โคนันทวิศาล

นิทานเรื่องโคนันทวิศาล เป็นนิทานพื้นบ้านที่ได้โครงเรื่องมาจาก นิทานชาดก เรื่อง นันทิ

วิศาลชาดก โดยสาเหตุที่พระพุทธเจ้าทรงนำมาเล่าเป็นอุทาหรณ์สั่งสอนภิกษุ คือ ครั้ง

หนึ่งในสมัยพุทธกาล มีภิกษุ ๖ รูป เรียกว่า พระฉัพพัคคีย์ เป็นผู้ที่ไม่ตั้งใจปฏิบัติธรรม

ชอบก่อกวน กลั่นแกล้ง หาเรื่องทะเลาะวิวาท พูดจาข่มขู่ เสียดสีภิกษุอื่นๆ อยู่เสมอ จน

กระทั่งความทราบถึงพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระพุทธองค์จึงกล่าวตำหนิโทษพระฉัพพัค

คีย์ แล้วตรัสให้โอวาทว่า “ผู้กล่าววาจาหยาบคาย ย่อมนำความฉิบหายมาให้ตนเอง เพราะ

เขาย่อมไม่เป็นที่พอใจของใครๆ แม้แต่สัตว์เดียรัจฉานก็ตาม”


โดยนิทานเรื่องโคนันทวิศาลฉบับที่นำมาให้ศึกษานี้ คัดลอกจากฉบับที่คุณเทพ สุนทร

ศารทูลนำมาเรียบเรียงในรูปแบบของร้อยกรอง ดังนี้



มีนิทานชาดกท่านยกมา พระศาสดาทรงเล่าแก่เหล่าสงฆ์

ว่าครั้งหนึ่งนานสุดพระพุทธองค์ เกิดเป็นโคอุสุภพงศ์ทรงพลัง

มีกำลังแรงกล้ามหาศาล เศรษฐีใหญ่ใช้งานแต่กาลหลัง

ชื่อโคนันทวิศาลทรงกำลัง ประดุจดังโคนั้นสักพันตัว

ท่านเศรษฐีรักใคร่มิใช่เล่น ใช้ลากเข็นเกวียนไปมาใช่ชั่ว

เศรษฐียิ่งมั่งคั่งขึ้นตั้งตัว เพราะมีวัวทรงพลังค้าต่างเมือง

ท่านเศรษฐีเที่ยวท้าพ่อค้าทั่ว ว่ามีวัวอุสุภราชขนาดเขื่อง

ลากเกวียนร้อยเล่มได้มิใคร่เปลือง มันเป็นเรื่องอัศจรรย์วัวฉันดี

พวกพ่อค้าต่างเมืองรู้เรื่องเข้า จึงรับเอาท้าพนันขมันขมี

ต่างวางเงินเดิมพันในทันที เป็นเงินยี่สิบพันในทันใด


ท่านเศรษฐีดีใจจะได้ทรัพย์ จึงรีบรับท้าพนันไม่หวั่นไหว

จึงอวดอ้างวางโตคุยโวไป ออกปากไล่วัวดีตีให้เดิน

ว่าฮ้าเฮ้ยไอ้วัวเจ้าชั่วชาติ อย่าอืดอาดเกียจคร้านอยู่นานเนิ่น

จงรีบก้าวเท้าเอ็งเร่งดำเนิน ข้าจะได้กินเงินค่าพนัน

เจ้าโคนันทวิศาลเคยขานชื่อ เหมือนเจ้านายนับถือแต่ไรนั่น

มาเรียกชื่อชั่วชาติฉกาจฉกรรจ์ ว่าเรานั้นเกียจคร้านรำคาญใจ

จึงยืนนิ่งเฉยอยู่หูทวนลม ยิ่งระดมตีหนักปฏักใส่

ยิ่งยืนนิ่งเป็นหินเหมือนสิ้นใจ เศรษฐีใหญ่เสียท่าท้าพนัน

เสียเงินยี่สิบพันครั้งนั้นแล้ว เศรษฐีใหญ่ใจแป้วไม่มีขวัญ

ฝ่ายโคนันทวิศาลสงสารครัน จึงแข็งขันภาคเพียรลากเกวียนไป

เศรษฐีใหญ่ได้คิดกูผิดแล้ว ไอ้เพื่อนแก้วแรงล้าก็หาไม่

เราเรียกวัวชั่วชาติร้ายกาจกระไร วัวมิใช่ชื่อนั้นน่าขันจริง


ชื่อเขานั้นโคนันทวิศาล เคยเรียกขานเขามาช้านานยิ่ง

จึงคิดท้าพนันใหม่ใจประวิง ให้มากกว่าท้าชิงเงินแสนไป

พวกพ่อค้าต่างเมืองรู้เรื่องนี้ พากันดีใจอกกันยกใหญ่

จึงรวมหัวรับพนันกันทันใด วางเงินไว้ยี่สิบหมื่นฟื้นพนัน

ท่านเศรษฐีดีใจมิได้แล้ว ใจผ่องแผ้วรับไว้ไม่ไหวหวั่น

เกวียนห้าร้อยเล่มเรียงเข้าเคียงกัน ใช้เชือกนั้นโยงมาทั้งห้าร้อย

เอาโคนันท์เทียมเกวียนไม่เหียนหัน เล่นพนันคราวใหญ่มิใช่ย่อย

ถ้าแพ้เสียเงินไปมิใช่น้อย จึงค่อยค่อยลูบหัวเจ้าวัวดี

พ่อโคนันท์เพื่อนตายสหายเอ๋ย พ่อก็เคยแรงกล้าไม่ล่าหนี

พ่อจงช่วยแก้หน้าให้ข้าที ลากเกวียนนี้ห้าร้อยเคลื่อนคล้อยไป

พ่อมหาจำเริญก้าวเดินเถิด แรงพ่อเลิศล้ำฟ้าจะหาไหน

อย่าให้พ่อต้องอายขายหน้าใคร พ่อจงได้กู้ชื่อให้ลือชา

เจ้าโคนันทวิศาลฟังขานชื่อ ท่านนับถือท่านรักเรานักหนา

จึงเอาแรงเข้าแบกลากแอกมา เกวียนทั้งห้าร้อยเล่มแล่นเต็มล้อ

จนล้อเกวียนเล่มล่าที่ห้าร้อย แล่นเคลื่อนคล้อยไปชนเล่มต้นต่อ

ท่านเศรษฐียืนมองร้องว่าพอ ขอเชิญพ่อมหาจำเริญหยุดเดินพลัน

เศรษฐีใหญ่ได้เงินมาเกินคาด ยี่สิบหมื่นไม่ขาดเป็นของขวัญ

เพราะโคนันทวิศาลแสนสำคัญ พระตถาคตนั้นกลับชาติมา

ท่านเศรษฐีใช่ใครที่ไหนเล่า คือพระเจ้าพิมพิสารสุนาถา

พระอุปถัมภ์องค์พระศาสดา พระราชาคู่บุญค้ำจุนกันฯ