ศาสตร์แห่งมวยไทย
มวยไทยเป็นศาสตร์
มวยไทย เป็นการต่อสู้ของคนไทยที่มีมานานหลายร้อยปี มีบางคนกล่าวว่า มวยไทยเป็น ศาสตร์การโจมตีทั้งแปด คือ สองมือ สองเท้า สองศอก และสองเข่า
มวยไทย จะมีทั้งศาสตร์การป้องกันและการรุก ... การป้องกันก็คือ การยืนที่มั่นคงไม่ล้มง่าย การตั้งแขนป้องกัน (การการ์ดมวย) และการเก็บคาง ซึ่งการป้องกันนี้จะเปรียบเสมือนป้อมปราการที่มั่นคง มีโอกาสบาดเจ็บน้อย แต่พร้อมที่จะโจมตีตอบโต้ได้ทุกเวลา ส่วนการรุก ก็คือ การใช้แม่ไม้มวยไทยและลูกไม้มวยไทยต่างๆ ที่เคลื่อนไหวอย่างเด็ดขาดรุนแรงและสง่างาม อาวุธมวยจะมีทั้งการต่อสู้ระยะไกล(วงนอก) และการต่อสู้ระยะประชิด(วงใน) การออกอาวุธมวยจะมีทั้งมีเป้าหมายที่แน่นอน การซ่อนกลลวง และมีทั้งการข่มขวัญเอาไว้
แม่ไม้มวยไทย มีทั้งหมด 15 ไม้ มีชื่อไพเราะดังนี้
....สลับฟันปลา ...ปักษาแหวกรัง ….ชวาซัดหอก … อิเหนาแทงกริช …..ยอเขาพระสุเมรุ ……ตาเถรค้ำฝัก ….มอญยันหลัก ….ปักลูกทอย …..จระเข้ฟาดหาง …..หักงวงไอยรา …..นาคาบิดหาง …..วิรุฬหกกลับ …. ดับชวาลา ….. ขุนยักษ์จับลิง ….. หักคอเอราวัณ
ลูกไม้มวยไทย จะมีทั้งลูกผสมและลูกแยก เพื่อใช้ล่อหลอกและเผด็จศึกคู่ต่อสู้
เช่น ...แตะตรงเตะ แตะถีบเตะ แตะตรงถีบเตะ ....หรือลูกเตะสลับ เตะช้อน เตะตวัด เตะสูง เตะสวาบ เตะพับนอก เตะพับใน เตะคา ....หรือลูกถีบหน้า ถีบหลัง ถีบจิก ....หรือลูกศอกตี ศอกตัด ศอกงัด ศอกพุ่ง ศอกกระทุ้ง ศอกกลับ ...หรือลูกเข่าน้อย เข่าลา เข่าโค้ง เข่าตี เข่ากระทุ้ง เข่าลอย เข่าแหลม เข่าคา ....หรือลูกหมัดหน้า หมัดหลัง หมัดลัก หมัดอ้อม หมัดเกี่ยว หมัดสอย หมัดเสย หมัดซ้ำ หมัดหนึ่งสอง หมัดชุดสามเหลี่ยม เป็นต้น
มวยไทยจะใช้ทั้งหมัด ศอก เข่า และเท้า
เชิงหมัด
หากเป็นเชิงหมัด มวยไทยจะมี 15 เชิง
........กาจิกไข่ …พระพรายล้มสิงขร …วานรหักด่าน ….พระกาฬเปิดโลก ….โขกนาสา .....อินทราขว้างจักร …พระลักษณ์ห้ามพล ….ผจญช้างสาร …หนุมานถวายแหวน ….ล่วงแดนเหรา …..นาคาพ่นไฟกาฬ …..หักด่านล่มกรด …..องคตพระขรรค์ …..ฤาษีลืมญาณ ….หนุมานจองถนน
เชิงศอก
หากเป็นเชิงศอก มวยไทยจะมี 24 เชิง
….พุ่งหอก …ศอกฝานหน้า …พร้ายายแก่ …แง่ลูกคาง …ถางป่า ….ฟ้าลั่น …..ยันพยัคฆ์ …..จักรนารายณ์ …..ทรายเหลียวหลัง …..กวางสบัดหน้า ….คชาตกมัน ….พสุธาสะท้าน ….ยันโยธี …..อัคคีส่องแสง …..กำแพงภูผา …..นาคาคาบหาง.…ช้างประสานงา …สู่แดนนาคา ….โยธาเคลื่อนทัพ ….ยันสองกร ….ฆ้อนตีทั่ง …..ขว้างพสุธา …..ฤาษีบดยา ……นาคาเคลื่อนกาย
เชิงเข่า
หากเป็นเชิงเข่า มวยไทยจะมี 11 เชิง
……กุมภัณฑ์พุ่งหอก …..หยอกนาง ……เชยคาง ……พรางศัตรู ……งูไล่ตุ๊กแก ……ตาแก่ตีชุด …….หยุดโยธา …….ภูผาสะท้าน ……หักคอช้างเอราวัณ ……ดั้นภูผา ….ศิลากระทบ
เชิงเท้า
และหากเป็นเชิงเท้า มวยไทยจะมี 15 เชิง
……เปิดทวาร …..ลงดานประตู …..กระทู้ขรัวตา ……โยธาสินธพ ……มานพเล่นขา …..มัจฉาเล่นหาง …..กวางเล่นโป่ง …..ณรงค์พยุหบาท …..จระเข้ฟาดหาง …..กินรีเล่นน้ำ …..ตามด้วยแข้ง …..แปลงอินทรีย์ ….พาชีสะบัดย่าง……นางสลับบาท ……กวาดธรณี
กลมวยไทย
ยิ่งกว่านั้น มวยไทยยังมี กลมวยไทย
แก้หมัด 29 กล, กลมวยไทย
แก้ศอก 4 กล, กลมวยไทย
แก้เข่า 3 กล,
และแก้เท้าอีก 23 กล
กติกามวยไทย
1. สังเวียนมวยหรือเวทีมวย
ขนาดของสังเวียน
จะต้องเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส ขนาดเล็ก ด้านละ 20 ฟุต (6.10 เมตร) หรือขนาดใหญ่ ด้านละ 24 ฟุต (7.30 เมตร) ซึ่งวัดภายในของเชือก
พื้นสังเวียน
จะต้องได้ระดับ เรียบแน่นหนามั่นคง ปูด้วยยาง หรือผ้าอย่างอ่อน หรือเสื่อฟางอัด หรือวัสดุที่เหมาะสม หนาไม่น้อยกว่า 1 นิ้ว และปูทับด้วยผ้าใบที่ขึงตึงและคลุมพื้นสังเวียนทั้งหมด และต้องยื่นออกไปนอกเชือก อย่างน้อย 90 ซม. (36 นิ้ว) พื้นสังเวียนต้องอยู่สูงจากพื้นอาคารไม่ต่ำกว่า 4 ฟุตและไม่เกิน 5 ฟุต ตั้งเสาขนาด 4-5 นิ้ว สูงขึ้นไปจากพื้นเวที 58 นิ้ว มุมทั้งสี่ต้องหุ้มนวมให้เรียบร้อย
เชือกขึงสังเวียน
จะต้องมีเชือก 4 เส้น มีความหนาอย่างน้อย 3 ซม. อย่างมาก 5 ซม. ขึงตึงกับเสามุมทั้งสี่ของสังเวียน สูงจากฟื้นสังเวียนขึ้นไปถึง ด้านบนของเชือก 45 ซม., 75 ซม., 105 ซม., และ 135 ซม. ตามลำดับ เชือกทุกเส้นต้องหุ้มด้วยวัสดุที่อ่อนนุ่มและเรียบ เชือกแต่ละด้านของสังเวียน จะต้องผูกยึดกันด้วยผ้าเหนียว 2 ชิ้น ซึ่งมีขนาดกว้าง 3 – 4 ซม. ให้มีระยะห่างเท่า ๆ กัน และผ้าที่ผูกนั้นต้อง ไม่เลื่อนไปตามเชือก
บันไดสังเวียน
จะต้องมี 3 บันได มีขนาดกว้างไม่น้อยกว่า 3 ฟุต สองบันไดจะต้องอยู่ที่มุมตรงข้ามสำหรับนักมวยและพี่เลี้ยง ส่วนอีกบันได จะต้องอยู่ที่มุมกลาง สำหรับผู้ชี้ขาดและแพทย์
กล่องพลาสติก
....ณ ที่มุมกลางทั้งสองมุม จะต้องติดตั้งกล่องพลาสติกไว้นอกสังเวียน มุมละ 1 กล่อง เพื่อให้ผู้ชี้ขาดทิ้งสำลีที่ใช้ซับเลือด
2. อุปกรณ์ประจำสังเวียน
ที่นั่งพักนักมวย
สำหรับนักมวยนั่งพัก ระหว่างพักยก 2 ที่
ขวดน้ำ
ขนาดเล็ก 2 ขวด สำหรับดื่ม และขวดน้ำชนิดพ่นฝอย 2 ขวด ไม่อนุญาตให้นักมวยหรือพี่เลี้ยงใช้ขวดน้ำชนิดอื่น บนสังเวียน
ผ้าเช็ดตัว 2 ผืน
น้ำ 2 ถัง
โต๊ะและเก้าอี้สำหรับเจ้าหน้าที่
ระฆัง
นาฬิกาจับเวลาชนิดกดหยุดได้ 1 หรือ 2 เรือน
ใบบันทึกคะแนน
หีบใส่กุญแจ สำหรับเก็บใบบันทึกคะแนน
ป้ายบอก จำนวนยก – จำนวนเวลา – และบอกลำดับเลขคู่ชก 1 ชุด
นวม 2 คู่
กางเกงมวยสีแดง และสีน้ำเงิน อย่างละ 1 ตัว (ใช้ในกรณีฉุกเฉิน)
กระจับพร้อมเชือก 1 – 2 อัน (ใช้ในกรณีฉุกเฉิน)
ฉากบังตา 2 อัน (ใช้ในกรณีฉุกเฉิน)
เปลหามคนเจ็บ 1 ชุด
กรรไกรปลายมน 1 อัน
3. นวมและผ้าพันมือ
นักมวยไทย จะต้องใช้นวมที่ได้รับการรับรองจากสภามวยไทยโลก ซึ่งคณะกรรมการจัดการแข่งขันจัดไว้ให้เท่านั้น ไม่อนุญาตให้ผู้แข่งขัน ใช้นวมของตนเอง
นักมวยรุ่นเล็กถึงรุ่นน้ำหนัก 122 ปอนด์ ใช้นวมขนาด 8 ออนซ์ นักมวยรุ่นสูงกว่า 122 ปอนด์ ใช้นวมขนาด 10 ออนซ์ ไส้นวมต้องไม่เปลี่ยนรูปขณะกระแทกกัน จะต้องผูกเชือกนวมให้ปมเชือกอยู่ด้านนอกหลังข้อมือของนวม และให้ใช้นามที่สะอาด และใช้การได้เท่านั้น
จะต้องใช้ผ้าพันมืออย่างอ่อน ยาวข้างละไม่เกิน 6 เมตร กว้างไม่เกิน 5 ซม. ผ้าพันมือชนิดอื่นใช้ไม่ได้ อาจใช้พลาสเตอร์ยาง ข้างละ 1 เส้น ปิดทับข้อมือหรือหลังมือ ห้ามพันทับสันหมัด
การตรวจผ้าพันมือและตรวจการสวมนวม จะต้องอยู่ภายใต้การตรวจของเจ้าหน้าที่ตรวจนวม ก่อนจะขึ้นสู่เวที
4. การแต่งกายของนักมวย
นักมวย จะต้องสวมกางเกงขาสั้นเพียงครึ่งโคนขาให้เรียบร้อย ไม่สวมเสื้อและไม่สวมรองเท้า นักมวยมุมแดง จะต้องสวมกางเกงสีแดง หรือสีชมพู หรือสีสีเลือดหมู หรือสีขาวที่มีแถบคาดแดง ส่วนนักมวยมุมน้ำเงิน จะต้องสวมกางเกงสีน้ำเงิน หรือสีดำ ห้ามคาดแถบสีแดง และจะต้องสวมเสื้อคลุมตามข้อบังคับของสภามวยไทยโลก
นักมวย จะต้องสวมกระจับที่ทำขึ้นจากวัสดุแข็งแรงทนทาน และได้รับการรับรองจากสภามวยไทยโลก เมื่อถูกตีด้วยเข่าหรือถูกเตะถีบด้วยเท้า ตรงบริเวณอวัยวะเพศ จะไม่ทำให้เกิดอันตราย การผูกกระจับจะต้องผูกปมไว้ด้านหลัง และจะต้องผูกด้วยเงื่อนตาย เก็บปลายเชือกส่วนที่เหลือให้เรียบร้อย
ห้ามไว้ผมยาวรุงรัง และห้ามไว้เครา อนุญาตให้ไว้หนวดได้ แต่จะต้องยาวไม่เกินริมฝีหาก เล็บเท้า จะต้องตัดให้เรียบและสั้น
จะต้องสวมมงคลผ้าประเจียด หรือรัดเกล้า เฉพาะเวลาร่ายรำไหว้ครู ก่อนทำการแข่งขันเท่านั้น เครื่องรางจะอนุญาตให้ผูกที่โคนแขน หรือที่เอว แต่จะต้องหุ้มผ้าให้มิดชิดเรียบร้อย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายแก่คู่แข่งขัน
อนุญาตให้ใช้ปลอกยืดรัดข้อเท้ากันเคล็ด สวมข้อเท้าได้ข้างละไม่เกิน 1 อัน แต่ห้ามไม่ให้เลื่อนปลอกรัดขึ้นไป เป็นสนับแข้งหรือม้วนพับลงมา และห้ามใช้ผ้ารัดขาและรัดข้อเท้า
ห้ามมีเข็มขัด หรือสวมสร้อย สวมแหวน
ห้ามใช้น้ำมัน, วาสลิน, หรือสิ่งอื่นใดที่ทำให้คู่แข่งขันเสียเปรียบ หรือเป็นที่น่ารังเกียจ ทาร่างกายหรือนวม
ฟันยาง นักมวย จะต้องใส่ฟันยาง
ผู้ชี้ขาดจะให้นักมวยที่แต่งกายไม่สะอาดและไม่ถูกต้อง ออกจากการแข่งขัน ในกรณีที่นวมหรือเครื่องแต่งกายของนักมวย ไม่เรียบร้อยขณะแข่งขัน ผู้ชี้ขาดจะหยุดการแข่งขันเพื่อจัดให้เรียบร้อยเสียก่อน
5. การชั่งน้ำหนักและการจำแนกรุ่น
นักมวยจะต้องได้รับการตรวจร่างกายและรับรองจากนายแพทย์ที่ได้รับการแต่งตั้ง ว่าเป็นผู้มีร่างกายสมบูรณ์พอ ที่จะเข้าแข่งขันชกมวย และจะต้องชั่งน้ำหนักในวันแข่งขันอย่างตัวเปล่า โดยการแข่งขันจะต้องไม่เริ่มขึ้นก่อน 3 ชั่วโมงหลังจากเวลาชั่งน้ำหนัก
รุ่นมินิฟลายเวท น้ำหนักไม่เกิน 104 ปอนด์ (47.727 กก.)
รุ่นจูเนียร์ฟลายเวท น้ำหนักไม่เกิน 108 ปอนด์ (48.988 กก.)
รุ่นฟลายเวท น้ำหนักไม่เกิน 112 ปอนด์ (50.802 กก.)
รุ่นจูเนียร์แบนตั้มเวท น้ำหนักไม่เกิน 115 ปอนด์ (52.163 กก.)
รุ่นแบนตั้มเวท น้ำหนักไม่เกิน 118 ปอนด์ (53.524 กก.)
รุ่นจูเนียร์เฟเธอร์เวท น้ำหนักไม่เกิน 122 ปอนด์ (55.338 กก.)
รุ่นเฟเธอร์เวท น้ำหนักไม่เกิน 126 ปอนด์ (57.153 กก.)
รุ่นจูเนียร์ไลท์เวท น้ำหนักไม่เกิน 130 ปอนด์ (58.967 กก.)
รุ่นไลท์เวท น้ำหนักไม่เกิน 135 ปอนด์ (61.235 กก.)
รุ่นจูเนียร์เวลเตอร์เวท น้ำหนักไม่เกิน 140 ปอนด์ (63.503 กก.)
รุ่นเวลเตอร์เวท น้ำหนักไม่เกิน 147 ปอนด์ (66.638 กก.)
รุ่นจูเนียร์มิดเดิลเวท น้ำหนักไม่เกิน 154 ปอนด์ (69.843 กก.)
รุ่นมิดเดิลเวท น้ำหนักไม่เกิน 160 ปอนด์ (71.575 กก.)
รุ่นไลท์เฮฟวี่เวท น้ำหนักไม่เกิน 175 ปอนด์ (79.379 กก.)
รุ่นครุยเซอร์เวท น้ำหนักไม่เกิน 190 ปอนด์ (86.183 กก.)
รุ่นเฮฟวี่เวท น้ำหนักเกิน 190 ปอนด์ขึ้นไป (86.183 กก. ขึ้นไป)
ขอบคุณ
เว็บ มวยไทย 2000 ดอทคอม
Bookmarks