เครื่องช๊อตไฟฟ้า เป็นอุปกรณ์ป้องกันตัว ชนิดที่ใช้กระแสไฟฟ้าทำร้าย โดยจี้ไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกาย ไฟฟ้าก็จะวิ่งผ่านกล้ามเนื้อส่วนนั้น ซึ่งก็ไม่ได้หยุดคนร้ายได้เท่าไรนัก เพราะจะทำร้ายกล้ามเนื้อบางส่วนเท่านั้น กล้ามเนื้อส่วนอื่นแขนขาก็ยังใช้งานได้
กฎหมายควบคุม
กฎหมายประเทศไทย เครื่องช๊อตไฟฟ้า เป็นอาวุธโดยสภาพ ผิดกฎหมาย สามารถใช้เพื่องานราชการเท่านั้น
การทำงาน
ผู้จำหน่ายเครื่องช๊อตไฟฟ้าในประเทศไทย โดยทั่วไป จะกล่าวถึงความสามารถของเครื่องช๊อตไฟฟ้าด้วยความต่างศักดิ์(โวลต์)ที่เครื่องช๊อตไฟฟ้าทำได้ แต่ความเป็นจริงอันตรายที่เกิดขึ้น กับมนุษย์ไม่ใช่ ความต่างศักดิ์ (โวลต์) แต่เป็น กระแสไฟฟ้า (แอมป์) กระแสที่วิ่งผ่านเราไม่กี่แอมป์ เราก็ตายแล้ว ดังนั้นการวัดว่าเครื่องช๊อตไฟฟ้า มีอันตรายมากหรือน้อย ต้องตรวจสอบจากกระแส (แอมป์) ที่เครื่องช๊อตไฟฟ้าชิ้นนั้นทำได้ ไม่ใช่ความต่างศักย์ (โวลต์) ตามที่มีการโฆษณากัน
ระดับกระแสช็อค
ผลของกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านหัวใจ
ต่ำกว่า 2 มิลลิแอมป์
ไม่มีผลต่อร่างกายเกิดความรู้สึกจักกระจี้
2-8 มิลลิแอมป์
1. มีผลกระทบกระเทือนต่อระบบประสาท
2. เจ็บปวดอย่างรุนแรงเกิดอาการช็อคที่ไม่ถึงขั้นอันตราย
8-20 มิลลิแอมป์
1. มีผลกระทบกระเทือนต่อระบบประสาท
2. ไม่สามารถปล่อยหรือแบมือออกได้ เนื่องจากการหดตัวของกล้ามเนื้อ
3. ถ้าถูกกระแสไฟฟ้าขนาด 20มิลลิแอมป์โดยทันทีทันใดจะได้รับอันตรายจากการเกิดกล้ามเนื้อฉีก ถ้าน้อยกว่านี้จะไม่มีอันตราย
20-50 มิลิแอมป์
1. มีผลกระทบกระเทือนต่อระบบประสาท
2. กล้ามเนื้อหน้าอกหดตัวอย่างรุนแรง
3. มีอากาศอัดอยู่ในปอดมากผิดปกติ ทำให้ปอดทำงานได้ไม่เต็มที่
4. ไม่สามารถปล่อยมือออกได้
5. เกิดของเสียขึ้นในกระแสเลือด มีผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางผิดปกติในเซลของสมองและทำให้เสียชีวิตในเวลาเพียง 2-3 นาที
ถ้าช่วยปฐมพยาบาล ด้วยการให้ลมหายใจโดยตรงทางปากอย่างทันท่วงที
50-1,000 มิลลิแอมป์
1. มีผลกระทบกระเทือนต่อระบบประสาท
2. หัวใจเริ่มเต้นในลักษณะไม่ประสานงานกัน คือ ไม่เป็นจังหวะตามปกติมี ผลทำให้การหมุนเวียนของเลือดหยุดลง แม้ถูกกระแสไฟฟ้าชอร์ตแค่ 1/10 วินาทีก็สามารถทำให้เกิดอาการกล้ามเนื้อกระตุก กระแสในระดับนี้และไหลผ่านร่างกายประมาณ 1 วินาที หรือนานกว่านั้นอาจทำให้กล้ามเนื้อหัวใจกระตุก ซึ่งมีผลให้หัวใจสูบฉีดเลือดไม่ได้
มีวิธีเดียวที่จะทำให้หัวใจกลับทำงานตามปกติได้ โดยใช้เครื่องที่ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจหยุดอาการกระตุกหรือหดตัว และต้องช่วยปฐมพยาบาลด้วยการนวดหัวใจและช่วยหายใจด้วยวิธีเป่าปากจนกว่าหัวใจจะกลับเต้นตามจังหวะปกติ หรือการใช้สารทางเคมีเข้าช่วย เช่น การฉีดยาจำพวกอะเซทิลคอนลิน
กระแสปริมาณที่สูงกว่าที่กล่าวมาแล้ว
1. เนื้อเยื่อไหม้อย่างรุนแรง
2. ไม่เกิดอาการกล้ามเนื้อกระตุก
3. เกิดการรวมตัวของมายโอโกลบิน (Myoglobin) ซึ่งมีลักษณะเป็นน้ำเมือก ขึ้นทั่วไปในเนื้อ ซึ่งมีผลให้กล้ามเนื้อไม่ทำงาน
จำเป็นต้องได้รับการดูแลจากแพทย์อย่างดี และให้ดื่มโซเดียมไบคาร์บอเนต
ขอบคุณที่มา
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
Bookmarks