หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 3 หน้า 123 หน้าสุดท้ายหน้าสุดท้าย
กำลังแสดงผล 1 ถึง 10 จากทั้งหมด 22

หัวข้อ: กลยุทธ์ หางาน สมัครงาน 1/22

  1. #1
    Maximum learning
    ศิลปิน นักเขียน
    สัญลักษณ์ของ khonsurin
    วันที่สมัคร
    Apr 2008
    ที่อยู่
    ท่าตูม สุรินทร์
    กระทู้
    8,063
    บล็อก
    197

    กลยุทธ์ หางาน สมัครงาน 1/22

    กลยุทธ์ หางาน สมัครงาน 1/22



    ตอน เริ่มสมัครงานช่วงไหนดีน๊า.... ?


    อะอะอะ.... บางคนใกล้จะเรียนจบแล้ว

    ก็คิดในใจว่า
    "บางคนใกล้จะเรียนจบแล้ว.....เมื่อใกล้เรียนจบแล้วเราน่าจะไปสมัครงานกันก่อนดีกว่า พอจบปุ๊บจะได้เริ่มงานปั๊บเลย ไม่เสียเวลา...."

    อะอะอะ...หรือบางคนก็บอกกับตัวเองว่า

    "จะรีบไปไหน ให้จบก่อนแล้วค่อยเริ่มหาดีกว่า จบหรือเปล่าก็ยังไม่รู้ เกรดก็ยังออกไม่หมด ใครจะกล้าเสี่ยงรับเข้าไป งานเขามีให้ทำกันทั้งปีนั่นแหล่ะ ไม่เห็นต้องรีบ..."

    มุมมองสองความคิดที่ต่างกันโดยสิ้นเชิงและมักได้ยินกันบ่อยๆ ในหมู่นักศึกษาปี 4 ที่กำลังจะโบยบินออกจากรั้วมหาวิทยาลับ บางคนยังหาที่ไปไม่เจอและก็มีอีกหลายคนที่ยังหาทางออกไม่พบ... อย่างหลังนี่สิแย่กว่า….

    แม้ความคิดที่ 2 จะเป็นความคิดที่ดีเข้าท่าและมีเหตุผลไม่น้อยแต่ก็ไม่ขอสนับสนุน เพราะอะไรหรือ

    ก็เพราะช้าๆ ได้พร้าเล่มงามมากเกินไปนิด.... พานจะไม่ได้งานทำซะมากกว่า

    ดังนั้นควรเริ่มหางานตอนใกล้เรียนจบดีกว่า…

    เริ่มต้นดี...และเร็ว...ย่อมมีชัยไปกว่าครึ่งแน่นอน….

    แต่เอ....บางคนสงสัย

    "ใกล้เรียนจบ" คือช่วงไหน? เทอม 1 หรือ เทอม 2 ของปี 4
    แล้วต้นเทอมหรือปลายเทอม ดีล่ะ

    คงมีหลายคนมีคำถามนี้อยู่ในใจ เหมือนเวลาที่ต้องเสี่ยงกับอะไรสักอย่าง
    เราคงต้องเลือกช่วงเวลาที่เสี่ยงน้อยที่สุด …จริงไหมคะ....
    และช่วงเวลาที่เสี่ยงน้อยที่สุดของทั้งคนหากงานและคนให้งานก็คือ
    กลางเทอม 2 ของปี 4 ประมาณปลายเดือนธันวาคมหรือช่วงสอบกลางภาคของเทอม 2 นั่นเอง


    ทำไมต้องเป็นช่วงนี้.... กลยุทธ์ หางาน สมัครงาน 1/22

    ก็วี่แววการเรียนจบ (ไม่ตก) มันออกช่วงนี้...ตัวคุณเองก็จะรู้ว่าแผนการเรียนที่วางไว้เป็นไปตามเป้าหรือไม่? วิชาที่กำลังเรียนอยู่มีแววผ่านมากน้อยแค่ไหน? อาจารย์คนนี้ไม่โหดแน่(หรือเปล่า)? ...และอีกหลายๆ เหตุผลที่บอกกับตัวเองได้ว่า...ข้าจบชัวร์
    สำหรับฝ่ายนายจ้างก็เช่นกัน อย่างน้อยสามารถมั่นใจได้ 90 เปอร์เซ็นว่าคุณจะจบแน่ๆ โดยดูจากใบแจ้งผลการเรียนล่าสุด และ (หรือ) หนังสือรับรองการคาดว่าจะจบจากทางมหาวิทยาลัยต้นสังกัด ซึ่งถ้าคุณขมีขมันสมัครตั้งแต่เทอม 1 การรันตีได้เลยว่าไม่มีมหาวิทยาลัยไหนกล้าออกใบรับรองนี้ให้คุณเด็ดขาดและคงไม่มีบริษัทไหนเสี่ยงที่จะรับคุณเช่นกัน สำหรับบางเรื่องช้าสักนิด

    ....แต่ชัวร์ก็น่าจะดีกว่านะ

    ที่สำคัญ...ช่วงนี้ถือเป็นช่วงที่ดี...ที่สุดของการรับสมัครงานโดยเฉพาะตำแหน่งที่ต้องการคนจบใหม่ๆ ซึ่งเริ่มปฏิบัติการกันตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคมถึงเดือนเมษายนของปีถัดไป

    ....4 เดือนแห่งความหวัง โดยส่วนใหญ่แล้วผู้ที่ผ่านกระบวนการคัดเลือกมันถูกขอให้เริ่มงานในช่วงเดือนเมษายนถึงพฤษภาคม หากพลาดช่วงนี้ไปไม่ใช่ว่าคุณไม่มีสิทธิ์ได้งานหรอกนะ แต่อาจต้องร้องเพลงรอไปอีกสักพักใหญ่เท่านั้นเอง

    …..4 เดือนนี้เป็นช่วงเวลาที่ Demand และ Supply ของ ตลาดแรงงานมาพบกันพอดิบพอดี ตามหลักเศรษฐศาสตร์ พื้นฐานที่คุณเคยเรียนตอนปี 1 เป๊ะ จะเรียกว่าช่วง Golden Time หรือ ช่วงเวลาทอง ก็คงไม่โอเวอร์...เกินไป นะคะ

    และคิดว่า...ไม่อยากให้พลาดช่วงสำคัญอย่างนี้ไป เพราะอาจทำให้...คุณเดินทางไปถึงที่หมายไม่ทันตามเวลาที่ตั้งไว้ก็ได้…จริงไหมคะ...



    กลยุทธ์ หางาน สมัครงาน 1/22



    ขอขอบคุณ...คุณปนัฎดา สังข์แก้ว
    จากหนังสือ "กลยุทธ์เด็ด คว้างานดี ชีวิตนี้ไม่มีเตะฝุ่น."



    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย khonsurin; 25-10-2009 at 12:29.
    *********************************


    อิสระ เสรี เสมอภาค




    *********************************

  2. #2
    Maximum learning
    ศิลปิน นักเขียน
    สัญลักษณ์ของ khonsurin
    วันที่สมัคร
    Apr 2008
    ที่อยู่
    ท่าตูม สุรินทร์
    กระทู้
    8,063
    บล็อก
    197

    กลยุทธ์ หางาน สมัครงาน 2/22

    กลยุทธ์ หางาน สมัครงาน 2/22



    ตอน ..."สมุดบันทึกการสมัครงาน"


    คัมภีร์ประจำตัว...เอ๊ะ...เป็นอย่างไรน้อ
    ดูความล้ำค่าของ....คัมภีร์ประจำตัว กันดีกว่าค่ะ

    เมื่อคุณได้ลงสนามหางานจริง และเลือกใช้ช่องทางต่างๆเพื่อสมัครงานตามที่ต้องการแล้ว สิ่งที่ขอแนะนำอีกอย่างให้คุณมีไว้คือ สมุดบันทึกการสมัครงาน ….

    สมุดบันทึกการสมัครงาน ….คือสุดยอดคัมภีร์ประจำตัวค่ะ

    ถ้าคุณไม่มีสมุดเปล่าอาจต้องหาซื้อมาลักเล่ม ไม่ต้องใหญ่หรือหนามาก เพราะคุณคงไม่ใช้เวลาในการหางานมากนักหรอก….จริงไหมคะ ....

    "สมุดบันทึกการสมัครงาน" เป็นเหมือนคัมภีร์ที่ติดตัวคุณไปทุกที่ที่เกี่ยวข้องกับการสมัครงานข้อมูลหลักๆ ในนั้นคือ


    - ตารางการสมัครงาน : ตำแหน่งงาน บริษัทช่องทาง และวันที่คุณสมัคร

    - ตารางการนัดสัมภาษณ์งาน : ตำแหน่งงานบริษัทเวลานัดหมาย สถานที่ ชื่อผู้ที่ติดต่อ หมายเลขโทรศัพท์ติดต่อกลับ และวันที่คุณได้รับการนัดหมาย

    - ตารางสัมภาษณ์งาน : ตำแหน่งงานบริษัท เวลานัดหมาย สถานที่ ชื่อผู้ติดต่อ หมายเลขโทรศัพท์ติดต่อกลับ เงินเดือนที่ต่อรองไว้ และวันเวลาที่คุณไปสัมภาษณ์งาน

    - รายชื่อ ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ E-Mail Address ของบริษัทที่คุณสนใจสมัครงานแต่ยังไม่ได้สมัคร

    - ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่างๆ เกี่ยวกับการสมัครงานที่คุณได้รับทราบมาไม่ว่าจาก Campus Visit คู่มือการหางานอินเตอร์เน็ต หรือบุคคลอื่นๆ เขียนไว้เป็นหมวดหมู่ เปิดหาง่ายเมื่อต้องการใช้งาน

    คัมภีร์เล่มนี้รวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวกับการสมัครงานของคุณไว้ทั้งหมด คุณสมบัติคงไม่ยิ่งหย่อนไปกว่า Smart Card เลยละค่ะ...จริงไหมคะ

    นั่นก็คืออยากใช้ข้อมูลอะไร มันจะเรียงหน้าสลอนมาให้คุณเห็น คุณจะรู้ว่าได้สมัครงานที่ไหนไว้บ้าง เมื่อถูกเรียกสัมภาษณ์จะได้ไม่งงและสับสนว่าบริษัทไหน ตำแหน่งอะไร เมื่อไหร่

    เชื่อเถอะ.... ถึงเวลานั้นคุณสมัครไปแล้วไม่น้อยกว่า 20 บริษัทแน่นอน ซึ่งถ้าไม่ได้จดไว้รับรองไก่ตาแตกเป็นอย่างไร วันนั้นคุณจะได้รู้จักเสียที

    "สมุดบันทึกการสมัครงาน" ควรเก็บไว้ในแฟ้มเดียวกับหลักฐานประกอบอื่นๆ ที่คุณต้องนำติดตัวเสมอเมื่อไปสมัครงาน ตารางการสมัครงาน: ตำแหน่งงาน บริษัทช่องทาง และวันที่คุณสมัคร

    สรุปแล้วในแฟ้มมหัศจรรย์นี้ต้องมี หลักฐานประกอบการสมัครงานที่ถ่ายเอกสารไว้คลิปรวมเป็นชุด ใบสมัครงาน ต้นแบบ รูปถ่าย เครื่องเขียน และพระเอกของเรา "สมุดบันทึกการสมัครงาน" เช็กดูให้แน่ใจทุกครั้งว่าทุกอย่างในแฟ้มอยู่ครบก่อนออกปฏิบัติการ

    แฟ้มนี้ไม่ใช่กระเป๋าโดเรมอนที่โนบิตะ....อย่างคุณ....จะนั่งไทม์แมชีนกลับไปหยิบของที่ลืมได้ง่ายๆ….โน๊ะ...(ใช้ศัพท์วัยรุ่นซะเลย)


    เมื่อพร้อมอย่างนี้แล้ว คุณจะเริ่มรู้สึกอุ่นใจ มั่นใจมากขึ้นทุกครั้งที่ต้องออกลุยภาคสนาม

    เอ้า...ลุยเลยค่ะ....สู้ สู้ สู้ จ้า
    และคิดว่า ณ ...ขณะนี้....โอกาส"พลาด"ของคุณกลับน้อยลง…จิงปะ....


    กลยุทธ์ หางาน สมัครงาน 2/22


    ขอขอบคุณ...คุณปนัฎดา สังข์แก้ว
    จากหนังสือ "กลยุทธ์เด็ด คว้างานดี ชีวิตนี้ไม่มีเตะฝุ่น."



    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย khonsurin; 25-10-2009 at 12:35.
    *********************************


    อิสระ เสรี เสมอภาค




    *********************************

  3. #3
    Maximum learning
    ศิลปิน นักเขียน
    สัญลักษณ์ของ khonsurin
    วันที่สมัคร
    Apr 2008
    ที่อยู่
    ท่าตูม สุรินทร์
    กระทู้
    8,063
    บล็อก
    197

    กลยุทธ์ หางาน สมัครงาน 3/22

    กลยุทธ์ หางาน สมัครงาน 3/22


    ตอน...สมัครตำแหน่งอะไรดี



    สมัครตำแหน่งอะไรดี…น๊า....

    เป็นคำถามที่คลาสสิกมากๆเลย....
    สมัครตำแหน่งอะไรดี…น๊า....กับคำถามนี้ ไม่ว่ายุคสมัยไหนความลังเลไม่แน่ใจ สับสน มักเกิดขึ้นในความคิดของคนที่กำลังจะเรียนจบเสมอ ไม่รู้ว่าชอบอะไรกันแน่ ที่เรียนอยู่ก็ไม่แน่ว่าจะชอบ เลยตามกระแสไปซะ.....


    แต่สำหรับ...คนรุ่นใหม่อย่างคุณ

    เราคิดว่าน่าจะมีทางออกที่ดีกว่าแม้ไม่เคยมีโอกาสสัมผัสโดยตรงว่าแต่ละงานเป็นอย่างไร ประสบการณ์ ข้อมูลที่ได้รับจากหลายๆ แหล่งจะช่วยให้คุณตัดสินใจอะไรบางอย่างได้ด้วยตัวเอง ดีกว่าปล่อยให้ถูกพัดพาไปตามกระแสที่คุณไม่สามารถล่วงรู้ได้เลยว่ามันจะพาคุณไปทางไหน ดีและเหมาะสมกับคุณอย่างที่คิดหรือไม่....?



    กลยุทธ์ หางาน สมัครงาน 3/22


    ขอขอบคุณ...คุณปนัฎดา สังข์แก้ว
    จากหนังสือ "กลยุทธ์เด็ด คว้างานดี ชีวิตนี้ไม่มีเตะฝุ่น."
    *********************************


    อิสระ เสรี เสมอภาค




    *********************************

  4. #4
    Maximum learning
    ศิลปิน นักเขียน
    สัญลักษณ์ของ khonsurin
    วันที่สมัคร
    Apr 2008
    ที่อยู่
    ท่าตูม สุรินทร์
    กระทู้
    8,063
    บล็อก
    197

    กลยุทธ์ หางาน สมัครงาน 4/22

    กลยุทธ์ หางาน สมัครงาน 4/22


    ตอน...ใช่ และ ชอบ คำตอบเดียวกัน

    ใช่ และ ชอบ คำตอบเดียวกัน

    "ตำแหน่งที่ใช่" คือตำแหน่งที่คุณมีคุณสมบัติตรงกับตำแหน่งนั้น รู้ได้จากคุณสมบัติที่บริษัทกำหนดไว้ในประกาศรับสมัครงาน ตำแหน่งแบบนี้ส่วนใหญ่ตรงกับสาขาที่คุณเรียนมา

    คุณจบนิเทศศาสตร์ ก็จะเป็นตำแหน่งเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ นักข่าว นักจัดรายการวิทยุ นักวางแผนโฆษณา

    จบนิติศาสตร์ก็หนีไม่พ้นเจ้าหน้าที่กฎหมาย นิติกร ทนายความเจ้าหน้าที่เร่งรัดหนี้สิน

    จบบัญชีก็เป็นเจ้าหน้าที่บัญชี เจ้าหน้าที่ตรวจสอบภายใน

    ซึ่งคุณรู้ว่าจะสมัคร "ตำแหน่งที่ใช่" ได้ตั้งแต่คุณตัดสินใจเข้าเรียนระดับปริญญาตรีแล้ว


    ถ้าคุณชอบหรือติดใจเนื้อหาที่เรียนมาทั้ง 4 ปีในมหาวิทยาลัย คิดว่านี่แหล่ะคือสิงที่ต้องการ อยากอยู่ร่วมกับมันได้ตลอดชีวิต คุณตอบตัวเองได้แล้วล่ะว่าจะสมัครตำแหน่งอะไร....

    แต่มีน้อยคนนักที่คิดได้อย่างนี้ ในขณะที่เรียนยังถามตัวเองแทบทุกวัน ....เรียนอะไรกัน จะเอาไปใช้หรือ ไม่เห็นชอบเลยนี่เราคิดผิดหรือเปล่าที่เลือกคณะนี้...ถ้าคำถามเหล่านี้วนเวียนอยู่ในหัวคุณมาตลอดละก็ "ตำแหน่งที่ใช่" อาจจะไม่ใช่สำหรับคุณ


    สำหรับสาขาที่เป็นวิชาชีพเฉพาะ เช่น บัญชี วิศวกร แพทย์ เภสัชกร กฎหมาย คุณคงดิ้นได้ไม่มากนักในเมื่ออุตส่าห์ร่ำเรียนมาตั้งนาน จนตอนนี้ลงบัญชี ปิดบัญชีได้อย่างถูกต้อง คุมการก่อสร้างบ้านทั้งหลังได้สำเร็จ วินิจฉัยโรคและจ่ายยาไม่พลาดเป็นที่ปรึกษากฎหมายที่ดีให้กับผู้เดือดร้อนได้ คุณคงต้องอยู่กับมันไปตลอดชีวิตนั่นแหล่ะ แต่ถ้าตื่นมาวันหนึ่งพบว่า มันไม่ใช่มันไม่เหมาะอีกแล้ว จะผันตัวเองไปเป็นนักร้อง นักแสดง ก็ไม่ว่ากัน


    คุณมีโอกาสได้รับเลือกเข้าสัมภาษณ์งานสูงมาก ถ้าสมัครใน "ตำแหน่งที่ใช่" บริษัทจะใช้คุณสมบัติของตำแหน่งที่ประกาศไว้เป็นเกณฑ์สำคัญ ในการพิจารณาคัดเลือกใบสมัครเป็นร้อยเป็นพันใบที่ถูกส่งเข้ามาทุกช่องทาง ถ้ามั่นใจว่ามีคุณสมบัติครบทุกข้อตามที่ระบุไว้ เป็นไปได้สูงที่ใบสมัครของคุณจะถูกเลือกออกมา ใครที่มีไม่ครบอย่างเพิ่งถอดใจ มีผู้สมัครไม่มากนักหรอกที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสมบูรณ์ขนาดนั้น ขาดไปบ้างบางข้อก็ไม่ใช่ว่าทำงานในตำแหน่งนั้นไม่ได้ บริษัทไม่ยอมเสียโอกาสที่จะเรียกคุณเข้าไปคุยกันก่อนแน่นอน ถ้าคุณมีคุณสมบัติบางอย่างที่น่าสนใจ

    เมื่อกฎเกณฑ์หลายๆ อย่างในโลกมักได้รับการยกเว้นหรือนุโลม กฎเกณฑ์ในการสมัครงานก็คงหนีไม่พ้น คุณสมบัติที่กำหนดไว้แต่แรกเป็นเพียงกรอบที่ช่วยให้คัดเลือกคนได้ง่ายขึ้นเท่านั้น ในทางปฏิบัติ ความรู้สึกและเหตุผลบางอย่างเข้ามามีอิทธิพลในการตัดสินใจ ยิ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับคนด้วยแล้ว ไม่สามารถหาอะไรมาวัดได้อย่างเป็นรูปธรรมหรอกนอกเสียจาก...ลองเรียกมาคุยกันก่อนดีกว่า


    นี่เป็นเพียงการวิเคราะห์ความเป็นไปได้ที่คุณจะได้รับเลือกเข้าสัมภาษณ์งานในกรณีที่ชอบอยากทำงานด้านที่เรียนมาหรืออาจกลับตัวไม่ทันแล้วเท่านั้น แต่สำหรับคุณที่ไม่ชอบไม่สนใจเอาเสียเลยกับสิ่งที่เพียรร่ำเรียนมากกว่า 4 ปี ถ้าอยู่กับมันทั้งชีวิตคงจะบ้าตายไม่ไหวหรอก...

    "ตำแหน่งที่ใช่" คงไม่ใช่คำตอบถูกต้องสำหรับคุณ


    "ตำแหน่งที่ชอบ" อาจเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่คุณกำลังมองหาอยู่ แต่นั่นต้องต้องอยู่บนโอกาสของความเป็นไปได้น้อยที่จะได้รับเลือกเข้าสัมภาษณ์งานด้วยเช่นกัน คุณต้องรับความจริงข้อนี้ให้ได้ อย่างไรก็ตาม มันไม่ใช่ปัญหาหรอกในเมื่อคุณถามตัวเองตั้งหลายต่อหลายครั้งก่อนตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่าคุณไม่สามารถทำใจให้ชอบหรืออยู่กับ
    "ตำแหน่งที่ใช่" ได้ตลอดชีวิต อยากลองเปลี่ยน ค้นหาตัวเองในอีกมุม ซึ่งน่าจะทำให้ชีวิตของคุณมีความสุขมากกว่า


    สำหรับคนที่เลือกเดินทางนี้ ฉันอยากบอกว่าคุณมีเพื่อนร่วมอุดมการณ์เดียวกับคุณเยอะ ดีไม่ดีอาจมากกว่าอีกทางก็ได้ เมื่อการเรียนในมหาวิทยาลัย ในปัจจุบันไม่ได้เป็นไปตามความต้องการของตัวเอง แต่กลับมีปัจจัยหลายๆ อย่างเข้ามาเป็นตัวแปรแทรก ไม่ว่า กระแสสังคม เศรษฐกิจ เพื่อน หรือแม้แต่ความสามารถที่วัดจากคะแนนสอบเอนทรานซ์เพียง 2 ครั้ง ความไม่แน่ใจ ลังเล สับสนในความชอบ ความถนัดของคนหนึ่งที่รู้สึกอย่างนี้


    มีหลายคนที่ค้นพบตัวเองได้จาก "ตำแหน่งที่ชอบ" เขาโชคดีมากที่บริษัทให้โอกาสในการพิสูจน์ความสามารถด้วยการเลือกใบสมัครออกมา ทั้งๆ ที่เขามีคุณสมบัติไม่ครบทุกข้อตามที่ระบุไว้ หรือบางทีอาจไม่มีเลยสักข้อด้วยซ้ำไป แต่ฉันเชื่อแน่ เขาต้องมีอะไรบางอย่างที่น่าสนใจ ที่ทำให้กฎเกณฑ์ที่ตั้งไว้ล้มครืนลงมาได้
    ถ้าคุณมั่นใจว่ามีสิ่งมหัศจรรย์บางอย่างอยู่ในตัว และเชื่ออีกว่ามันทำให้คุณไม่ต่างจากคนที่มีคุณสมบัติครบถ้วน คุณคิดไม่ผิดที่เลือกทำในสิ่งที่คุณรักคุณชอบ แม้รู้อยู่ตลอดเวลาว่าโอกาสนั้นไม่เดินมาชนคุณบ่อยนัก แต่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้


    บางคนเรียนจบด้านครุศาสตร์ (ประถมวัย) แต่ความใฝ่ฝันของเธอกลับเป็นงานด้านประชาสัมพันธ์ เธอไม่รีรอที่จะเดินตามฝัน มั่นใจว่านอกจากความฝันที่มีอยู่อย่างเตาเปี่ยมแล้ว เธอยังมีความจริงบางอย่างไปพิสูจน์ให้เห็นอีกด้วยว่าเธอสมควรที่จะเป็นเจ้าของความฝันนั้น ความจริงที่ว่าก็คือ มนุษยสัมพันธ์ที่ดี รอยยิ้มที่สร้างความประทับใจแต่แรกเห็นความสามารถในการควบคุมอารมณ์ และประสบการณ์การฝึกงานด้านประชาสัมพันธ์กว่า 3 เดือน จากสถาบันสอนภาษาอังกฤษแห่งหนึ่ง


    บางคนฝืนเรียนบัญชีมา 4 ปี เพื่อมาทำงานวางแผนการตลาด กับเหตุผล...มีบางส่วนของบัญชีเกื้อหนุนการตลาดอยู่เชื่อมั่นว่าบางส่วนนั้นจะทำให้งานการตลาดดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ เขาได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วมันก็เป็นไปได้จริงๆ ความละเอียดรอบคอบทำให้รายงานสำรวจตลาดคู่แข่งของเขามีข้อมูลสนับสนุนมากพอ ตัวเลขที่วัดได้อย่างชัดเจน ข้อมูลการวิเคราะห์จุดอ่อน-จุดแข็งทั้งของบริษัทและคู่แข่งจากหลากหลายมุมมอง ที่ยังไม่รวมถึงความสมบูรณ์ ความถูกต้องในทุกรายละเอียดของรายงาน ที่ทำให้ผู้บริหารมีข้อมูลเพียงพอในการตัดสินใจปรับกลยุทธ์การตลาดเพื่อความได้เปรียบเชิงการแข่งขันในปัจจุบันอีกด้วย


    เป็นสองตัวอย่างที่ยกมาให้เห็น ไม่ผิดที่คุณไม่ชอบสิ่งที่เรียนมา ไม่สายไปที่เพิ่งมารู้ว่าชอบอะไรจริงๆ คุณสามารถเปลี่ยนแปลงทางเดินชีวิตได้ เพียงมั่นใจว่าน้ำมันในถังมีพอให้คุณขับต่อไปได้อีก 20 กิโลจากจุดหมายเดิมไปยังจุดหมายใหม่ที่คุณตั้งไว้ ถ้ามีไม่พอ อย่าเพิ่งถอดใจ ลองขับต่อปีอีกนิด คุณอาจจะพบปั๊มอยู่ข้างๆทางให้ได้เติมความรู้ และประสบการณ์ที่จะหล่อหลอมให้คุณแกร่งขึ้น สามารถอยู่ได้อย่างมีความสุขในจุดหมายใหม่ซึ่งคุณเป็นคนเลือก....

    ขึ้นอยู่ที่คุณแล้วล่ะ จะเลือกสมัครงานใน "ตำแหน่งที่ใช่" หรือ "ตำแหน่งที่ชอบ" เลือกทางที่มีโอกาสมากหรือน้อย เลือกทำใจรับสิ่งที่เป็นหรือลองเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ได้ทำในสิ่งที่รัก ใช้สมองและหัวใจตรองดู คุณพอใจยืนอยู่ตรงไหนมากกว่ากันระหว่างที่ที่คุณยืนอยู่ตอนนี้ กับอีกที่ที่หมายตาเอาไว้


    แต่ถ้า "ตำแหน่งที่ใช่" และ "ตำแหน่งที่ชอบ" ของคุณคืออย่างเดียวกันละก็ จงภูมิใจเถิดที่คุณถูกกำหนดมาให้เป็น "คนที่โชคดีที่สุด"


    กลยุทธ์ หางาน สมัครงาน 4/22


    ขอขอบคุณ...คุณปนัฎดา สังข์แก้ว
    จากหนังสือ "กลยุทธ์เด็ด คว้างานดี ชีวิตนี้ไม่มีเตะฝุ่น."
    *********************************


    อิสระ เสรี เสมอภาค




    *********************************

  5. #5
    Maximum learning
    ศิลปิน นักเขียน
    สัญลักษณ์ของ khonsurin
    วันที่สมัคร
    Apr 2008
    ที่อยู่
    ท่าตูม สุรินทร์
    กระทู้
    8,063
    บล็อก
    197

    กลยุทธ์ หางาน สมัครงาน 5/22

    กลยุทธ์ หางาน สมัครงาน 5/22



    ตอน....อยากรู้รายละเอียดของงานโทรถามได้ไหม ?


    อยากรู้รายละเอียดของงานโทรถามได้ไหม ?

    งานหลักของเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลทุกบริษัท คงหนีไม่พ้นการเป็น "โอเปอเรเตอร์ (จำเป็นแบบถาวร)" ตราบใดที่บริษัทยังต้องรับพนักงานใหม่อยู่และคงต้องรับกันทั้งปี ยากมากที่องค์กรใดองค์กรหนึ่งจะนิ่งได้นาน เมื่อมีคนออกก็ต้องมีคนเข้าเป็นวัฎจักรที่สรรพสิ่งในโลกไม่สามารถหลีกหนีได้เลย


    คุณไม่ต้องลังเลใจ หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับตำแหน่งงานที่สนใจสมัคร ไม่มีใครให้คำตอบได้ดีและถูกต้องมากไปกว่าบริษัทนั้นๆ ไม่ต้องกลัวเขาหาว่าคุณถามอะไรไม่เข้าเรื่อง ถามอะไรที่คนอื่นไม่ถามกันฉันขอย้ำ...การจ้างงานอยู่บนพื้นฐานความเต็มใจและพึงพอใจของทั้งฝ่ายนายจ้างและลูกจ้าง

    ดังนั้นคุณอย่ารู้สึกว่าตัวเองเป็นฝ่ายด้อยกว่ามีอำนาจต่อรองน้อยกว่า หากคุณไม่พึงใจกับงานที่ต้องทำแล้ว ใครจะมาบังคับให้ทำคงไม่ได้เหมือนกัน ทางเดียวที่จะรู้ว่างานนั้นคืองานที่ทำให้คุณพึงใจได้หรือไม่...คุณต้องหาข้อมูล


    กดหมายเลขโทรศัพท์ของบริษัทที่จดเอาไว้ใน "สมุดบันทึกการสมัครงาน" หลังจากที่เตรียมคำถามที่อยากรู้ไว้เรียบร้อยแล้ว การเตรียมจะทำให้คุณไม่ลืมคำถาม ไม่พลาดข้อมูลต่างๆ ที่อยากรู้


    มีคนเล่าให้ฟังว่า เคย เจอมาหลายสาย ถามไป สับสนกับตัวเองไป จำไม่ได้ว่าถามอะไรไปแล้วบ้าง แล้วอะไรที่ยังไม่ได้ถามคนตอบอย่างแผนกบุคคลก็งง พอวางหูไปไม่ถึงครึ่งนาทีเสียงเดิมก็กรอกผ่านสายมาว่า "ขอโทษค่ะ...ที่โทรมาเมื่อกี้ลืมถามว่า..." เป็นงั้นไป เสียดายค่าโทรศัพท์แทนที่ต้องเสียให้กับเรื่องไม่จำเป็น ไม่อยากรับสายแบบนี้อีกแล้วล่ะ ถ้าคุณจะโทรมาหาแผนกบุคคล...และก็เตรียมๆคำถามไว้ก่อนนะ...


    มั่นใจหน่อย...บอกแล้วไม่ต้องกลัว คุณไม่ได้ทำผิดอะไรคนไม่รู้ไม่ใช่คนผิด อยากรู้อะไรก็ถาม ตอบได้จะตอบ แต่ถ้าตอบไม่ได้ก็จะชี้แจงเหตุผล

    อะอะ....ไม่เข้าใจเลย ทำไมน้ำเสียงของหลายสายฟังดูไม่มั่นใจ ลนลานเหมือนไปทำผิดที่ไหนมาสักแห่งนอกจากฟังไม่รู้เรื่องแล้วยังทำให้อารมณ์ผู้รับสายก็ต้องย่อมขุ่นมัวอีกด้วย จึงขอเพิ่มข้อแน่ะอีก 1 ข้อคือ ตั้งสติให้ดีก่อนยกหู


    ฝ่ายบุคคลเท่านั้นที่เป็นผู้ให้ข้อมูลของตำแหน่งงานแก่คุณจึงไม่จำเป็นที่คุณต้องถามคำถามกับโอเปอเรเตอร์...เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นบ่อยมาก จนบางครั้งปลายสายโวยวายเมื่อคนรับสาย

    "ผมถามไปแล้วกับคนเมื่อกี้จะให้ถามซ้ำอีกทำไม?"

    เรื่องของเรื่องคือหนุ่มเลือดร้อนท่านี้กดโทรศัพท์มาที่บริษัทตามหมายเลขที่ให้ไว้ในประกาศรับสมัครงาน ซึ่งก็ถูกต้อง แต่สาเหตุที่ทำให้เขาต้องโวยวายอย่างที่เห็นเพราะเขาไปถามคำถามกับโอเปอเรเตอร์ก่อนที่เธอจะโอนสายให้ผู้มีหน้าที่รับสมัครงานนะสิ แต่ก็ไม่โทษเขา ก็เขาไม่รู้นี่....


    หมายเลขโทรศัพท์ที่บริษัทต่างๆ ให้ไว้ในประกาศรับสมัครงานทุกช่องทาง ส่วนใหญ่เป็นหมายเลขกลางของบริษัทถ้าคุณมั่นใจว่ายังไม่ได้กดต่อหมายเลขภายใน แสดงว่าสายนั้นยังไม่ถูกส่งไปฝ่ายใดๆทั้งสิ้น (รวมทั้งฝ่ายบุคคลด้วย) คนที่รับจึงเป็นโอเปอเรเตอร์ คุณสามารถแจ้งให้เธอต่อสายไปยังฝ่ายบุคคลได้ แล้วจึงค่อยถามคำถามที่คุณอยากรู้ จะได้ไม่ต้องถามซ้ำให้เสียอารมณ์ไงล่ะ ดีกว่าไหม...


    อย่าถามว่า "ตอนนี้บริษัทกำลังรับสมัครตำแหน่งอะไรบ้างคะ?" ถ้าคุณเจอเจ้าหน้าที่ที่ซื่อมากๆ เขาอาจกางหนังสือสมัครเล่มที่คุณก็มีอยู่ในมือตอนนั้นแล้วอ่านให้คุณฟัง ถ้าขณะนั้นบริษัทเปิดรับ 20 ตำแหน่ง คุณต้องตั้งใจฟัง ถ้าขณะนั้นบริษัทเปิดรับ 20 ตำแหน่ง คุณต้องตั้งใจฟังจนกว่าเขาจะอ่านจบนะ ห้ามขัดเดี๋ยวเขาน้อยใจแย่ ทางที่ดีคุณควรเปลี่ยนคำถาม "ดิฉันจบด้านสนใจตำแหน่ง...ไม่ทราบว่ายังเปิดรับอยู่หรือเปล่าคะ?"หรือถ้ายังไม่รู้ว่าสนใจตำแหน่งอะไรเป็นพิเศษลองถามว่า "ดิฉันจบด้านมนุษยศาสตร์ ไม่ทราบว่าตอนนี้มีตำแหน่งอะไรที่เหมาะสมกับดิฉันบ้างคะ ?" ฟังดูง่ายและดีกว่าตั้งเยอะ สบายใจทั้งคนถามและคนตอบ...รับรองได้ เจ้าหน้าที่เขามีคำตอบที่ดีให้คุณแน่นอน


    เมื่อตำแหน่งที่คุณสนใจ ตำแหน่งที่เหมาะสมกับคุณยังว่างอยู่ ถึงเวลาแล้วที่จะเจาะลึกรายละเอียดของตำแหน่งนั้นๆ เท่าที่คุณอยากรู้ ไม่ว่าจะเป็นลักษณะขอบเขตหน้าที่ความรับผิดชอบของงาน คุณสมบัติของผู้สมัครเบื้องต้นที่บริษัทต้องการ ฝ่ายที่คุณต้องไปสังกัด สวัสดิการต่างๆ การประกอบธุรกิจของบริษัท และอื่นๆ อีกมากมาย


    คุณถามได้ทุกคำถามแต่อย่างละเอียดมากจนดูคล้ายมาสืบหาฆาตกรที่ฆ่าสุนัขจรจัดข้างบ้านคุณ ถ้าอยากรู้เรื่องที่ลงในรายละเอียดมากๆ ขอให้จดจำคำถามนั้นไว้ แล้วนำมาถามในวันสัมภาษณ์งานจะดีดว่า ข้อมูลที่คุณได้รับจากผู้สัมภาษณ์ในวันนั้นไม่มีประโยชน์และช่วยให้คุณตัดสินใจอะไรได้ดีกว่าข้อมูลที่ได้รับจากเจ้าหน้าที่ในวันนี้แน่นอน


    เมื่อรู้รายละเอียดของตำแหน่งที่สนใจแล้ว และอยากถามเส้นทางการเดินทางไปสมัครงานที่บริษัท อย่าเริ่มคำถามว่า "รถเมล์สายอะไรผ่านบริษัทบ้างคะ?" เหมือนเดิม ถ้าเจ้าหน้าที่คนนั้นซื่อขึ้นมาอีกครั้ง คุณจะได้รับคำตอบที่ยาวเป็นพืดจนอาจทนฟังต่อไม่ได้ ลองเปลี่ยนเป็น "ดินฉันจะเดินทางจาก...(สถานที่)...ไม่ทราบว่ามีรถเมล์สายอะไรผ่านบ้างคะ?" หรือถ้าคุณมีรถส่วนตัวก็ถามว่า "ตอนนี้ดินฉันอยู่ที่...(สถานที่)...จะขับรถไปเอง ไม่ทราบว่าจะไปอย่างไรคะ?" โดยพยายามถึงสถานที่สำคัญที่อยู่ใกล้ๆกับบริษัท แล้วคุณจะได้รับคำตอบที่อยากรู้


    จุดเริ่มต้นที่คุณบอกต้องเป็นที่ที่รู้จักกันดี เป็นจุดสำคัญที่ใครๆ ก็รู้ไม่ใช่ชื่อซอยเล็กๆที่คุณอยู่ เจ้าหน้าที่ไม่ใช่บุรุษไปรษณีย์ไม่รู้หรอกว่าคุณอยู่ตรงมุมไหนของประเทศ ขยายความให้ใหญ่ขึ้นอีกนิด ให้เขาพอมองภาพออก ซึ่งถ้าไม่มีสายรถเมล์ผ่านโดยตรง เขาอาจแนะนำให้คุณมาต่อรถที่จุดสำคัญที่ใกล้กับจุดตั้งต้นที่คุณบอกไว้ในตอนแรก


    ถ้าฟังไม่เข้าใจ สับสน ขอให้ถามย้ำอีกครั้งจนเข้าใจตรงกัน ไม่ต้องกลัวเสียเกียรติ กลัวถูกหาว่าเป็นพวกฟังไม่รู้เรื่องเลยไม่กล้าถาม เข้าใจเอง เออออเองพอวางหูทบทวนอีกทีปรากฏฉันไม่รู้เรื่องอะไรเลย ทำอย่างไรล่ะ นอกจากรออีกสัก 2 ชั่วโมงค่อยโทรไปใหม่เผื่อคนรับสายไม่ใช่คนเดียวกับเมื่อครู่ จำเสียงเราไม่ได้หรอก...เฮ้อ เศร้าใจ เสียทั้งเวลา เสียทั้งเครดิต


    "เตรียมคำถาม ตั้งสติ พกความมั่นใจ มีศิลปะในการพูด" กฎเหล็กมีอยู่เท่านี้ ถ้าทำได้คุณจะได้รับคำตอบทั้งหมดที่อยากรู้หลังจากวางหู (ครั้งแรกและครั้งเดียว) แน่นอน มากไปกว่านั้นคุณอาจได้รับข้อมูลพร้อมคำแน่ะนำดีๆ มากมายอย่างไม่คาดฝันมาก่อนจากปลายสายก็ได้นะ...



    กลยุทธ์ หางาน สมัครงาน 5/22



    ขอขอบคุณ...คุณปนัฎดา สังข์แก้ว
    จากหนังสือ "กลยุทธ์เด็ด คว้างานดี ชีวิตนี้ไม่มีเตะฝุ่น."
    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย khonsurin; 25-10-2009 at 13:01.
    *********************************


    อิสระ เสรี เสมอภาค




    *********************************

  6. #6
    Maximum learning
    ศิลปิน นักเขียน
    สัญลักษณ์ของ khonsurin
    วันที่สมัคร
    Apr 2008
    ที่อยู่
    ท่าตูม สุรินทร์
    กระทู้
    8,063
    บล็อก
    197

    กลยุทธ์ หางาน สมัครงาน 6/22

    กลยุทธ์ หางาน สมัครงาน 6/22




    ตอน...เตรียมพร้อมเสมอสำหรับการสัมภาษณ์งาน


    เตรียมพร้อมเสมอสำหรับการสัมภาษณ์งาน

    พยายามกันมาตั้งมากมาย เพื่อไม่ให้มีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นในทุกขั้นตอนการสมัคร จนเวลานี้อาจทำให้หลายคนที่อ่านอยู่เป็นโรคกลัว "พลาด" ขึ้นสมองกันไปแล้วก็ได้ ทำใจเย็นๆไว้ เรายังมีอีก 1 คำเตือนมาบอกกัน..แหะ แหะ ไม่ได้ช่วยให้ดีขึ้นเลยใช่ไหม แต่เชื่อเถอะ มันจะทำให้คุณหางานได้รวดเร็วอย่างที่คาดไม่ถึง ขอให้อดทนอีกนิด


    ถ้าวันหนึ่งคุณเห็นโฆษณายาสระผมยี่ห้อเอในโทรทัศน์ เกิดประทับใจในคุณสมบัติพิเศษของมันที่ช่วยให้ผมดำสลวยภายใน 14 วัน อยากลองซื้อมาใช้บ้าง เผื่อบางทีผมที่แห้งเสียของคุณอาจดีขึ้น เย็นวันนั้นคุณจึงตัดสินใจไปซุปเปอร์มารเกตใกล้บ้าน แต่พอไปถึงยาสระผมยี่ห้อเอกลับหมดสต๊อก พนักงานเลยแนะนำให้คุณลองใช้ยี่ห้อบี การันตีว่าจะได้ผลเหมือนกับยี่ห้อเอที่คุณหาอยู่ ท้ายสุดคุณอาจพบว่าตัวเองกำลังหิ้วถุงซึ่งมียาสระผมยี่ห้อบีกลับมาบ้านก็ได้…


    จากเหตุการณ์นี้นับว่ายาสระผมยี่ห้อเอประสบความสำเร็จในการโฆษณาสามารถนำเสนอคุณสมบัติที่ตรงใจ สร้างความต้องการให้เกิดขึ้นกับลูกค้าได้ ถ้าเปรียบกับการสมัครงานใบสมัครของคุณเข้าตานายจ้างให้แล้วนั่นเอง เมื่อต้องการคุณมาร่วมงาน เขาต้องโทรเพื่อนัดคุณมาสัมภาษณ์ แต่ถ้าโทรแล้วไม่ติดเขาจะมีความพยายามอีกสักกี่ครั้งในการติดต่อเราบอกไม่ได้ ไม่แน่เขาอาจหันไปโทรหาอีกคนที่มีคุณสมบัติไม่ต่างจากคุณสักเท่าไหร่...เหมือนกับยาสระผมยี่ห้อบี...ซึ่งนั่นหมายถึงคุณ "พลาด" อย่างไม่น่าให้อภัยตัวเองเลย


    เมื่อปล่อยโฆษณาออกสู่สายตาประชาชนแล้วจำเป็นอย่างยิ่งที่บริษัทต้องผลิตสินค้าให้มากพอและกระจายไปยังที่ต่างๆให้ทั่วถึง เพื่อรองรับกำลังซื้อของผู้บริโภค การสมัครงานก็เช่นกัน ในเมื่อคุณส่งใบสมัครไปยังบริษัทต่างๆมากมายด้วยจุดมุ่งหมายเดียวคืออยากได้งาน แต่คุณกลับทำตัวให้ติดต่อยากเสียนี่เท่ากับปิดโอกาสตัวเองอย่างน่าเศร้าที่สุด


    เมื่อรู้ว่าช่วงนี้คุณได้ส่งใบสมัครงานไปหลายที่ จำเป็นอย่างยิ่งที่คุณต้องเปิดโทรศัพท์มือถือตลอดเวลา พยายามอย่าให้แบตหมด กลางอากาศ ถ้าเลี่ยงไม่ได้ เบอร์ที่ 1และเบอร์ที่ 3 ที่ระบุไว้ในใบสมัครต้องทำให้คุณมั่นใจว่าสามารถเป็นที่พึ่งพยายามยากได้ดี อาจเป็นเบอร์ที่บ้าน เบอร์มือถือของพ่อ แม่ พี่ น้องหรือใครก็ได้ที่จะติดต่อคุณได้เร็วที่สุด


    คุณจึงต้องระบุเบอร์ติดต่อกลับในใบสมัครมากกว่า 1 เบอร์ เพื่อป้องกันการเสียสิทธิ์ ควรเรียงลำดับจากเบอร์ที่ติดต่อได้สะดวกที่สุดก่อน

    เชื่ออย่างหนึ่ง หากใบสมัครของคุณเข้าตานายจ้างแล้ว เขาจะพยายามอย่างถึงที่สุดที่จะนัดคุณเข้ามาสัมภาษณ์ นั่นคือการโทรหาคุณทุกเบอร์ตามที่คุณให้ไว้แต่ไม่รวมถึงความพยายามที่จะโทรหาคุณครั้งแล้วครั้งเล่าก็ยังติดต่อไม่ได้สักที เช้าก็แล้ว เที่ยงก็แล้ว เย็นอีกครั้งก็ไม่สำเร็จ อย่างนี้..สู้กด..ไปหาคนอื่นที่ติดต่อได้ง่ายแถมมีคุณสมบัติใกล้เคียงกันไม่ดีกว่าหรือ?


    อีกอย่างที่ขอเตือนไว้ก่อน เคยเจอมาหลายครั้งกับการรับโทรศัพท์ของผู้สมัคร โดยเฉพาะมือถือ คุณควรตะหนักว่าช่วงที่คุณร่อนใบสมัครงานไปตามบริษัทต่างๆนั้น โอกาสที่มีโทรศัพท์เข้ามาหาคุณก็มากขึ้น เบอร์แปลกๆที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอมือถืออาจเป็นเบอร์ของนายจ้างคุณในอนาคตก็ได้ จึงควรพยายามรับสายด้วยคำพูดและน้ำเสียงที่สุภาพไว้ก่อน


    และที่สำคัญที่สุดก็คือในการพูดโทรศัพท์ ควรใช้คำพูดและน้ำเสียงที่สุภาพ ห้ามทำเสียงที่คล้ายกำลังพูดอยู่กับเพื่อนสนิทคนหนึ่ง แถมมีคำที่ไม่เหมาะสมบางคำหลุดออกมาอีกด้วย


    อย่าประมาทนะ… การที่คุณไม่ใส่ใจรายละเอียดบางอย่างที่คิดว่าไม่สำคัญ บางครั้งมันอาจจะสำคัญมากกว่าที่คุณคิดก็ได้ และบางครั้งมันอาจจะสำคัญมากที่สุดถึงกับเป็นจุดเปลี่ยนชีวิตของคุณได้เลยเชียวล่ะ

    ดังนั้นนอกจากเตรียมพร้อมเสมอสำหรับการนัดสัมภาษณ์แล้ว การรักษามารยาทในการใช้โทรศัพท์ก็เป็นเรื่องสำคัญที่คุณไม่ควรทำให้มัน "พลาด" เด็ดขาด




    กลยุทธ์ หางาน สมัครงาน 6/22



    ขอขอบคุณ...คุณปนัฎดา สังข์แก้ว
    จากหนังสือ "กลยุทธ์เด็ด คว้างานดี ชีวิตนี้ไม่มีเตะฝุ่น."
    *********************************


    อิสระ เสรี เสมอภาค




    *********************************

  7. #7
    Maximum learning
    ศิลปิน นักเขียน
    สัญลักษณ์ของ khonsurin
    วันที่สมัคร
    Apr 2008
    ที่อยู่
    ท่าตูม สุรินทร์
    กระทู้
    8,063
    บล็อก
    197

    กลยุทธ์ หางาน สมัครงาน 7/22

    กลยุทธ์ หางาน สมัครงาน 7/22



    ตอน...ไม่ใช่งานเท่านั้นที่มีสิทธิ์เลือกคุณคุณเองที่มีสิทธิเลือกงาน..

    ไม่ใช่งานเท่านั้นที่มีสิทธิ์เลือกคุณคุณเองที่มีสิทธิเลือกงาน…

    การสัมภาษณ์งานกระบวนการที่ทำให้ให้ทั้งว่าที่นายจ้างและว่าที่ลูกจ้างมาพบปะแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกัน ประกอบการตัดสินใจว่าทั้งสองฝ่ายยินยอมทำงานร่วมกันหรือไม่ เหมือนกับการซื้อขาย การซื้อการขายเกิดขึ้นได้เมื่อผู้ซื้อเต็มใจซื้อและผู้ขายก็ยินยอมขายเช่นกัน ในกระบวนการนี้ไม่มีใครสามารถบังคับใครได้


    การจ้างงานก็เช่นเดียวกัน ต้องเป็นความยินยอมของทั้งฝ่ายนายจ้างและลูกจ้าง ถ้านายจ้างหรือคุณ แต่คุณไม่เลือกเขาหรือคุณยินยอมเป็นที่สุด แต่นายจ้างปฏิเสธ การจ้างงานก็ไม่มีทางเกิด ดังนั้นเพื่อความยุติธรรมของทั้งสองฝ่ายการได้มีโอกาสมาพบหน้าค่าตา ทำความรู้จักกันเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดก่อนการจ่างงานเกิดขึ้น คุณได้รู้ว่างานที่ต้องทำองค์กรที่ต้องอยู่เป็นอย่างไร นายจ้างก็ได้รู้ว่าคุณมีคุณสมบัติเหมาะสมกับงานและองค์กรหรือไม่


    อย่าคิดว่าคุณเป็นแค่ตัวเลือกหนึ่งของนายจ้าง แต่จงคิดว่าถ้าคุณไม่พอใจกับงานและองค์กรที่คุณได้มีโอกาสเข้ามาสัมผัสในวันสัมภาษณ์งานแล้ว คุณก็สามารถปฏิเสธนายจ้างได้เช่นกัน


    การสัมภาษณ์งานจึงมีความสำคัญอย่างมาก คุณต้องการรู้อะไรเกี่ยวกับงานที่คุณต้องทำ เกี่ยวกับบริษัท ขอให้ถามจากผู้สัมภาษณ์คุณให้ละเอียด ให้หายข้องใจ เพื่อนำข้อมูลนั้นมาเป็นส่วนประกอบในการตัดสินใจต่อไป


    ปกติแล้วผู้สัมภาษณ์งานจะอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับงานให้คุณรู้ว่าต้องทำอะไร อย่างไร มีขอบเขตของงานแค่ไหนให้คุณมองภาพการทำงานออกแล้วเปิดโอกาสให้คุณถามกลับ ในเวลานั้นหากมีข้อสงสัยให้คุณถามทันทีอย่าปล่อยให้ผ่านไปเพราะอาจไม่มีครั้งที่ 2 ให้ถามอีกก็ได้ อาจถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับงานให้เขาอธิบายให้ฟัง ถามเกี่ยวกับระบบการทำงานวัฒนธรรมและองค์กรก็ได้ เรื่อหลังนี้คุณอาจหาข้อมูลจากที่อื่นได้ยาก ควรใช้ประโยชน์จากผู้ที่อยู่ตรงหน้าคุณในห้องสัมภาษณ์ให้มากที่สุด แต่จงทำให้พอเหมาะ ไม่ใช่ดูไม่ออกเลยว่าใครกำลังสัมภาษณ์ใครอยู่


    ถ้าได้รับรู้ข้อมูลทั้งหมดแล้ว คุณรู้สึกไม่ชอบงานหรือองค์กรเลยสามารถปฏิเสธได้ไม่ผิดธรรมเนียมแต่อย่างใด เพียงเลือกใช้คำปฏิเสธให้เหมาะสมเท่านั้น เช่น


    "จากที่ได้ฟังลักษณะงานทั้งหมดมา คิดว่าดิเราคงไม่เหมาะกับงานนี้เพราะดิเราไม่ถนัดงานเกี่ยวกับตัวเลขเยอะๆ และคงไม่มีความสุขถ้าต้องอยู่กับมันตลอดเวลา..."


    "ตามที่คุณบอกว่าผมต้องออกไปติดต่องานต่างจังหวัดบ่อยๆ ถึงอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง แถมบางทีต้องค้างคืนด้วย ผมคิดว่าผมคงทำงานนี้ไม่ได้ครับ เพราะผมมีแม่ซึ่งไม่ค่อยบายอยู่ที่บ้าน ถ้าผมไม่อยู่กลางคืนก็ไม่มีใครดูแลท่านครับ"


    ให้บอกเหตุผลไปตามความจริงแล้วคำปฏิเสธนั้นจะไม่ทำร้ายใคร ไม่ใช่เหตุผลจริงๆ คือเงินเดือนที่บริษัทเสนอให้น้อยเกินไป แต่คุณไปบอกว่าปัญหาอยู่ที่ไม่สามารถเดินทางไปต่างจังหวัดได้บ่อยๆ ถ้าบริษัทพอใจคุณและหาทางออกให้กับปัญหานี้ด้วยการเสนอตำแหน่งที่ไม่ต้องออกต่างจังหวัดให้คุณแทน เขาแก้ปัญหาให้คุณถูกจุดหรือ?


    ความจริงเป็นสิ่งที่คุณควรพูดออกมา อย่างเบี่ยงประเด็นในห้องสัมภาษณ์งานก็เหมือนห้องเจรจาต่อรองซื้อขาย ถ้าสินค้าที่คุณนำมาเสนอดี น่าสนใจ คนซื้อก็อยากซื้อเก็บไว้ หากมีข้อขัดข้องสงสัยระหว่างกันให้สอบถาม แล้วหาทางออกร่วมกัน ถ้าตกลงกันได้ทั้งสองฝ่ายก็จบ ปิดการขายได้ แต่ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีอาการลังเล ไม่อยากซื้อหรือไม่อยากขายขึ้นมาก็จบเหมือนกัน คือปิดการขายไม่ได้ ต้องไปเสนอขายให้คนอื่นต่อก็เท่านั้น


    แต่ถ้าได้ฟังรายละเอียดทั้งหมดแล้ว เกิดชอบและอยากทำงานนั้นขึ้นมา คุณสามารถแสดงความตั้งใจจริงความสนใจต่องานผ่านคำพูด สีหน้า และแววตา คุณคงไม่สามารถบอกผู้สัมภาษณ์ได้ตรงๆ ว่า

    "ผมชอบงานนี้ ขอให้ผมทำเถอะ"

    "ดิเราอยากทำงานนี้ คุณรับดิเรานะคะ"

    การแสดงออกผ่านคำพูด สีหน้า และแววตาจึงเป็นสิ่งที่เหมาะสมที่สุด มันจะบอกให้ผู้สัมภาษณ์รู้โดยนัยว่าคุณชอบ สนใจ และอยากทำงานนี้ เช่น

    อาจพูดว่า

    "ดิเราชอบงานที่ต้องติดต่อกับคนมากๆ อย่างนี้คะ มันจะทำให้ดิเรามีโอกาสได้รู้จักและเรียนรู้คนมากขึ้น"

    "ผมคิดว่าถ้ามีโอกาสทำงานตำแหน่งนี้ ผมสามารถแห้ปัญหาสภาพแรงงานที่คุณพูดถึงได้แน่นอน"

    หรืออาจแสดงสีหน้าว่าคุณพอใจลักษณะงานที่ผู้สัมภาษณ์กำลังพูดถึง มีการถามกลับในข้อมูลที่อยากรู้ มีแววตาที่มุ่งมั่นสนการตอบคำถามทุกคำถาม


    การแสดงออกเหล่านี้สามารถบอให้ผู้สัมภาษณ์รู้ได้แน่นอนว่า คุณชอบ พอใจ และอยากทำงานนี้มากแค่ไหน โดยคุณไม่ต้องพูดออกไปตรงๆ เมื่อเขารู้ว่าคุณพอใจ และบังเอิญว่าเขาก็พอใจคุณด้วยเช่นกัน โอกาสที่คุณได้งานก็มีมากขึ้น นอกเสียจากว่าเขาจะพอใจคนอื่นๆ ที่พอใจเขาเหมือนกับคุณอีกหลายคน อันนี้ต้องลุ้นกันต่อไป

    เมื่อบริษัทถามข้อมูลทุกอย่างของคุณที่เขาอยากรู้ได้คุณเองก็มีสิทธิถามข้อมูลทุกอย่างของบริษัทที่คุณอยากรู้ได้เช่นกันและเมื่องานมีสิทธิ์เลือกคุณ คุณเองก็มีสิทธิ์เลือกงานด้วยเหมือนกัน


    กลยุทธ์ หางาน สมัครงาน 7/22



    ขอขอบคุณ...คุณปนัฎดา สังข์แก้ว
    *********************************


    อิสระ เสรี เสมอภาค




    *********************************

  8. #8
    Maximum learning
    ศิลปิน นักเขียน
    สัญลักษณ์ของ khonsurin
    วันที่สมัคร
    Apr 2008
    ที่อยู่
    ท่าตูม สุรินทร์
    กระทู้
    8,063
    บล็อก
    197

    กลยุทธ์ หางาน สมัครงาน 8/22

    กลยุทธ์ หางาน สมัครงาน 8/22



    ตอน...ส่งใบสมัครไปนานแล้ว ทำไมไม่ถูกเรียกสัมภาษณ์สักที ?



    ส่งใบสมัครไปนานแล้ว ทำไมไม่ถูกเรียกสัมภาษณ์สักที ?

    การตอบคำถามนี้ เหมือนกับเรานำความลับของงานบุคคลมาเปิดเผยให้สาธารณชนได้รับรู้ แต่ความลับที่ว่าไม่ได้สลักสำคัญอะไรมากนักหรอก เพียงแต่ไม่จำเป็นที่บริษัทต่างๆต้องออกมาป่าวประกาศให้คนอื่นได้รู้กันเท่านั้นเอง


    การที่คุณไม่ได้ถูกเรียกสัมภาษณ์สักที ทั้งที่ร่อนใบสมัครไปหลายที่ แถมรออยู่นานแล้ว เรามี 2 คำตอบมาให้คุณ


    คำตอบแรก....คุณไม่เหมาะสมกับตำแหน่งนั้น ไม่ว่าด้วยคุณสมบัติอะไรก็แล้วแต่ การศึกษาประสบการณ์ ความสามารถพิเศษ บุคลิกภาพ หรือหน้าตา ยิ่งถ้าคุณสมัครงานทุกบริษัทในตำแหน่งเดียวกันอีกโอกาสที่คุณจะได้งานนั้นก็มีน้อยมาก ถ้าตำแหน่งที่สมัครไม่เหมาะกับคุณด้วยประการทั้งปวงเหมือนกับการเสิร์ฟลูกเทนนิสลงจุดเดียวอยู่เรื่อยๆจนคู่ต่อสู้จับทางได้คุณก็หมดทางที่จะชนะ ลองเปลี่ยนตำแหน่งจุดเสิร์ฟดูบ้าง บางครั้งมันอาจทำให้คู่ต่อสู้สับสน สุดท้ายคุณอาจเป็นฝ่ายพลิกชนะในเกมนี้เสียเองก็ได้...เชื่อไหม


    ถ้าพูดให้เข้าใจง่ายยิ่งขึ้น คือ "การกระจายความเสี่ยง"นั่นเอง คุณไม่สามารถรู้ได้หรอกว่า คุณเหมาะสมกับตำแหน่งที่สมัครหรือเปล่า แล้วบริษัทเขาวัดความเหมาะสมนี้กันตรงไหน คุณอาจคิดว่า ก็ชอบงานนี้จะให้สมัครงานอื่นได้อย่างไร เราไม่ได้หมายความว่าคุณควรจะสมัครในตำแหน่งที่หลากหลายจนหาความเป็นตัวเองไม่ได้ แต่ต้องการให้คุณสร้างตัวเลือกให้กับตัวเองมากกว่า ไม่ใช่ยึดติดอยู่กับสิ่งเดิมๆ


    ลองมองดูขอบเขตความสามารถที่คุณมีว่า คุณน่าจะทำงานในตำแหน่งใดได้บ้าง อาจเป็นตำแหน่งที่มีลักษณะใกล้เคียงกันหรือต่างกันก็ได้ เช่น เจ้าที่การตลาดกับเจ้าหน้าที่พัฒนาธุรกิจเจ้าหน้าที่การเงินกับเจ้าหน้าที่วิเคราะห์โครงการ เจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลกับเลขานุการผู้บริหาร เป็นต้น


    สังเกตได้ว่าไม่จำเป็นเลยที่คุณเรียนมาทางด้านการเงินแล้วต้องมุ่งไปที่เจ้าหน้าที่การเงินอย่างเดียว เห็นประกาศรับการเงินก็กระโดดเข้าใส่ซะทุกที คุณยังมีตัวเลือกอีกมาก ไม่ว่าเจ้าหน้าที่วิเคราะห์โครงการ เจ้าหน้าที่วางแผนพัฒนาธุรกิจ หรือแม้แต่เจ้าหน้าที่การตลาด คุณก็สามารถทำได้ ถ้าในคุณสมบัติของตำแหน่งนั้นระบุไว้ว่ารับผู้ที่จบด้านการเงินด้วย


    ปัจจุบันมีหลายบริษัทเปิดโอกาสให้ผู้ที่เรียนจบจากด้านหนึ่งมาทำงานอีกด้านหนึ่งได้ บนพื้นฐานความเชื่อ "ความรู้ดิ้นได้" ความรู้ทุกศาสตร์สามารถนำมาประยุกต์ใช่ร่วมกันได้ ถ้าในหน่วยงานนั้นมีความรู้หลายๆ ด้านมาสนับสนุนการทำงานน่าจะทำให้งานออกมาดีและมีประสิทธิภาพมากกว่าใช้ความรู้เพียงด้านเดียวแน่นอน


    การสมัครงานแต่ละบริษัทคุณควรสมัครในตำแหน่งที่แตกต่างกันบ้าง เช่น คุณจบด้านจิตวิทยาอาจสมัครตำแหน่งเจ้าที่บุคคล เจ้าหน้าที่ลูกค้าสัมพันธ์ เจ้าหน้าที่ประสานงาน เลขานุการ ครูสอนเด็กอนุบาล เป็นต้น แม้ตำแหน่งต่างกัน แต่ ทั้ง 5 ตำแหน่งมีจุดร่วมที่เหมือนกันอยู่คือ การนำความรู้ความสามารถด้านจิตวิทยามาใช้ค่อนข้างมากในการทำงานนั่นเอง


    เห็นไหมว่าทางเลือกมีมากมาย แม้คุณจะเรียนจบมาเพียงด้านเดียวก็เถอะ หมั่นสร้างทางเลือกให้กับตัวเอง แล้วความเสี่ยงในการไม่ได้งานของคุณจะเริ่มลดลง เมื่อคุณสมบัติของคุณไม่เหมาะกับตำแหน่งนี้ ต้องมีสักตำแหน่งละที่เหมาะกับคุณเชื่อเราสิ

    ...ไม่ใช่การเหวี่ยงแหโดยไร้จุดมุ่งหมายแต่คุณเลือกแล้วต่างหากว่าแหล่งน้ำนี้มีปลาอยู่ชุกชุม...จริงไหม



    คำตอบที่ 2...ตำแหน่งงานที่บริษัทประกาศยังไม่เปิดรับ (จริง) ในช่วงเวลาที่ประกาศ ฟังดูอาจงงๆ พูดให้ง่ายขึ้นอีกนิดคือ ประกาศเผื่อไว้ก่อน คำตอบนี้เองที่เป็นความลับของงานบุคคลที่เราเกริ่นเอาไว้ตอนรก ความจริงแล้วมันไม่ใช่ความผิดหรอกที่บริษัทต่างจะทำแบบนี้เพราะการมีผู้สมัครสำรองกรณีที่มีพนักงานลาออกที่ควรทำอย่างยิ่งแต่ไม่ใช่ประกาศที่หนึ่งเหมาตำแหน่งหมดบริษัทมาลงอย่างนี้ก็เอาเปรียบผู้สมัครมากเกินไป ควรคัดมาเฉพาะตำแหน่งที่คาดการณ์ว่าจะมีอัตราลาออกหรืออัตรารับเพิ่มในอนาคตอันใกล้เท่านั้น


    สำหรับคุณในฐานะคนหางานควรดูประกาศรับสมัครของแต่ละบริษัทให้ดีก่อนตัดสินใจสมัครแบบไม่ยั้ง ในเมื่อลงทุนทั้งเงินและเวลาแล้วก็ควรให้ได้รับสิ่งที่คุ้มค่ากลับมาดีกว่า


    ประกาศรับสมัครงานที่มีตำแหน่งเรียงกันเป็นพืดคล้ายว่าพนักงาบริษัทนี้จะเกณฑ์กันลาออกจางานทั้งหมด ถือว่าเป็นประกาศที่ไม่น่าไว้ในสักเท่าไหร่ ในสภาวะปกติคงยากที่พนักงานจะยกทีมออกจากงานพร้อมกัน เว้นเสียแต่บริษัทมีปัญหาบางอย่างซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่คุณต้องไปสมัครงานกับบริษัทดังกล่าว แต่บางครั้งประกาศลักษณะนี้ก็อาจเชื่อถือได้ ถ้ามีเหตุผลสนับสนุนที่มีน้ำหนักมากพอ เช่น ต้องการขยายงาน เปิดโรงงานใหม่ หรือเพิ่มสายการผลิตสินค้า เป็นต้น


    จะตัดสินได้ว่าประกาศไหนจริงหรือไม่จริงคุณต้องรู้ข้อมูลของธุรกิจต่างๆว่าตอนนี้ไม่สภาวะเป็นอย่างไร ได้รับการส่งเสริมจากภาครัฐมากน้อยแค่ไหน มีการลงทุนหรือเพิ่มทุนจากต่างชาติหรือไม่ สินค้าของบริษัทได้รับการตอบรับที่ดีหรือไม่ดีจากผู้บริโภคหรือแม้กระทั่งเจ้าของบริษัทที่มีอำนาจและเครือข่ายหรือไม่ในรัฐบาลปัจจุบัน ข้อมูลทั้งหมดนี้จะช่วยในการตัดสินใจ ซึ่งคุณสามารถติดตามข่าวสารได้จากสื่อต่างๆในปัจจุบันที่มีอยู่รอบตัว


    ถ้าประกาศรับสมัครงานนั้นยังไม่เป็นจริงในขณะที่คุณสมัคร โอกาสที่คุณถูกเรียกสัมภาษณ์ก็เป็นศูนย์ แต่ไม่ใช่ว่าใบสมัครของคุณจะไร้ประโยชน์ซะทีเดียว ถ้ามีการเปิดรับในโอกาสอันใกล้ใบสมัครของคุณก็จะเป็นหนึ่งที่ถูกนำมาพิจารณาแน่นอน เพียงแต่ไม่เร็วอย่างที่คุณคาดไว้เท่านั้น แต่ถ้าเป็นประกาศของบริษัทที่ไม่มีจรรยาบรรณในการรับสมัครงานแล้วละก็ใบสมัครของคุณอาจต้องนอนรออยู่ในตะกร้าอย่างไม่มีจุดหมายจนพลัดผิวเป็นสีเหลือกรอบก็ได้


    อธิบายมาถึงตรงนี้ก็แค่อยากบอกว่าการที่คุณยังไม่รู้ว่าสัมภาษณ์งานสักที ไม่ใช่เพราะคุณไม่ดี แต่เป็นเพราะคุณไม่เหมาะต่างหาก ไม่ว่าด้วยคุณสมบัติหรือช่วงเวลาบางคนที่มีคุณสมบัติที่สามารถทำงานตำแหน่งนั้นได้ แต่ไม่เลือกเพราะเรียกเงินเดือนสูงเกินกว่าที่บริษัทจะให้ได้ หรือบางคนเงินเดือนที่ขอมาบริษัทรับได้ แต่ไม่เรียกมาสัมภาษณ์ เพราะเห็นว่าบ้านอยู่ไกลจากที่ทำงานมากๆ เกรงจะไม่สะดวกในการเดินทาง อาจทำให้ต้องตัดสินใจลาออกไปเร็วกว่าที่คิด สู้เลือกคนที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงแต่อยู่ใกล้ที่ทำงานดีกว่า


    ด้วย 2 เหตุผลข้างต้นเราจึงไม่อยากให้คุณถอดใจหรือมัวแต่โกรธตัวเอง ไม่ดี ไม่เก่ง ขอให้พยายามต่อไป สักวันต้องมีการพบกันระหว่าง "คุณ" กับ "งานที่เหมาะสม" ซึ่งคงไม่นานเกินไปที่คุณจะรอได้แน่นอน


    กลยุทธ์ หางาน สมัครงาน 8/22



    ขอขอบคุณ...คุณปนัฎดา สังข์แก้ว
    *********************************


    อิสระ เสรี เสมอภาค




    *********************************

  9. #9
    Maximum learning
    ศิลปิน นักเขียน
    สัญลักษณ์ของ khonsurin
    วันที่สมัคร
    Apr 2008
    ที่อยู่
    ท่าตูม สุรินทร์
    กระทู้
    8,063
    บล็อก
    197

    กลยุทธ์ หางาน สมัครงาน 9/22

    กลยุทธ์ หางาน สมัครงาน 9/22



    ตอน...เกณฑ์การพิจารณาที่น่าสนใจในการสัมภาษณ์งาน


    เกณฑ์การพิจารณาที่น่าสนใจในการสัมภาษณ์งาน

    นอกจากคำแนะนำทั้งหมดที่บอกไปแล้ว เรายังมีเกณฑ์ที่พิจารณาผู้เข้าสัมภาษณ์งานของบริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งมาฝากกันอีกด้วย เขาจะแบ่งการพิจารณา ออกเป็น 2 ส่วนดังนี้


    สิ่งที่สามารถสังเกตเห็นได้
    - สุขภาพสมบูรณ์
    - มีผลการเรียนดี
    - มีไหวพริบในการตอบคำถาม
    - แสดงออกอย่างมีสัมมาคารวะ
    - มีความสามารถในการสื่อความ
    - บุคลิกภาพ การแสดงออก แต่งกายดี
    - แสดงความคิดเห็นอย่างมีเหตุผล
    - ควบคุมอารมณ์ได้ดี



    สิ่งที่ไม่สามารถสังเกตเห็นได้
    - การปรับตัวเข้ากับสังคม สภาพแวดล้อม
    - มองโลกในแง่ดี
    - ความซื่อสัตย์สุจริต กตัญญู
    - กระตือรือร้นในการเรียนรู้งาน
    - ความคล่องตัวในการทำงาน
    - หนักเอาเบาสู้ เท้าติดดิน



    เมื่ออ่านจบตรงนี้แล้วคุณคงพอเข้าใจในสิ่งต่างๆ ที่ได้บอกมาทั้งหมดมากขึ้น เกณฑ์ที่ยกมาให้เห็นเป็นเกณฑ์มาตรฐานทั่วไปที่บริษัทส่วนใหญ่ใช้ในการประเมินผู้เข้าสัมภาษณ์งาน อาจแตกต่างกันบ้างเล็กน้อยขึ้นอยู่กับลักษณะงานและวัฒนธรรมขององค์กร อย่างเช่น ความกตัญญูและสัมมาคารวะจะมีความสำคัญในองค์กรไทยมากกว่าองค์การข้ามชาติ


    ลองอ่านช้าๆ ทีละข้อ แล้วมองกลับมาที่ตัวเอง คุณมีครบทุกข้อแล้วหรือไม่ ถ้ามีครบแล้วก็จะมองไม่เห็นภาพการว่างงานของคุณเลย

    แต่ถ้าไม่ครบ ลองดูสิ ยังขาดข้อไหนอีกบ้าง รีบเติมให้ครบก่อนเข้าห้องสัมภาษณ์

    หรือถ้าไม่ทันจะเติมให้มั่นใจอีกครั้งในห้องสัมภาษณ์ หรือถ้าไม่ทันจะเติมให้มั่นใจอีกครั้งในห้องสัมภาษณ์ก็ได้


    โดยเฉพาะ

    "สิ่งที่ไม่สามารถสังเกตเห็นได้"

    ซึ่งขึ้นอยู่กับการตอบคำถามและการถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆ ให้ผู้สัมภาษณ์ได้รับรู้ว่าคุณมีคุณสมบัติตามเกณฑ์ดังกล่าวหรือไม่ มันคือความสามารถส่วนตัวของคุณแล้วล่ะ แต่ถ้าได้ทำการบ้านมาก่อนบ้าง รับรองว่า ...คุณเป็นคนที่เขาเลือกแน่นอน


    กลยุทธ์ หางาน สมัครงาน 9/22




    ขอขอบคุณ...คุณปนัฎดา สังข์แก้ว
    *********************************


    อิสระ เสรี เสมอภาค




    *********************************

  10. #10
    Maximum learning
    ศิลปิน นักเขียน
    สัญลักษณ์ของ khonsurin
    วันที่สมัคร
    Apr 2008
    ที่อยู่
    ท่าตูม สุรินทร์
    กระทู้
    8,063
    บล็อก
    197

    กลยุทธ์ หางาน สมัครงาน 10/22

    กลยุทธ์ หางาน สมัครงาน 10/22



    ตอน....เมื่อต้องสัมภาษณ์งานรอบที่ 2 ที่ 3...



    เมื่อต้องสัมภาษณ์งานรอบที่ 2 ที่ 3...

    การสัมภาษณ์รอบที่ 2 หรือที่ 3 คุณมักเจอกับผู้สัมภาษณ์ 1 ใน 2 ประเภทนี้คือ หัวหน้างานโดยตรง หรือผู้บริหารระดับสูงของสายงานในอนาคตของคุณ หลังจากคุณได้ผ่านการคัดเลือกรอบแรกจากฝ่ายบุคคลมาแล้ว


    การันตีได้ว่าความกลัว ตื่นเต้น ประหม่า ของคุณลดลงกว่าการสัมภาษณ์ในรอบแรกอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็มีอีกหลายคนที่เป็นไปในทางตรงกันข้าม ผู้ที่เข้าข่ายข้อหลังนี้อยากให้คุณตั้งใจอ่านต่อจากนี้ไป


    จงมั่นใจในตัวเองให้มาก คุณคือคนที่น่าสนใจกว่าผู้สมัครหลายๆคน ที่ถูกเรียกเข้ามาสัมภาษณ์ในรอบแรก บางตำแหน่งเรียกมามากกว่าสิบคน เมื่อคุณเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่บริษัทเลือกให้ผ่านเข้ามาในรอบที่ 2 แสดงว่าความน่าสนใจในตัวคุณมีมากและโอกาสที่จะได้งานก็มากขึ้นด้วย


    พยายามนึกถึงบรรยากาศในห้องสัมภาษณ์รนอบแรกว่าคุณเป็นอย่างไร ทั้งบุคลิกภาพ การวางตัว การตอบคำถาม การแสดงความคิดเห็น และอื่นๆ ที่พอจะจำและนึกภาพออก เก็บรวบรวมไว้เป็นข้อมูลใช้ในการสัมภาษณ์รอบต่อๆไป เพราะนั่นคือความเป็นตัวคุณที่บริษัทพอใจ หรือเป็นคุณสมบัติที่เหมาะกับตำแหน่งนั้นๆ แต่ทุกอย่างต้องตั้งอยู่บนความเป็นตัวของตัวเองไม่เสแสร้งแกล้งทำ….


    ถ้าในการสัมภาษณ์รอบแรก ความกล้าแสดงความคิดเห็นของคุณโดดเด่นกว่าเรื่องอื่นๆ ขอให้ยืดมันเอาไว้ในการสัมภาษณ์รอบที่ 2 ถ้าความโอนอ่อนผ่อนตามของคุณโดเด่นอย่างเห็นได้ชัด ก็ขอให้ยึดเอาไว้เช่นกัน คุณสมบัติเหล่านี้อาจเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับการทำงานในตำแหน่งนั้น หรืออาจไปกันได้กับวัฒนธรรมขององค์กร ถ้าทุกสิ่งที่แสดงออกมาในห้องสัมภาษณ์เป็นตัวคุณอย่างแท้จริง รับรองว่างานที่คุณรอคอยและมีความสุขเมื่ออยู่กับมันกำลังจะมาให้คุณได้สัมผัสในอีกไม่นาน


    นอกจากนึกถึงตัวคุณแล้ว ข้อมูลทุกๆ อย่างของตำแหน่งที่คุณได้รับจากผู้สัมภาษณ์รอบแรกก็เป็นสิ่งสำคัญทีควรใส่ใจ ถ้าคุณเข้าใจลักษณะงานระบบการทำงานขององค์กร หรือแม้แต่วัฒนธรรมขององค์กรอย่างถ่องแท้แล้ว การสัมภาษณ์รอบที่ 2 3 หรือ 4 ของคุณ...ก็ไม่ใช่ปัญหาให้ลองนึก ถ้าต้องรับคนเข้ามาทำงาน 1 คน คุณจะเลือกใครระหว่างคนที่เข้าใจลักษณะงานและระบบงานได้ดี กับอีกคนที่ยังสะเปะสะปะในข้อมูลทั้งที่เคยผ่านการสัมภาษณ์รอบแรกมาก่อนแล้ว ถ้ารู้คำตอบ...คุณจะเลือกเป็นแบบแรกหรือแบบที่ 2 ตัดสินใจไม่ยากเลยใช่ไหม?



    อยากให้คุณรู้ ความคาดหวังของผู้สัมภาษณ์งานรอบที่ 2 ต่อผู้สมัครนั้นมีสูงกว่ารอบแรกมากนัก อย่างน้อยขอให้คุณมีพัฒนาการที่เพิ่มขึ้นสักหน่อย ไม่ว่าเรื่องเกี่ยวกับตัวคุณหรือข้อมูลตำแหน่งงาน พยายามทำการบ้านให้มากขึ้น อาจค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับ
    บริษัทเพิ่มเติม ให้อัพเดท สามารถนำมาเป็นประเด็นพูดคุยในห้องสัมภาษณ์ได้ จะแสดงให้เห็นว่าคุณให้ความสนใจ ให้ความสำคัญกับบริษัท หรือว่างๆ ลองตั้งคำถามจากข้อมูลที่ไดรับการสัมภาษณ์รอบแรก แล้วลองตอบคำถามนั้นเองดู จะทำให้คุณมีความมั่นใจในการตอบมากขึ้น ที่สำคัญมันเป็นการเก็งข้อสอบที่อาจทำให้คุณยิ้มได้ เมื่อเดินออกจากห้องสัมภาษณ์งาน


    ถ้าในการสัมภาษณ์รอบแรก คุณรู้ว่าตำแหน่งนั้นต้องประสานงานกับฝ่ายต่างๆ มากมายเพื่อให้งานประสบความสำเร็จก่อนสัมภาษณ์รอที่ 2 ลองตั้งคำถามดูว่า "หากมีข้อขัดแย้งกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่ต้องประสานงานด้วยกันบ่อยๆ คุณมีวิธีการแก้ปัญหานั้นอย่างไรเพื่อไม่ให้กระทบกับงานที่ทำอยู่" ถ้าในการสัมภาษณ์รอบแรก คุณรู้ว่าวัฒนธรรมองค์กรให้ความเคารพผู้อาวุโสกว่า ก่อนสัมภาษณ์รอที่ 2 ลองตั้งคำถามดูว่า "คุณคิดว่าระบบอาวุโสในองค์กรดีหรือไม่ อย่างไร และจะส่งผลต่อการทำงานของคุณอย่างไรบ้าง?" เป็นต้น


    ยิ่งคิดคำถามได้มากเท่าไหร่ โอกาสที่คุณเก็งข้อสอบถูกก็มีมากขึ้นเท่านั้น เก็บคำถามและคำตอบที่คุณกลั่นกรองแล้วใส่กระปุกให้ดี เชื่อเถอะว่าในห้องสัมภาษณ์งานคุณได้แวะมันออกมาใช้แน่นอน


    จงจำไว้เสมอ การสัมภาษณ์รอบหลังๆ คุณมีข้อมูลมากกว่ารอบแรกเยอะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลที่เกี่ยวกับงานและองค์กรที่ถูกคัดให้เหลือแต่ที่จำเป็นต้องใช้เท่านั้น ไม่ใช่การเหวี่ยงแหอย่างไม่รู้ทิศทางเหมือนในรอบแรก จงใช้ข้อมูลที่ได้รับมานั้นให้เกิดประโยชน์สำหรับตัวคุณมากที่สุด ถึงเวลานี้การพยายามแสวงหาข้อมูลมากมายจากแหล่งอื่นๆ อาจไม่จำเป็นสำหรับคุณเลยก็ได้


    มั่นใจในคุณสมบัติของตัวเองและใช้ข้อมูลที่ได้รับจากการสัมภาษณ์รอบแรกให้เกิดประโยชน์สูงสุด...คือ 2 กระบวนท่าที่คุณพึงใจ เพื่อชัยชนะในสนามประลองรอบที่ 2 ที่ 3 หรืออาจมากกว่านั้น


    กลยุทธ์ หางาน สมัครงาน 10/22



    ขอขอบคุณ...คุณปนัฎดา สังข์แก้ว
    *********************************


    อิสระ เสรี เสมอภาค




    *********************************

หน้าที่ 1 จากทั้งหมด 3 หน้า 123 หน้าสุดท้ายหน้าสุดท้าย

Tags for this Thread

กฎการส่งข้อความ

  • You may not post new threads
  • You may not post replies
  • You may not post attachments
  • You may not edit your posts
  •