทแรกนั้นเป็นภรรยาที่ไม่ควรเอาเป็นแบบอย่าง และ หากผู้หญิงคนใดมีศีล ๕ ประจำชีวิต เธอก็จะมีจิตใจที่ดีงาม มีความอ่อนโยนและเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ก็จะเป็นภรรยาที่ดีได้ไม่ยากเลย ความดีที่เธอมีก็จะดึงดูดสิ่งที่ดีงามมาสู่ชีวิตอย่างแน่นอน

พระพุทธองค์ท่านได้ตรัสอีกว่า ผู้ที่เป็นภรรยาที่ดีนั้น จะมีรักที่ยั่งยืน จะถนอมน้ำใจคนรักไว้ได้อย่างมั่นคง รักไม่รู้โรย จะว่าอย่างนั้นก็คงได้
ครอบครัวจะมีความสุขมากแค่ไหน ก็คงจะอยู่ที่ศิลปะในการดำรงชีวิต ของผู้ที่เป็นผู้นำครอบครัวทั้งชายและหญิง ก็จะต้องรักกัน เมตตากัน ประคองกันไป ให้อภัยกันเมื่อผิดพลาด ชีวิตคู่ก็จะเป็นไปได้ด้วยดี

เกิดเป็นหญิงแท้จริงแสนลำบาก จะเป็นภริยาประเภทไหน

มาตาภรรยา
เพราะรักที่สุดจะไม่ให้สิ่งใดมาแพ้วพาน
จะตักเตือนให้ระลึกถึงความดีงาม
จะเตือนให้ระลึกถึงความรักความเมตตาที่มีต่อกัน
เป็นที่พึ่งและที่ระลึกถึงเมื่อยามมีภัย
จะนำความรุ่งเรืองมาให้สามีของตนนั้นเสมอ
มาตาภรรยานี้ชื่อว่าประเสริฐอย่างแท้

ภคินีภรรยา
เพราะรักอย่างความผูกพันห่วงใย
จะเตือนถึงภัยแม้จะยังมาไม่ถึง
จะพิทักษ์ตระ*ลดุจสายเลือดเดียวกัน
อาศัยกันด้วยความรักและความปรองดอง
จะสู้เพื่อให้อีกคนหนึ่งรอดจากภัย
รักนี้จึงชื่อว่าลึกซึ้งแท้

สขีภรรยา
เพราะรักอย่างยิ่งจะอยู่ที่ไหนจะอยู่ด้วยกัน
จะห้ามในสิ่งที่ชั่ว จะพูดคุยได้ทุกเรื่อง
จะให้ความเคารพซึ่งกันและกัน
ความรักนี้จึงชื่อว่ายั่งยืนแท้

ทาสีภรรยา
เพราะรักด้วยใจเคารพและภักดี
เพราะเชื่อมั่นในสามีจนอาจตายแทนได้
รักด้วยศรัทธาจึงอดทนได้อย่างมหาศาล
สามีคือมิ่งขวัญสูงสุดของชีวิตและจิตใจ
เพราะเข้าใจในตัวตนจึงไม่เคยโกรธเคือง
รักนี้จึงชื่อว่าเสียสละและมั่นคงอย่างแท้

แต่ทุกความรักมิได้มีแค่ส่วนใดส่วนหนึ่งจึงสมบรูณ์
ภรรยาที่ดีต้องเป็นได้ทั้งสี่ที่กล่าวมา
แต่จะเป็นตามเงื่อนไขและเวลา
เพื่อให้รักเราทั้งยิ่งใหญ่
ลึกซึ้ง ยั่งยืน เสียสละและมั่นคงแท้จริง


ที่มา : ขยายความจาก ภริยาสูตร