รักษาแผลในกระเพาะอาหารด้วย “ว่านหางจระเข้”



รักษาแผลในกระเพาะอาหารด้วย “ว่านหางจระเข้”




ว่านหางจระเข้ เป็นสมุนไพรไทยที่มีสรรพคุณมากมายหลายด้าน เช่น ใช้เป็นยารักษาโรค ใช้รับประทานเป็นอาหารเสริมบำรุงสุขภาพ และนำมาสกัดเป็นเครื่องสำอางประทินความงามให้คุณผู้หญิง ทำให้ว่านหางจระเข้เป็นที่รู้จักและใช้ประโยชน์กันมาตั้งแต่โบราณกาลจนถึงปัจจุบัน


ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของว่านหางจระเข้ เป็นไม้ล้มลุกอายุหลายปี ข้อและปล้องสั้น ใบเดี่ยว เรียงรอบต้น อวบน้ำมาก สีเขียวอ่อนหรือเขียวเข้ม คล้ายหางจระเข้ ภายในมีวุ้นใส ใต้ผิวสีเขียวมีน้ำยางสีเหลือง ดอกช่อออกจากซอกใบ ก้านดอกยาวมาก ดอกย่อยเป็นหลอดห้อยลง สีส้ม บานจากล่างขึ้นบน มีสารสำคัญ ได้แก่ 1. วุ้นและเมือกจากใบ ออกฤทธิ์ลดอาการอักเสบและช่วยสมานแผล โดยจะไปส่งเสริมการจับตัวและการเจริญเติบโตของเซลล์ที่บาดแผลทำให้แผลหายเร็วขึ้น 2. ยางสีเหลืองในส่วนของเปลือกใบ มีสารที่มีฤทธิ์เป็นยาระบายหลายชนิด ช่วยในการขับถ่าย



วิธีรักษาแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวกและแผลถลอก ให้นำวุ้นจากใบโดยเลือกใบว่านที่อยู่ส่วนล่างของต้น (อายุประมาณ 1 ปี) ล้างน้ำให้สะอาด ปอกเปลือกสีเขียวออก ล้างน้ำยางสีเหลืองและขูดเอาวุ้นใสปิดพอกบริเวณแผลหรือฝานเป็นแผ่นบางปิดแผลพันด้วยผ้าพันแผลที่สะอาด ทา 2 ครั้ง เช้า-เย็น จนกว่าแผล จะหาย ข้อควรระวังล้างยางสีเหลืองจากส่วนเปลือกออกให้หมดก่อนนำมาใช้ และควรทดสอบว่ามีอาการแพ้หรือไม่ โดยทาวุ้นลงบริเวณแขนด้านใน หากไม่เกิดอาการคันหรือแดงก็ใช้ได้ ส่วน วิธีทำยาถ่าย ใช้ยางสีเหลืองจากเปลือกใบ ซึ่งเมื่อกรีดใบว่านหางจระเข้จะมียางสีเหลือง ๆ ไหลออกมา นำน้ำยางที่ได้ไปเคี่ยวเพื่อระเหยน้ำออกไป เมื่อทิ้งให้เย็นจะ เป็นก้อนสีน้ำตาลดำ เรียกว่า “ยาดำ” ใช้เป็นยาระบาย ขนาดรับประทานประมาณ 250 มิลลิกรัม


นอกจากนี้แล้ว เภสัชกร สมนึก สุชัยธนาวนิช หัวหน้าศูนย์พัฒนายาไทยและสมุนไพร กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข ยังให้ความรู้ด้านสรรพคุณของว่านหางจระเข้และวิธีนำมารับประทานเป็นอาหารเสริมสุขภาพว่า การ รับประทานวุ้นว่านหางจระเข้จะช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหารและมีสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอีกมากมาย โดยเราสามารถทำรับประทานเองได้ที่บ้าน โดยเลือกต้นที่ปลูกแล้วประมาณ 3 ปี จะมีสารประกอบที่สำคัญสูง เมื่อตัดก้านที่ใหญ่ที่สุดมาแล้วใช้กระดาษรองเพื่อดูดซับยางสีเหลืองออกให้หมด โดยตั้งทิ้งไว้ประมาณ 1 คืน นำมาปอกเปลือกแล้วล้างสารปนเปื้อนด้วยแอลกอฮอล์ประมาณ 70 เปอร์เซ็นต์ จากนั้นหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋ารับประทานกับน้ำเชื่อม หรือจะนำไปปั่นทำเป็นน้ำว่านหางจระเข้รับประทานก็ได้ ที่สำคัญวุ้นจะเสียคุณค่าทางสารอาหารได้ง่ายเมื่อถูกความร้อน ส่วน ด้านความงามจะนำว่านหางจระเข้มาสกัดเป็น ส่วนผสมของสารบำรุงผิวพรรณ ปกป้อง แสงยูวี ต้านมะเร็งผิวหนัง


ทราบถึงคุณประโยชน์มากมายอย่างนี้แล้ว อย่าลืมนำว่านหางจระเข้ไปทดลองทำตามขั้นตอนและรับประทานดูนะคะ เชื่อว่าจะได้รับประโยชน์ไม่มากก็น้อยเพื่อสุขภาพที่ดียิ่งกว่า…



จาก นสพ. เดลินิวส์