...ทุกคำพูดที่ผมจะพูดต่อไปนี้คือความจริงที่ออกมาจากใจผม ...ทันทีที่สิ้นเสียงไมค์ประกาศจากเรือนจำคลองเปรม มันทำให้หัวใจเต้นตุ๊บๆ กล้าๆ กลัวๆ ที่จะต้องย้ายมาอยู่ที่ค่ายสุรสิงหนาทสระแก้ว เพราะว่าผมก็ไม่รู้ว่าจะไปเจออะไรบ้างเกี่ยวกับกฎระเบียบของทหาร ระหว่างที่ผมนั่งรอรถตู้มาที่ค่ายสุรสิงหนาทผมคิดอย่างเดียวว่าจะต้องหนีกลับบ้านให้ได้เพราะผมคิดว่า ผมคงฝึกกับกฎระเบียบของทหารไม่ได้หรอกผมยังคิดที่จะหนีให้ได้เพราะผมอายุ ๓๘ แล้ว คงจะฝึกกับกฎทหารไม่ไหว แต่พอหนีไม่ได้อยู่มาเรื่อยๆ ผมได้ขัดเกลาเอาใจใส่และสอนระเบียบ วินัยและให้ความอดทน และสอนทุกๆเรื่อง ทำให้ผมสบายใจกับความคิดชั่วของผม ผมขอเปรียบเทียบตัวผมเองหน่อย ผมไม่ใช่สีขาวหรือสีดำ แต่ผมคือสีเทาที่ผสมกันแล้วเป็นผม จนทุกวันนี้ ๓ เดือนแล้ว ผมคิดว่าผมคือสีขาวแล้ว ถึงแม้มันยังขาวไม่สนิทสำหรับผม ผมก็พอแล้ว สำหรับการขัดเกลาหัวใจของผมทั้งร่างกายและจิตใจที่ผมได้รับจากครูทุกๆคน ทำให้ผมมีกำลังใจและจะต่อสู้ต่อไป...
ช่วงเดือนแรกที่มาอยู่ค่าย จทบ. คือการปรับตัวให้เข้ากับสถานที่ให้ได้ มันก็ยังวุ่นวายอยู่เป็นธรรมดา เพราะมันยังไม่ลงตัวกับสถานที่ที่อยู่ใหม่สำหรับการเริ่มต้น
ช่วงเดือนที่สอง เริ่มจะลงตัวแล้วกับกฎระเบียบ วินัย ที่ได้เรียนรู้กับครูทุกๆคน และเริ่มติดต่อญาติได้แล้ว(ตรงนี้สำคัญมาก) สำหรับผม พอผมได้รู้ข่าวทางบ้านสบายดี มันทำให้ผมมีกำลังใจอยู่ต่อให้ครบ ๑๒๐ วัน
ช่วงเดือนที่สาม ทุกๆอย่างลงตัวหมดแล้ว ได้ทำกิจกรรมกับเพื่อนๆ ได้เรียนวิชาชีพและได้ฝึกท่าการเดินสวนสนามและกิจกรรมอื่นๆ ในโรงเรียนวิวัฒน์พลเมืองอีกมากมาย เช่น พัฒนาศูนย์ ทำความสะอาด ทาสีดับเพลิง เก็บลวดหนาม กางลวดหนามและอื่นๆอีกมากมาย
ความรู้สึกระหว่างผู้ฝึก และครู ท่านผู้ฝึก ครู หรือคนรอบข้าง ผมว่าคำว่าครู คือ พ่อพระเพราะครูคือผู้ให้ ส่วนนักเรียนคือผู้รับ แล้วแต่ใครจะสนใจรับความรู้ได้มากกว่า ส่วนเรื่องครูดุ หรือครูไม่ดุ หรือครูอารมณ์ร้อน ก็มีอย่างครูอารมณ์ไม่ดีเข้ามาก็มาลงที่นักเรียนก็มี กรณีอย่างนี้ (ไม่สำคัญ) การที่เราได้อยู่กับครูทุกๆวัน เราต้องอ่านใจครูให้ถูกว่าครูคนนี้ชอบอะไร ครูคนนี้เกลียดอะไร และเราทำตามที่ครูสั่งโดยไม่ฝืนคำสั่งและดื้อเพียงแค่นี้เราก็ผ่าน ๑๒๐ วัน ได้แล้ว (โดยส่วนตัวผมอยากจะฝากขอบคุณ) ผู้ฝึก และรองผู้ฝึก ที่ขนาดผมเจ็บตาไม่สบายท่านยังพาผมไปหาหมอข้างนอก จนผมซึ้งน้ำใจจนไม่รู้จะบรรยายอย่างไรนอกจากจะฝากอวยพรให้กับครูทุกๆคนเลยนะครับ “ พรใดเลิศ พรใดล้ำ พรใดประเสริฐศรี” ขอให้เกิดกับครูของผมทุกๆคนนะครับ
และเมื่อกลับถึงบ้านจะทำอะไร อย่างแรกที่ผมจบและอยากจะทำก็คืออยากไปเที่ยวโรงเกลือเพราะผมไม่เคยมาเที่ยวตลาดโรงเกลือเลย พอกลับจากตลาดโรงเกลือผมก็จะตรงกลับบ้านเลยเพื่อไปกราบพ่อแม่ของผมที่ท่านรอผมอยู่ที่บ้านและวันรุ่งขึ้นผมจะไปรายงานตัวกับคุมประพฤติ และก็กลับบ้านและจะช่วยสังคม ช่วยสอดส่องดูแลเยาวชนไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดทุกวิถีทาง ส่วนตัวผมถ้าถามผมว่าออกไปครั้งนี้จะเลิกได้ไหมผมตอบทันทีเลยว่าไม่รู้ เพราะว่าผมเคยเขียนอย่างนี้และผมก็เลิกไม่ได้ เพราะฉะนั้นครั้งนี้ผมขอสัญญากับครูและตัวผมเองว่าผมจะเอาชนะใจตัวเองให้ได้ เพื่อคนที่ผมรักมากที่สุด คือ พ่อกับแม่ของผม และคนรอบข้างผมทุกๆคนเลยครับ ผมต้องเลิกได้อย่างแน่นอนครับ
ถ้าไม่มีครูที่ดีในวันนี้ ก็คงไม่มีลูกศิษย์ที่ดีในวันหน้า
ผู้ฝึกเข้มงวด แต่ท่านก็เป็นคนดี พาวิ่ง๔ โมงทุกที
ชุบชีวีคืนคนดีสู่สังคม....
นรว.วรวิทย์ (ขอสงวนนามสกุล)