ปัญหา มีพุทธศาสนิกชนบางพวกเห็นว่า
การกินเนื้อสัตว์เป็นบาปเพราะเป็นการส่งเสริมให้คนอื่นฆ่า
ในเรื่องนี้พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่าอย่างไร **?*
พุทธ ดำรัสตอบ "..... ดูก่อนชีวก เรากล่าวเนื้อว่าไม่ควรเป็นของบริโภคด้วยเหตุ
๓ ประการ คือ เนื้อที่ตนเห็น เนื้อที่ตนได้ยิน เนื้อที่ตนรังเกียจ ดูก่อนชีวก
เรากล่าวเนื้อว่า เป็นของไม่ควรบริโภคด้วยเหตุ ๓ ประการนี้แล ดูก่อนชีวก
เรากล่าวเนื้อว่าเป็นของควรบริโภค ด้วยเหตุ ๓ ประการคือ เนื้อที่ตนไม่ได้เห็น
เนื้อที่ตนไม่ได้ยิน เนื้อที่ตนไม่ได้รังเกียจ ดูก่อนชีวก เรากล่าวเนื้อว่า
เป็นของบริโภคด้วยเหตุ ๓ ประการนี้แล....."
ชีวกสูตร ม. ม. (๕๗)
ตบ. ๑๓ : ๔๘-๔๙ ตท.๑๓ : ๑๓ : ๔๗
ตอ. Mls. Ii : ๓๓
1. เนื้อที่ได้ยิน เช่น ได้ยินชาวบ้านเขา สนทนากันว่าจะมีการฆ่า
หมูตัวนั้นตัวนี้ เพื่อถวายพระคุณเจ้า เป็นต้น...แบบนี้ห้ามรับประเคน
2. เนื้อที่ได้เห็น เช่น เห็นไก่วิ่งเล่นอยู่
สักครู่เดียวได้ยินเสียงมันร้องด้วยความเจ็บปวด สักครู่กลายเป็นต้มยำไก่
มาถวาย...แบบนี้ก็รู้อยู่แล้วเพราะเมื่อกี๊ก็เห็นมันอยู่
แต่ก็ตายเพื่อมาเป็นอาหารแก่ตนโดยเฉพาะ...ห้ามรับประเคน
3. เนื้อที่ตนรังเกียจ ก็คือ เนื้อที่ตนเองรังเกียจด้วยเหตุแห่ง 2 มูลเหตุ ใน 2
ข้อแรก
พระสังฆราช เคยปรารถเรื่องการกินเจกับพระราชินีว่าคนไทยเข้าใจผิดอยู่มาก
การกินเจ (ตั้งใจไม่กินเนื้อสัตว์) จริงๆไม่ได้บุญ
อธิบายคือ---เราไม่กินข้าวขาหมู แล้วคิด(จิตนาการ)ว่า หมูจะไม่ถูกฆ่า---
เปรียบได้กับ---เรานั่งอยู่บ้านเฉยๆ แล้วคิด(จิตนาการ)ว่า
เราไปช่วยสอนหนังสือคนอนาถา---
บุญที่เราไปสอนหนังสือคนอนาถานั้น ไม่มี ไม่เกิด เพราะเรา
นึกๆคิดๆไปเองไม่ได้ทำ ไม่ได้กระทำจริง
กินเจ บุญที่เราช่วยชีวิตสัตว์ (มี2ข้อคือ 1.ช่วยมัน 2.ไม่ทำร้ายมัน) ก็ไม่เกิด
เพราะเราไม่ได้ลงมือกระทำจริง เป็นเพียงคิดไปเอง
พระเทวทัตเคย มาเสนอให้ชาวพุทธไม่กินเนื้อสัตว์
พระพุทธเจ้าปฎิเสธ พร้อมให้เหตุผลว่า
1.เนื้อสัตว์ไม่ใช่ของเหม็น อกุศลกรรมต่างหากที่เป็นของเหม็น
2.พระต้อง ควรเป็นผู้เลี้ยงง่าย
3.อนุญาติในการกินเนื้อสัตว์ที่ -ไม่เห็น -ไม่รู้
-ไม่ใช่เนื้อที่ฆ่าโดยเฉพาะให้ตน
การรับประทานอาหารมังสวิรัติเป็นบุญหรือไม่
การที่จะวินิจฉัยว่าการกระทำอะไร เป็นบุญหรือไม่เป็นบุญนั้น
ต้องอาศัยกับหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า ที่ว่าด้วยบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ อย่าง คือ
๑. ทานมัย บุญสำเร็จด้วยการบริจาคทาน
๒. สีลมัย บุญสำเร็จด้วยการรักษาศีล
๓. ภาวนามัย บุญสำเร็จด้วยการเจริญภาวนา
๔. อปจายนมัย บุญสำเร็จด้วยประพฤติอ่อนน้อมถ่อมตนต่อผู้ใหญ่
๕. เวยยาวัจจมัย บุญสำเร็จด้วยการช่วยเหลือขวนขวายในกิจการงานต่างๆ
๖. ปัตติทานมัย บุญสำเร็จด้วยการให้ส่วนบุญ
๗. ปัตตานุโมทนามัย บุญสำเร็จด้วยการอนุโมทนาส่วนบุญ
๘. ธัมมัสสวนมัย บุญสำเร็จด้วยการฟังธรรม
๙. ธัมมเทสนามัย บุญสำเร็จด้วยการแสดงธรรม
๑๐.ทิฏฐุชุกัมม์ การทำความคิดเห็นของตนให้ตรง
เมื่อ เทียบเคียงกับบุญกิริยาวัตถุ ๑๐ วิธี แล้ว
ไม่พบว่าการรับประทานอาหารมังสวิรัติ คือ
รับประทานแต่พืชผักเป็นวิธีทำบุญข้อใดเลย
จึงไม่นับว่าเป็นวิธีทำบุญในพระพุทธศาสนา
ลอง คิดดูว่าถ้าการกินพืช เช่น ผัก หญ้า ได้บุญ แล้วสัตว์ที่กินพืชเป็นอาหาร
เช่น วัว ควาย แพะ แกะ ก็ต้องได้บุญมากกว่ามนุษย์
เพราะสัตว์พวกนี้กินพืชตลอดชีวิตไม่กินเนื้อสัตว์เลย
*การกินเนื้อสัตว์ บาป หรือ ไม่ ?*
*การที่จะวินิจฉัยว่าบาปหรือไม่บาปนั้น ต้องพิจารณาว่า
การกินเนื้อสัตว์ที่ตายแล้ว เป็นการผิดศีลข้อปาณาติบาต* หรือไม่
ศีลข้อปาณาติบาต คือ งดเว้นจากการฆ่าสัตว์ นั้นจะผิดศีลก็ต่อเมื่อประกอบด้วย
องค์ ๕ คือ
๑. ปาโณ สัตว์มีชีวิต
๒. ปาณสญฺญิตา รู้ว่าสัตว์มีชีวิต
๓. วธกจิตฺตํ จิตคิดจะฆ่า
๔. อุปกฺกโม พยายามที่จะฆ่า
๕. เตน มรณํ สัตว์ตายด้วยความพยายามนั้น
เมื่อครบองค์ประกอบทั้ง ๕ ข้อ จึงถือว่าเป็นการฆ่าสัตว์ ผิดศีลข้อที่ ๑
เป็นบาปแต่ ถ้าไม่ได้ลงมือฆ่าเอง และไม่ได้ใช้ให้ผู้อื่นฆ่า ก็ไม่เป็นบาป
ตัวอย่าง เราไปจ่ายตลาด ซื้อกุ้งแห้ง ปลาดุกย่าง ปลาทู เนื้อหมู ฯลฯ
เราได้มีส่วนร่วมในการฆ่าสัตว์เหล่านั้นหรือไม่
สัตว์เหล่านั้นย่อมตายก่อนที่เราจะไปซื้อมาเป็นอาหาร ถึงเราจะซื้อหรือไม่ซื้อ
สัตว์เหล่านั้นก็ตายอยู่แล้ว เราไม่ได้มีส่วนทำให้ตาย
ที่มา:[url=http://larnbuddhism.com/webboard/forum8/thread1417.html]
Bookmarks